ในช่วงนี้เหมือนตัวเองพยายามค้นหาดูหนังที่ขาดหายไปในดินแดนสตรีมมิ่ง เดินทางไปเส้นทางที่แยกออกไปจากเส้นทางเดิมบ้าง จนวันหนึ่งจึงได้ไปพบกับหนังที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์หน้าที่จางไป หน้าที่คนไทยอย่างเราไม่เคยได้รู้มาก่อน เรื่องราวที่รับบทโดยนักแสดงคุณภาพที่เรารู้จักดี วันนี้ ผมจะขอหยิบภาพยนตร์เกาหลีใต้เรื่อง ‘The Last Princess’ มาเขียนถึงครับ
ดัดแปลงจากวรรณกรรมเรื่อง ‘Princess Deok-hye’ ของ Kwon Bi Young นักเขียนเจ้าของรางวัลวรรณกรรมชิลลาแห่งเกาหลี เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกับราชวงศ์ในเกาหลี ประเทศนี้เผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ นานา รวมถึงการที่เจ้าหญิงของตนเองต้องพลัดถิ่นไปอาศัยอยู่ในแผ่นดินอื่น
เป็นเวลาที่นานแสนนาน…
เรื่องย่อหนัง ‘The Last Princess’
เรื่องที่สร้างจากเรื่องจริงของเจ้าหญิงด็อกฮเย (Son Ye Jin/ซนเยจิน เจ้าของผลงานหนัง ‘Be With You’ และซีรีส์ ‘Crash Landing on You’ และ ‘Something in the Rain’) พระธิดาองค์เล็กของพระเจ้าโกจง เจ้าหญิงองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โชซอน องค์หญิงตัวน้อยที่เคยถูกวางตัวให้ได้แต่งงานกับคิมจางฮัน (Park Hae Il/พัคแฮอิล จากหนัง ‘Eungyo’ และ ‘The Host’) บุตรชายของท่านแม่ทัพ
ในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองเกาหลีและพยายามจะรวมสองแผ่นดินให้เป็นแผ่นดินเดียวกัน พระองค์ถูกบังคับให้ต้องเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นเช่นเดียวกับพระเชษฐาของพระองค์
ถึงแม้จะมีความเป็นอยู่ที่ดี แต่ความคิดถึงมารดาก็เป็นส่วนสำคัญในความเป็นไปทั้งภายนอกและภายใน เรื่องราวทั้งหมดกลายเป็นเหมือนโศกนาฏกรรมของเจ้าหญิงผู้โหยหาและถูกกีดกั้นมิให้ได้กลับดินแดนเกาหลี
รีวิวหนัง ‘The Last Princess’
เรื่องราวในหนังเล่าตั้งแต่ชีวิตในวัยเด็ก ผ่านช่วงเวลาของความยากลำบากและการดิ้นรนบนแผ่นดินญี่ปุ่น จวบจนวันที่ได้กลับแผ่นดินถิ่นเกิด
เรื่องราวประวัติราชวงศ์เกาหลีที่เราเพิ่งเคยพบ
หนังไม่ได้เล่าตามลำดับวันเวลาเสียทีเดียว แต่ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร เข้าใจได้ง่ายด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เรื่องราวที่เล่าอาจเต็มไปด้วยความหนักอึ้งและจริงจัง มีรอยยิ้มเพียงบางๆ ปะปนในช่วงต้นเพียงบางส่วนเท่านั้น
ในช่วงเวลาเหล่านั้น เกาหลีมีทั้งจีนมีทั้งญี่ปุ่นที่พัวพันอยู่ ช่วงเวลาที่สถาบันกษัตริย์เริ่มสั่นไหวรุนแรง เมื่อญี่ปุ่นเข้ามาคุกคาม บีบบังคับให้องค์หญิงองค์ชายต้องไปอยู่ที่ญี่ปุ่น แต่งงานกับคนญี่ปุ่น ทั้งยังได้ยินมาว่าราชวงศ์ที่ได้ไปที่นั่น ไม่มีพระองค์ใดที่ได้กลับบ้านเกิด
ได้เห็นว่าคนเกาหลีบางคนที่แปรพักตร์ไปอยู่กับญี่ปุ่น ได้เห็นคนเกาหลีบางกลุ่มที่ยังภักดีต่อบ้านเกิด หนังเรื่องนี้ทำให้ตระหนักและเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าทำไมคนเกาหลีหลายคนจึงเกลียดชังญี่ปุ่น
หนังสร้างขึ้นจากวรรณกรรมของ Kwon Bi Young ที่เล่าเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ หนังสือติดอันดับขายดีของประเทศเกาหลีใต้ภายในหนึ่งเดือน ส่วนหนังก็มีผู้เข้าชมภาพยนตร์กว่า 2 ล้านคนภายในเพียงสัปดาห์เดียว
ได้เห็นบทบาทหนักๆ ในการแสดงของซนเยจิน
ซนเยจิน คือ หญิงสาวที่แทบจะแบกเรื่องราวเอาไว้ทั้งหมด ถ้าผู้กำกับไม่ได้เลือกเล่าในมุมของคิมจางฮัน คู่หมั้นที่เป็นได้เพียงผู้คุ้มครอง ห่วงใย และดูแลพาเธอกลับมา
เราจึงได้เห็นซนเยจินในบทบาทที่แตกต่างออกไปจากที่เคยเห็นในซีรีส์ เพราะนี่เป็นชีวิตของคนในราชวงศ์จริงๆ ที่ไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างที่เคยเห็น แต่หมองหม่นโศกเศร้าเมื่อเธอต้องแสดงเป็นเจ้าหญิงที่รักในประชาชนเกาหลี แต่กลับต้องพลัดถิ่นและหายไปจากความทรงจำของประชาชนของตนเอง คิดถึงมารดา พยายามจะกลับไปหา แต่วันที่เธอกลับไปได้ มารดาของเธอก็ไม่อยู่ให้พบเจอเสียแล้ว
ช่วงท้ายของหนังคือความเศร้าสลดจนต้องเสียน้ำตาให้ …แม้เราจะไม่ใช่คนเกาหลีเลยก็ตาม
ภาพยนตร์เรื่อง: The Last Princess / Deokhyeongju / 덕혜옹주
ผู้กำกับภาพยนตร์: ฮอจินโฮ (Hur Jin Ho) (เจ้าของผลงานดังอย่าง Christmas in August, One Fine Spring Day, April Snow)
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: ฮอจินโฮ (Hur Jin Ho), ควอนบียอง (Kwon Bi Young) (based on the novel “Princess Deok-hye” by), Seo Yoo Min, Kim Hyoun Jung
นักแสดงนำ: ซนเยจิน (Son Ye Jin), พัคแฮอิล (Park Hae Il), รามีรัน (Ra Mi Ran)
ความยาว: 127 นาที
ปี: 2016
แนว/ประเภท: Action, Biography, Drama, History
อัตราส่วนภาพ: 2.35: 1
ประเทศ: เกาหลีใต้
เรท: ไทย/, MPAA/
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: –
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Lotte Entertainment
The Last Princess
พล็อตและบท - 7.8
การแสดง - 8.9
เพลง/ดนตรีประกอบ - 7
การดำเนินเรื่อง - 7.2
งานภาพ - 7.9
7.8
The Last Princess
พบกับเรื่องราวจริงของราชวงศ์ที่กำลังมาถึงจุดล่มสลาย เหตุความน่าหดหู่เศร้าของเจ้าหญิงที่พลัดพรากจากบ้านเกิดไปไกล แถมยังถูกกีดกันต่างๆ นานามิให้ได้กลับประเทศ ซนเยจิน แสดงไว้ได้ดีจริงครับ