ในที่สุด เราก็พบเจอหนังบนบริการของ Netflix ที่สร้างโดย Netflix และมีคุณภาพที่น่าชื่นชม ยิ่งนี่เป็นผลงานการกำกับของลุงสกอร์เซซี่ ผลงานที่ผ่านมาการันตีได้แน่นอน ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึง ‘The Irishman’ หรือชื่อไทย ‘คนใหญ่ไอริช’ นั่นเองครับ
เรื่องราวที่หยิบมาจากเรื่องจริงของบุคคลผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง กับภาพยนตร์ที่มาความยาวราวสามชั่วโมงครึ่ง เรียกได้ว่า ยาวสุดกันไปเลยแหละครับ
ว่าแต่มันมีดียังไงมั่งน้า ภาพยนตร์เรื่องนี้
เรื่องย่อๆ ของ ‘The Irishman’
หนังเล่าเรื่องราวองค์กรอาชญากรรมในอเมริกาช่วงหลังสงครามผ่านมุมมองของ แฟรงก์ เซีบรัน (Robert De Niro จากหนังเรื่อง ‘Raging Bull’, ‘Joker’ และ ‘Cape Fear’)
เขาเคยเป็นทหารผ่านศึกสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เคยขับรถขายเนื้อ และคนรับจ้างทาสีบ้าน หรือจริงๆ ก็คืออาชีพมือปืนรับจ้างนั่นแหละ
จากคนขับรถขายเนื้อ วันหนึ่งเขาก็ได้ทำงานให้กับบุคคลที่อันตรายที่สุดบางคนในศตวรรษที่ 20 ซึ่งรวมไปถึง เขาได้มารู้จักกับ รัสเซล บัฟฟาลิโน่ (Joe Pesci จากหนังเรื่อง ‘Raging Bull’ และ ‘Goodfellas’) คนที่เขาต้องขับรถพาไปงานแต่งงานญาติของตัวเอง อีกทั้งยังมี จิมมี่ ฮอฟฟา (Al Pacino จากหนังเรื่อง ‘The Godfather’ ทั้งสามภาค) ผู้นำสหภาพแรงงานในตำนาน
เรื่องราวที่ดำเนินไปในช่วงระยะเวลา 10 ปีและตีแผ่ปริศนาที่ยังไม่มีการไขกระจ่างในประวัติศาสตร์อเมริกา นั่นคือการหายตัวไปของจิมมี่ ฮอฟฟา พร้อมล้วงลึกองค์กรอาชญากรรมในด้านที่ไม่มีใครได้รู้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานแบบวงใน คู่อริ เส้นสาย ไปจนถึงการเมืองระดับประเทศ
รีวิวหนัง ‘The Irishman’
บางคนอาจจะบอกว่านี่คือการหวนคืนกลับมายิ่งใหญ่ของชายผู้นี้ Martin Scorsese อันที่จริง งานก่อนหน้านี้ของเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามือตกไปมากมายแต่อย่างใด สังเกตได้จาก ‘Silence’ งานดีงานเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เบา หรืออย่าง ‘The Wolf of Wall Street’ งานระดับเฉียดออสการ์ 5 รางวัล หรืออย่างหนังที่เล่าเรื่องเด็กแถมพ่วงความคารวะต่อหนังเงียบอย่าง ‘Hugo’ ก็คงไม่อาจนับเป็นงานที่มือตกแต่อย่างใด
หากนี่เป็นการนำสามนักแสดงนำระดับเอกอุของวงการมารวมตัวและร่วมแสดงอยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน หนังที่สร้างขึ้นจากหนังสือของ Charles Brandt และดัดแปลงเป็นบทหนังโดย Steven Zaillian
เล่าเรื่องด้วยสองสามเส้นเรื่องที่เล่าล้อไปด้วยกัน หนึ่งคือชายแก่คนหนึ่งซึ่งมาบอกเล่าชีวิตที่ผ่านมาของตนบนเก้าอี้รถเข็น สองคือหนังโร้ดมูฟวี่ของชายคนหนึ่งที่ขับรถพารัสเซล บัฟฟาลิโน่ ข้ามรัฐไปงานแต่งงานของญาติ ในรถมีหญิงสาวไปด้วยสองคนที่ต่างก็เป็นภรรยาของผู้ชายของตน กับเส้นเรื่องที่สาม นั่นคือเรื่องราวที่อยู่ในคำบอกเล่าของชายแก่จากเส้นเรื่องที่หนึ่ง และแน่นอนว่า …
สุดท้ายแล้วเรื่องราวในเส้นเรื่องทั้งสามจะต้องมาบรรจบในเวลาใดเวลาหนึ่ง
แต่สกอร์เซซีเล่ามันด้วยเวลาถึง 3 ชั่วโมง 29 นาที อันเป็นความยาวของหนังที่มากที่สุดเท่าที่เคยดูมาเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว แต่ทว่า มันก็เป็นการเล่าที่เต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์ อารมณ์ขัน และมีความรุนแรงแทรกซึมอยู่ในนั้น ทำให้หนังเดินไปอย่างไม่น่าเบื่อเลย
ลุงสกอร์เซซีแกใช้เวลาละเลียดเล่าเรื่องได้ละเอียดละออ ว่าจากอาชีพธรรมดาๆ อย่างคนขับรถขายเนื้อกลับกลายมาเป็นคนในวงการมาเฟีย กลับกลายมารู้จักกับรัสเซล รู้จักกับจิมมี่ ฮอฟฟา ได้ยังไง เริ่มจากที่รู้จักใครก่อน ก่อนจะไล่ไปถึงคนสำคัญ คนที่จะทำให้เรื่องมันมาขมวดตอนท้ายเรื่อง เล่าด้วยอารมณ์ขัน มีมุกชวนให้หัวเราะตลอดๆ
แน่นอนว่า มันมีเรื่องให้เล่าไปได้ตลอด มันเลยไม่แปลกที่หนังจะยาวขนาดนี้
ด้วยเหตุที่มันเป็นหนังของสกอร์เซซี มันจึงควรค่าแก่การรับชมในโรงภาพยนตร์เพื่อจะได้รับอรรถรสอย่างเต็มอิ่มโดยไม่มีสิ่งอื่นมารบกวนหรือดึงความสนใจ แต่ด้วยความที่หนังยาวระดับสามชั่วโมงครึ่งกับหนังที่ค่อนข้างมีรายละเอียด มีตัวละครมากมาย การรับชมเป็นเวลานานอาจทำให้สมองมึนเบลอไปได้บาง การรับชมผ่านระบบสตรีมมิ่งของ Netflix อาจทดแทนด้วยการที่คุณจะลุกไปฉี่หรือพักสายตาตอนไหนก็ได้ แต่สิ่งที่เสียไปก็คือ อรรถรสในโรงหนัง การถูกดึงความสนใจ ไม่โฟกัสกับหนังมากพอ จนถึงขั้นว่าต้องดูหลายหนกว่าจะจบเรื่อง มันเป็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสียของการรับชมแบบนี้อะนะ
นับเป็นอีกหนึ่งผลงานคุณภาพของผู้กำกับคนนี้ ทั้งยังเป็นการนำเอาคนเก่งที่เราชื่นชมมาผสมอยู่ร่วมในหนังเรื่องเดียวกัน ทั้ง Robert De Niro, Al Pacino, Joe Pesci แถมยังมี Anna Paquin ที่รับบทลูกสาวของแฟรงก์ เชียรันอีกต่างหาก แม้จะมีบทไม่มากไม่มายนัก แต่เธอก็ใช้สายตาได้ดีบ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด
หนังใช้เวลายืดยาวเล่าตั้งแต่ต้นเหตุของการเข้ามาเดินอยู่ในสายงานอาชญากรรมของชายขายเนื้อคนหนึ่ง จนมาถึงเวลาขมวดปมที่ดูไม่ได้เร่งเร้าแต่ชวนเราลุ้นอยากรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะปิดท้ายด้วยความน่าสะเทือนใจ ชายผู้ซึ่งอยู่กับอาชญากรรมมาครึ่งชีวิต กาลเวลาผ่านไปทุกวินาที พรากความหนุ่มสาวและนำพาความชรามาให้ สุดท้าย อาชญากรคนหนึ่งก็ไม่อาจหนีพ้น วันเวลาที่เหลือน้อยลงทุกทีแต่เวลาที่เหลือกลับหมองหม่นจมจ่อมอยู่กับสิ่งผิดบาปที่อยู่ในใจและไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้
มันเป็นหนังที่เล่าเรื่องการเดินทางของชายผู้หนึ่งบนถนนที่ไม่น่าเดิน
ภาพยนตร์เรื่อง: The Irishman / คนใหญ่ไอริช
ผู้กำกับภาพยนตร์: Martin Scorsese (มาร์ติน สกอร์เซซี่)
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Charles Brandt (book), Steven Zaillian (screenplay)
นักแสดงนำ: Robert De Niro, Al Pacino, Joe Pesci, Anna Paquin
ความยาว: 209 นาที
ปี: 2019
แนว/ประเภท: Biography, Crime, Drama
อัตราส่วนภาพ: 1.85 : 1
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
เรท: ไทย/, MPAA/
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Fábrica de Cine, STX Entertainment, Sikelia Productions, Netflix
คนใหญ่ไอริช
บทและพล็อต - 9.6
การแสดง - 10
เพลง/ดนตรีประกอบ - 9.5
การดำเนินเรื่อง - 9.1
งานภาพ - 9.1
9.5
The Irishman (2019)
แค่เป็นหนังที่กำกับโดย Martin Scorsese แสดงโดย Robert De Niro, Al Pacino, Joe Pesci ก็น่าดูมากมายแล้ว แต่นี่เป็นหนังบน Netflix ที่มีความยาวราวสามชั่วโมงครึ่ง นับว่าเป็นหนังที่ยาวมากทีเดียว แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ไม่อาจพลาดได้สักนาที ตัวละครยุ่บยั่บจนอาจเหมาะกับการรับชมในสตรีมมิ่ง แต่อรรถรสของการชมในโรงหนังอาจหลุดลอยไป