
อดใจรออยู่หลายวัน ในที่สุดก็ได้ดูหนังเรื่องนี้เสียที แถมยังสมใจเมื่อได้รับชมผ่านจอหนังใหญ่ๆ อย่าง IMAX รัชโยธิน กับหนังตัวเต็งเข้าชิงตุ๊กตาทองออสการ์มากที่สุดถึง 12 รางวัลด้วยกัน (รวมทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, แสดงนำชายยอดเยี่ยม, แสดงสมทบชายยอดเยี่ยม และผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม) คงเป็นหนังที่ใครหลายๆ คนอยากจะได้ชมในโรง ก็ไม่ใช่เรื่องไหนหรอก ‘The Revenant’ นั่นแหละครับ
ผลงานจากผู้กำกับคนเดิมที่เคยสร้างสรรค์ ‘Birdman’ ให้ลือลั่นทั่วทั้งเวทีอะคาเดมี่อะวอร์ดส์ไปเมื่อปีก่อน เขาก็คือ Alejandro González Iñárritu (อเลฮังโดร จี. อินาร์ริตู) คนนี้นี่เอง ที่ปีนี้พาตัวเองและผลงานไปกระฉ่อนเวทีเดิมอีกครั้ง
แล้วก็ได้เวลาที่ผมจะได้เอิ่บอิ่มกับผลงานอันเอกอุกันแล้วละ
เรื่องย่อหนัง ‘The Revenant ต้องรอด’
ย้อนไปไกลในสมัยที่คนขาวยังไม่ได้ยึดพื้นที่อเมริกาอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าผู้มาใหม่ หรือผู้ที่จับจองอยู่แต่เดิม ต่างก็ยังต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่ออยู่รอดบนแผ่นดินแห่งนั้น คนขาวคือผู้มาใหม่ที่เฝ้าจับจองและตักตวงผลประโยชน์จากแผ่นดินใหม่ แต่ก็ใช่จะทำได้โดยง่ายเมื่อผู้จับจองเจ้าของเดิมก็ไล่ล่าพวกเขาอยู่เช่นกัน ความขัดแย้งที่มีเรื่อยมาทำให้โลกของพวกเขาไม่ง่าย และมีคนล้มหายตายจากไปเรื่อยๆ
จนกลุ่มของพวกเขาเล็กลงทุกที
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้นกับ ฮิวจ์ แกลส (Leonardo DiCaprio) เขาถูกหมีกรีสลีโจมตีจนบอบช้ำหนักปางตาย ในที่สุด เขาก็โดนเพื่อนร่วมทีมอย่าง จอห์น ฟิตซ์เจอรัลด์ (Tom Hardy) ทิ้งไว้กลางป่า แถมยังฆ่าลูกชายตายไปต่อหน้าเสียอีก ไฟแค้นสุมอก
แต่เขายังไม่ตาย…
เหตุการณ์ที่เหลือของเรื่องราวคือการเดินทางกลางป่าเพื่อกลับมาแก้แค้น.. กลางภูมิอากาศที่โหดร้ายหนาวสุดขั้ว ท่ามกลางหมู่มวลศัตรูที่ลอบทำร้ายได้ตลอดเวลา เขา “ต้องรอด” สถานเดียวเพื่อทำภารกิจเดียวนี้ให้สำเร็จ
รีวิวหนัง ‘เดอะ เรเวแนนท์ ต้องรอด’
กลายเป็นเอกลักษณ์ไปแล้ว สำหรับลีลาการเล่าที่ดุดัน และการถ่ายภาพที่ใช้วิธีการวนกล้องไปมา แม้ไม่ถึงกับใช้เทคนิคลองเทค แต่งานภาพก็มีความเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ส่วนงานดนตรีประกอบก็เท่และติสต์อย่าบอกใครเช่นกัน
‘ต้องรอด’ เด่นที่งานภาพและงานเสียง
มันคือเรื่องราวที่ถ่ายทอดโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริง ของนักล่าขนสัตว์ที่ถูกทิ้งให้ตายอยู่กลางป่า แต่กลับรอดชีวิตเพื่อกลับมาแก้แค้น ที่ถูกเล่าด้วยงานภาพที่เน้นแสงธรรมชาติ และเป็นแสงธรรมชาติที่ “โคตรน้อย” ภาพจึงมักจะดูมืดๆ มัวๆ อยู่ตลอดเวลา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับชมผ่านโรงภาพยนตร์ที่ฉายภาพออกมาชัดเจนและไม่ปรับแสงให้มืดจนเกินไป เพราะมันจะยิ่งทำให้มองภาพได้ยากยิ่งขึ้น
มุมมองของการถ่ายภาพของ ‘The Revenant’ ดูจะเน้นภาพมุมกว้างเสียเป็นส่วนใหญ่ นัยว่าต้องการให้เห็นความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ป่าเขา แมกไม้ ทำให้รู้สึกเหมือนเข้าไปนั่งดูชีวิตของพวกเขาในป่าจริงๆ ขณะที่บางช่วงแสนหนาวเหน็บ มีหิมะโปรยปรายตลอดทาง ดูไปก็ยังรู้สึกหนาวไปด้วยเลยครับ
ฉากการต่อสู้ก็ใช้มุมกล้องที่กวาดแกว่งไปมาและซูมเข้าใกล้ตัวละครให้มากที่สุด จนเหมือนเราจะคลุกอยู่ในวงล้อมของการตีรันฟันแทงนั้นด้วยอีกต่างหาก ทำให้หนังดูมีความ “จริง” มากจนเชื่อสนิทใจว่ามันเป็นเรื่องจริง เสียวไส้ไปกับฉากต่อสู้ที่น่าหวาดเสียว เลือดที่ไหลนอง และแผลที่เหวอะหวะ
ขณะที่ดนตรีประกอบก็ใช้หลัก “ทำน้อยได้มาก” ใช้เครื่องดนตรีน้อยชิ้น เล่นไม่ต้องมาก ไม่ต้องดังตลอดเวลา แต่กดดันให้ขึ้งเครียดได้อย่างน่าประหลาด ประกอบกับการเก็บเสียงประกอบที่แจ่มชัดและเซอร์ราวด์ ทำให้ประสบการณ์ของการรับชมในแบบ IMAX …
คืออะไรที่เหมาะสมที่สุดสำหรับหนังเรื่องนี้
เรื่องราวอาจดูเบาๆ แต่เล่าเรื่องหนักมาก
อ่านดูจากเรื่องย่อก็อาจพบว่ามันคือหนังของพ่อที่ล้างแค้นให้ลูกเรื่องหนึ่ง จริงๆ เรื่องราวมันก็ประมาณแค่นั้นแหละ แต่ทว่าด้วยพลังของงานภาพที่อลังการและสวยงาม หนังใส่ทุกจุดที่คนเจ็บหนักแต่ต้องการล้างแค้นควรจะมี ไหนจะพลังของเสียงดนตรีประกอบที่ช่วงสร้างความกดดันนั่นอีกเล่า
แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน เมื่อหนังหันไปให้ความสำคัญกับงานด้านภาพและเสียง มันก็ทำให้เรานั่งดูหนังด้วยความตื่นตาสนใจในงานภาพจนไม่ได้โฟกัสกับสิ่งที่ตัวละครสนทนากันเท่าไหร่ รึจริงๆ หนังเองก็ไม่ได้เล่าอะไรที่ชัดเจนพอ จนเรามองไม่เห็นมุมอื่นนอกจากการมีชีวิตให้รอดเพื่อกลับไปแก้แค้น
เพียงเท่านั้น…
ทำให้การเล่าเรื่องแสนหนักหน่วงจนกลบความเบาของเรื่องราวไปเลย
การแสดงที่คู่ควรออสการ์ของ ลีโอนาร์โด
พลังการแสดงของ Leonardo DiCaprio ที่หนังให้เวลากับตัวละครของเขาแทบจะทั้งเรื่อง และเขาก็ทำได้ทุกอย่าง ทั้งคลุกดินเปื้อนโคลน โดนหมีฟัดจนเละร่างเต็มไปด้วยแผลสยดสยอง ประคับประคองร่างกายจนถึงวันล้างแค้น มันอาจจะดูว่าไม่ได้มีอะไรที่สูงส่งเป็นพิเศษ แต่เมื่อนับถึงความตั้งใจในการทำงาน เขาเต็มร้อยอย่างน่าทึ่ง เมื่อต้องรับบทบาทคนบาดเจ็บหนักที่ต้องลุกขึ้นมาสู้เพื่อให้ได้แก้แค้นแทนลูก ทำให้คิดได้ว่า
มันอาจจะถึงเวลาสักทีของชายคนนี้แล้วก็ได้
มันเป็นความใฝ่ฝันที่กลายเป็นจริงของหนุ่มน้อยผู้ที่วันหนึ่งเคยเป็นหนุ่มน้อยโรมีโอใน ‘Romeo + Juliet’ เป็นหนุ่มมาดมีเสน่ห์ แจ็ค ดอว์สันใน ‘Titanic’ เป็นนักต้มตุ๋นใน ‘Catch Me If You Can’ เป็นนักโจรกรรมความฝันใน ‘Inception’ หนุ่มหล่อสุดรวยใน ‘The Great Gatsby’ และยังอีกหลายต่อหลายบทบาท แต่เขาคือชายหนุ่มคนที่เข้าชิงออสการ์ในฐานะนักแสดงนำชายมา 5 ครั้ง แต่ผิดหวังเรียบวุธ ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่หก
ซึ่งผมเองก็เฝ้าหวังว่า เขาคงจะได้สมหวังสักที
ชื่อภาพยนตร์: The Revenant / เดอะ เรเวแนนท์ ต้องรอด
ผู้กำกับภาพยนตร์: Alejandro González Iñárritu
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Mark L. Smith (screenplay), Alejandro González Iñárritu (screenplay) (as Alejandro G. Iñárritu)
นักแสดงนำ: Leonardo DiCaprio, Tom Hardy, Will Poulter, Domhnall Gleeson, Forrest Goodluck, Paul Anderson, Kristoffer Joner, Joshua Burge
ความยาว: 156 นาที
แนว/ประเภท: Adventure, Drama, Thriller
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 4 กุมภาพันธ์ 2559
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: New Regency Pictures, Anonymous Content, Appian Way
คะแนนหนัง เดอะ เรเวแนนท์ ต้องรอด
The Revenant - 9
9
The Revenant
เมื่อหนังหันไปให้ความสำคัญกับงานด้านภาพและเสียง มันก็ทำให้เรานั่งดูหนังด้วยความตื่นตาสนใจในงานภาพจนไม่ได้โฟกัสกับสิ่งที่ตัวละครสนทนากันเท่าไหร่ รึจริงๆ หนังเองก็ไม่ได้เล่าอะไรที่ชัดเจนพอ จนเรามองไม่เห็นมุมอื่นนอกจากการมีชีวิตให้รอดเพื่อกลับไปแก้แค้น
1 คอมเมนต์