รีวิวหนัง The Little Mermaid เงือกน้อยผจญภัย | งานดีในหลายองค์ประกอบ

คงมีบางคนที่เคยได้ดู ‘The Little Mermaid’ เวอร์ชันการ์ตูนแอนิเมชันที่ดิสนีย์สร้างไว้ในวันเก่า พวกเขาจึงตั้งตารอคอยที่จะได้พบกับเงือกน้อยเวอร์ชันใหม่ที่ใช้คนแสดง หลังได้ติดตามข่าวคราว ฟังเสียงตอบรับทั้งแง่ดีแง่ร้าย ผ่านมาทุกอย่าง จนถึงวันหนังเข้าฉาย จากเวอร์ชัน 1989 สู่เวอร์ชันใหม่ ปี 2023 กับ ‘เงือกน้อยผจญภัย’ ที่จะพาทุกคนไปร่วมกันโลดแล่นกับการผจญภัย ทั้งใต้ท้องทะเลสีคราม บนเรือสินค้า ริมชายหาด และในปราสาทของเจ้าชาย

จากเวอร์ชันแอนิเมชันความยาว 1 ชั่วโมง 23 นาที สู่เวอร์ชันไลฟ์แอ็คชันที่ยาว 2 ชั่วโมง 15 นาที ที่หยิบเอาผลงานของ Hans Christian Andersen มาเรียบเรียงเป็นบทภาพยนตร์โดย David Magee (เจ้าของผลงานการเขียนบทหนังเรื่อง ‘Finding Neverland’ (2004) และ ‘Life of Pi’ (2012) และกำกับโดย Rob Marshall ที่เคยทั้งกำกับ ‘Into the The Woods’ , ‘Chicago’ และ ‘Mary Poppins Returns’

โดยได้ Halle Bailey สาวน้อยวัย 23 เสียงดีมาเล่นเป็นเงือกน้อยแอเรียล

เรื่องย่อหนัง ‘The Little Mermaid’

ตำนานบทใหม่ของอีกหนึ่งเจ้าหญิงดิสนีย์จะถูกขีดเขียนขึ้นอีกครั้ง เรื่องราวของ แอเรียล (Halle Bailey) เงือกสาววัยว้าวุ่นผมสีแดง ลูกของราชาไตรตัน (Javier Bardem จากหนังเรื่อง ‘Skyfall’ และ ‘Dune’) ผู้เข้มงวดที่ออกกฎสั่งห้ามไม่ให้เธอออกไปว่ายเล่นในพื้นที่อันตราย และไม่ให้ไปสุงสิงกับมนุษย์ที่แอเรียลหมกมุ่นนักหนา

แต่แอเรียลเธอเป็นเงือกสาวผู้งดงามและเปี่ยมไปด้วยสปิริตการผจญภัย วันหนึ่งเธอก็ได้พบกับอีริค (Jonah Hauer-King จากหนังเรื่อง ‘A Dog’s Way Home’) เจ้าชายที่ชอบจะผจญภัยด้วยการเดินทางไปกับเรือสินค้า แต่เพราะเรือเกิดอับปางและได้แอเรียลช่วยชีวิตไว้

งานนี้ ไม่พ้นสายตาของ เออร์ซูล่า (Melissa McCarthy จากหนังเรื่อง ‘Spy’ และ ‘Thor: Love and Thunder’) หมึกตัวร้ายที่หมายบัลลังก์ของไตรตัน นางมองเห็นว่า แอเรียลตามหมกมุ่นอยู่กับเจ้าชายอีริคเหลือเกิน จึงทำให้ความปรารถนาของแอเรียลเป็นจริง แต่ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียบางอย่าง

รีวิวหนัง ‘เงือกน้อยผจญภัย’

คาแรกเตอร์ของเงือกน้อยแอเรียลนั้น ก็ไม่ต่างจากวัยรุ่นทั้งหลายที่ไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแม่นัก แถมมองว่าข้อห้ามของพ่อแม่เป็นเรื่องจุกจิกเกินไป แอเรียลก็เช่นกัน เธอไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อของตนเอง แม้เขาจะบอกเหตุผลว่าเพราะมนุษย์คือสาเหตุการจากไปของแม่ แต่เธอก็ยังคงมองว่าไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่จะเป็นอย่างนั้น เธอยังคงสนุกกับการเก็บสิ่งของจากเรืออับปาง ฝันจะได้สัมผัสกับไฟ และฝันจะได้มีขาเดินเหินเหมือนอย่างมนุษย์บ้าง

เธอถึงกับเลือกจะแลกเสียงร้องอันงดงามของตนเอง กับการได้เป็นมนุษย์เพียง 3 วัน ที่เออร์ซูล่าหยิบยื่นด้วยหวังร้าย เพราะเห็นว่าการได้สมดังปรารถนานั้น ล้ำเลิศกว่าเสียงร้องของเธอ

แม่มดเออร์ซูล่า ในเรื่องนี้ก็มีสีสันต่อเรื่องราวไม่เบา นางดำรงตนเป็นหมึกยักษ์ขี้อิจฉา นางริษยาในพลังและอำนาจของกษัตริย์ไตรตัน มีพลังในการเฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อื่น เมื่อสบช่อง เห็นแอเรียลสนิทสนมกับเจ้าชายอีริค จึงเสนอเงื่อนไขที่แอเรียลมองเป็นโอกาส แต่เออร์ซูล่าก็มองว่าเป็นโอกาสเช่นกัน

แม้ตัวเอกและตัวร้ายจะเป็นที่สนอกสนใจ แต่ตัวละครที่สร้างสีสัน ซึ่งอาจเรียกว่า ‘ตัวขโมยซีน’ ก็น่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า พวกเขาคือแก๊งซีฟู้ดที่ประกอบไปด้วย นก-ปู-ปลา ไม่ว่าจะเป็น สกัตเติล (พากย์เสียงโดย Awkwafina จากหนังครอบครัวเรียกน้ำตา ‘The Farewell’) นกนางนวลที่ภาคภูมิใจเพราะคิดว่าตัวเองรู้เรื่องมนุษย์ไปซะทุกอย่าง, เซบาสเตียน (พากย์เสียงโดย Daveed Diggs เจ้าของรางวัล Tony Award จาก ‘Hamilton’) ปูสีแดงช่างจ้อที่ต้องกลายเป็นปูสองหัวไปโดยไม่ตั้งใจ และฟลาวน์เดอร์ (พากย์เสียงโดยหนุ่มน้อย ‘Wonder’ และ ‘Luca’ Jacob Tremblay)​ โดยเฉพาะเจ้าสองตัวแรก ที่พาผู้ชมหัวเราะคิกคักกับการรับส่งมุกที่เข้าขากันดีพิลึก

หนังที่เคยถูกเล่าขานเมื่อนานมาแล้ว หลายคนก็คงดูไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว เรื่องราวขึ้นต้นและจบลงเช่นไร ก็คงไม่ต้องบอกก็รู้ หลายเสียงเห็นตรงกันว่า เวอร์ชันหนังกึ่งมิวสิคัลแบบไลฟ์แอ็คชันเวอร์ชันนี้ แทบจะถอดแบบมาจากเวอร์ชันดั้งเดิมแบบฉากต่อฉาก แม้จะมีบ้างที่ขยายเพิ่มมาเพื่อรองรับเรื่องราว แต่ก็เพิ่มเติมมาหลายสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นงานภาพใต้ทะเลที่สดสวย ทั้งเหมือนจริงทั้งเหนือจินตนาการระคนกัน เพลงประกอบที่ไพเราะ และมิติของตัวละครที่เพิ่มขึ้น แม้จะไม่เคยดูเวอร์ชันออริจินัลมาก่อน ก็ยังเข้าใจเรื่องราวได้

สิ่งหนึ่งที่มองเห็นเด่นชัด คือ การแสดงสีหน้าและน้ำเสียงของ Halle Bailey ที่ไม่ชวนรู้สึกกังขาอะไร มองว่าเธอเป็นแอเรียลได้อย่างสมบูรณ์แบบ ที่ทั้งน่ารัก มีเสน่ห์ และสามารถเฉิดฉายได้ในแบบของตนเอง

โดยรวมมันคือ หนังไลฟ์แอ็คชันที่ผสมผสานความเป็นหนังพูดกับมิวสิคัลได้ลงตัว งานภาพใต้ท้องทะเลสวยสดงดงามตรึงใจ เพลงประกอบมีความหลากหลายและเข้ากับสถานการณ์ รวมทั้งใช้คาแรกเตอร์ที่เป็น sidekcck สร้างสีสันความอารมณ์ดีและเป็นตัวขโมยซีน น่าจะสร้างความประทับใจได้เป็นอย่างดีต่อบรรดาแฟนหนังเจ้าหญิงดิสนีย์และคอหนังมิวสิคัลได้อย่างไม่ยากเย็น

รวมหนังไลฟ์แอ็คชันของเจ้าหญิงดิสนีย์

• รีวิวหนัง ‘Beauty and the Beast โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’
• รีวิวหนัง ‘Cinderella’
• รีวิวหนัง ‘Aladdin’

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง