เป็นหนังไซไฟต่างดาวที่อยู่กับเรามานานมาก มีทั้งภาคต่อของตัวเอง แล้วก็ยังมีผสมข้ามสายพันธุ์ไปเจอกับเหล่าเอเลี่ยนอีกด้วย ‘The Predator’ หรือชื่อไทย ‘เดอะ เพรดเดเทอร์’ ที่เป็นเหมือนการปลุกชีพให้กับมนุษย์ต่างดาวที่มีความสามารถในด้านการต่อสู้สูงส่งและน่าเกรงกลัวยิ่ง บัดนี้ พวกเขาได้กลับมาแล้ว
หน้าที่การกำกับหนังถูกเปลี่ยนมือมาเป็นของ Shane Black ผู้กำกับผู้ได้ชื่อว่าสร้างหนังสุดฮาได้สุดแนว อย่าง ‘The Nice Guys’ และ ‘Iron Man 3’ ครั้งนี้ เข้าได้สิทธิ์ในการกำหนดทิศทางใหม่ๆ ของหนังที่มีทั้งส่วนผสมของไซไฟ ระทึกขวัญ และคอมิดี้เบาสมอง
นี่เป็นหนังเอเลี่ยนที่มีทั้งแอ็กชั่นและผจญภัยด้วย หนีไม่พ้นแนวนี้แน่ๆ
เรื่องย่อหนัง ‘The Predator’
เรื่องราวเกิดขึ้นจากห้วงอวกาศอันไกลโพ้น สู่ถนนเล็ก ๆ ในย่านชานเมือง การไล่ล่ากลับมาอีกครั้ง นักล่าที่อันตรายที่สุดในจักรวาลก็แข็งแกร่งขึ้น ฉลาดขึ้น และอันตรายยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา
พวกมันตัดต่อพันธุกรรมของตนเองเข้ากับดีเอ็นเอของสปีชี่อื่น ๆ ในจักรวาล และเมื่อเด็กชายคนหนึ่งบังเอิญกระตุ้นให้พวกมันกลับมาที่โลกอีกครั้ง มีเพียงสมาชิกแร็กแท็กจากอดีตทหาร และอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์อีกหนึ่งคนที่ไม่ได้รับการยอมรับเท่านั้น ที่จะช่วยไม่ให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องสิ้นสุดลง
รีวิวหนัง ‘เดอะ เพรดเดเทอร์’
ถ้าจะไล่เรียงกัน เรารู้จักเหล่าพรีเดเตอร์มาหลายภาคแล้ว ก่อนที่จะเป็นเพรดเดเทอร์ในวันนี้ ซึ่งก็ได้แก่
- Predator (1987) คนไม่ใช่คน
- Predator 2 (1990) คนไม่ใช่คน 2 บดเมืองมนุษย์
- AVP: Alien vs. Predator (2004) เอเลี่ยน ปะทะ พรีเดเตอร์ สงครามชิงเจ้ามฤตยู
- AVPR: Aliens vs Predator – Requiem (2007) สงครามฝูงเอเลี่ยนปะทะพรีเดเตอร์ 2
- Predators (2010) มหากาฬพรีเดเตอร์
ความนิยมที่ค่อยลดหลั่นลง ก่อนจะกลับมาใน พ.ศ.นี้
เรื่องราวที่หันมาเล่าถึง ควินน์ แม็คเคนน่า (Boyd Holbrook) พ่อหนุ่มมือสังหารผู้ฆ่าคนเพื่อยังชีพ แต่นั่นทำให้เขาไม่ค่อยได้อยู่กับครอบครัวนัก ในวันทำงานวันหนึ่ง เขากลับได้พบกับยานประหลาดจากต่างดาวที่ตกลงมาตรงหน้า เขาเก็บชิ้นส่วนหลักฐานบางอย่างได้ แต่ก็ได้ส่งเป็นพัสดุไปเก็บซ่อนไว้ ขณะที่ทางการพยายามเค้นเอาความจริง เขาจึงถูกควบคุมตัวจนไปเจอกับทีมสุดฮา
ขณะที่ลอรี่ (Jacob Tremblay) ลูกชายของเขาดันไปเปิดพัสดุเข้า ส่งผลให้เพรดเดเทอร์อีกตัวสะกดรอยมาจนเจอ
บางองค์กรจับตัวมันไปได้ และหวังจะทดลองศึกษาอะไรกับมัน แต่ด้วยพละกำลังที่มีจึงหลุดรอดพ้นไปในที่สุด จนได้เจอกับแม่นักวิทยาศาสตร์ที่เก่งด้านบู๊เหลือหลายอย่าง เคซี่ แบร็กเกต (Olivia Munn)
ไปๆ มาๆ เหล่าคนบ้าคนบวมทั้งหลายก็ได้ร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์สาวในการต่อสู้และกำจัดภัยร้ายเหล่านี้
ความไม่เหมือนใครของ ‘เดอะ เพรดเดอทอร์’ ภาคนี้ นอกจากเขาจะเรียกชื่อมันได้ถูกต้องตรงกับในหนังแล้ว มันก็มีความหนังคอมิดี้มากขึ้น ผสมเข้ากับภาพสุดโหดระดับไส้ไหลของหนังแฟรนไชส์เรื่องนี้ มันทำให้เกิดความคัลท์ที่หลายคนไม่ได้คาดไปถึงมาก่อน
หนังอาศัยความเพี้ยนของตัวละครเป็นส่วนประกอบหลัก พวกเขาจะสนทนากันมากมายเต็มไปด้วยมุก ชนิดที่ต้องอ่านซับไตเติลกันเป็นพัลวัน และแน่นอนว่า ถ้าซับแปลไม่ดี ไม่ชวนคนอ่านเก็ทมุกแล้วล่ะก็ ก็จะไม่ได้ยินเสียงฮาเท่าที่ควร แต่ถ้าอันไหนโดนจริงโดนจังล่ะก็ มุกอันนั้นฮากลิ้งกันอย่างแน่นอน
แต่เพราะความที่มันตลกเรี่ยราด มันก็จะทำให้บทมันมีความเป๋ๆ กันไปได้พอสมควร
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีหลายอย่างที่อาจจะไม่ชอบใจในภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเช็ตฉาก อุปกรณ์และเทคนิคที่ดูไม่ล้ำไปตามยุคสมัยหรือเทคโนโลยีสมัยนี้ บางครั้งบางหนมันดูเหมือนดูหนังแอ็กชั่นสมัยเก่า แต่ก็เชื่อว่า Shane Black น่าจะมีไอเดียและเหตุผลของเขาอยู่ ถ้าตามมุกทันก็จะฮากันระเบิดระเบ้อ เจอกับตัวละครเพี้ยนๆ และนางเอกที่ดูบุคลิกไม่ใช่ไปตลอดทั้งเรื่อง
ชอบในไอเดียใหม่ๆ ที่ใส่ลงไปในหนัง ทำให้ได้เห็นว่าเหล่าเพรดเดเทอร์เองก็มีเทคโนโลยีในการพัฒนาความแข็งแกร่งในตัวเอง
แถมยังปิดท้ายด้วยการเปิดประเด็นสำหรับใครที่จะมาสร้างภาคต่อให้อีกต่างหาก
ชื่อภาพยนตร์: The Predator / เดอะ เพรดเดเทอร์
ผู้กำกับภาพยนตร์: Shane Black
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Fred Dekker, Shane Black
นักแสดงนำ: Boyd Holbrook, Trevante Rhodes, Jacob Tremblay, Olivia Munn
ความยาว: 107 นาที
ปี: 2018
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Horror, Sci-Fi, Thriller
อัตราส่วนภาพ: 2.39 : 1
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
เรท: ไทย/, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 13 กันยายน 2561
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Twentieth Century Fox, Davis Entertainment, TSG Entertainment
เดอะ เพรดเดเทอร์
The Predator - 7
7
The Predator
ได้เวลากลับมาอีกครั้ง กับ The Predator หรือ เดอะ เพรดเดเทอร์ เอเลี่ยนล่าสังหารที่มีอาวุธครบมือแถมยังมีความสามารถสูงล้ำในการผสมข้ามพันธุ์ เป็นไอเดียที่แปลกใหม่ ใส่เข้ามาในหนังที่มีตัวละครเพี้ยนๆ เอาแต่เล่นยิงมุกใส่กัน ทำให้ตรรกะของเรื่องราวอาจจะดูแปลกๆ ไปบ้าง ก็ถือเป็นหนังที่สร้างความบันเทิงผสมโหดเลือดสาดไปในเรื่องเดียวกัน