วันหนึ่งในปี 2012 คนไทยและคนทั่วโลกได้ชม ‘Snow White and the Huntsman’ แม้ว่าจะไม่ได้ปังอะไรนัก แถมมีข่าวฉาวระหว่างนักแสดงสาวกับผู้กำกับฯ ส่งผลต่อรายได้และการไปต่อของหนังอยู่พอสมควร สี่ปีผ่านไป เรื่องราวของเหล่าพรานป่ากลับมาโลดแล่นอีกครั้ง แต่คราวนี้ พวกเขาจะทิ้ง ‘Snow White’ ไว้เบื้องหลัง แล้วหันมาเล่าเรื่องราวดราม่าระหว่างสองพี่น้องราชินีจอมพลังแทน โดยเลือกให้ชื่อหนังเน้นไปที่พรานป่าแทน
ภาคใหม่ที่ไม่แน่ใจว่าจะเรียกภาคต่อหรือไม่ แต่แค่ชื่อหนังก็เปลี่ยนไปแล้ว ใช้ ‘The Huntsman Winter’s War’ เหมือนซีรีส์นี้ผู้สร้างจะมุ่งเน้นที่ตัวเหล่าพรานมากกว่า ที่เหลือก็เลือกเอาว่าจะเล่าตำนานสโนว์ไวท์ หรือแม้แต่ราชินีทั้งหลายที่รายรอบตัวเหล่าพราน
ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปแหละนะ
เรื่องย่อหนัง ‘The Huntsman Winter’s War’
จริงๆ แล้วเรื่องมันก็กลับไม่ได้เน้นไปที่พรานหนุ่มอย่าง เอริค (Chris Hemsworth) สักเท่าไหร่ ไปๆ มาๆ หนังเน้นหนักไปที่เหล่าสองสาวพี่น้องราชินีเสียมากกว่า แต่เพราะความเห็นไม่ตรงกัน ราเวนน่า (Charlize Theron) ราชินีผู้พี่พลาดไปทำร้ายน้องเข้าจนเป็นเหตุให้ เฟรย่า (Emily Blunt) ราชินีผู้น้องระเบิดพลังเยือกเย็นออกมา กลายไปเป็นราชินีน้ำแข็ง
และแยกตัวไปสร้างอาณาจักรของตนเองที่หัวเมืองทางเหนือ
เฟรย่าเลือกที่จะสร้างกองทัพที่เก่งกาจของตนเองในนาม Huntsman ที่มีกฏเหล็กว่า พวกเขาจะต้องไม่มีความรัก แต่พรานหนุ่มอย่างพระเอกกลับตกหลุมรักกับพรานสาว ซาร่า (Jessica Chastain) จนถูกทำร้ายแม้ไม่ตายแต่ก็ไม่อาจได้เจอกันอีก
…จวบจนวันหนึ่ง
สองศรีพี่น้องได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เรื่องราวในวันก่อนเก่าปะทุขึ้นอีกครั้ง และกลายเป็นชนวนศึกครั้งใหม่ระหว่างสองพี่น้อง ที่มีเหล่าพรานป่าเป็นเบี้ยตัวเขื่องในกระดาน
รีวิวหนัง ‘พรานป่าและราชินีน้ำแข็ง’
ภาคที่จะถือว่าเป็นภาคต่อหรือไม่ก็ได้นี้ กำกับโดย Cedric Nicolas-Troyan เขาเคยเป็นผู้กำกับหน่วยที่สองของ ‘Snow White and the Huntsman’ มาก่อน หลังมีการเปลี่ยนตัวผู้กำกับฯ เขาได้โอกาสก้าวขึ้นมาทำหน้าที่แทน และนี่ถือเป็นการกำกับภาพยนตร์ขนาดยาวครั้งแรกของเขา
เวอร์วังอลังการ Evil Queen และ Ice Queen
ในด้านการสร้างซีจีนั้น ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี อาจจะไม่ถึงกับสร้างอะไรที่แปลกใหม่ แต่ก็นับว่าเนียนตาและส่งเสริมให้สองราชินีดูโดดเด่นอย่างมากบนจอ อีกส่วนที่ต้องขอชมก็คงเป็นคอสตูมที่ทำออกมาได้ค่อนข้างอลังการมากๆ
ทำให้ทั้ง เฟรย่า Emily Blunt และราเวนน่า Charlize Theron เจิดจรัสขั้นสุดในหนังแฟนตาซีเรื่องนี้
ซึ่งหนังก็ไม่ได้มีดีแค่สองราชินีเท่านั้น แต่ Jessica Chastain พรานสาวที่เป็นผู้กุมหัวใจของพรานหนุ่มก็สวยปังไม่แพ้กัน แม้ไม่ได้เลอเลิศอลังการแต่ก็ออกมาสวยแบบแข็งแรงสไตล์นักบู๊ ถ้าไปดูหนังเรื่องนี้เพื่อจะได้เจอสาวๆ ก็คงจะได้เจอกันหนำใจ
อย่างที่ว่า ไปๆ มาๆ กลายเป็นพรานป่าแทบไม่จำเป็นไปเลย
เดินเรื่องไหลลื่นกว่าเดิม แต่ยังดูอืดอาดอยู่บ้าง
ไม่รู้ว่านี่คือภาคต่อหรือภาคแยกกันแน่ แต่ก็ต้องถือว่ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกัน หลังจากเคยรู้สึกว่า ภาคก่อนเดินเรื่องได้น่าเบื่อและไม่รู้สึกอินอะไรกับสิ่งที่ตัวละครกระทำ จะดีหน่อยก็ตรงที่งานวิชวลดูแปลกตา และออกแบบอสุรกายได้น่าสนใจ ‘The Huntsman Winter’s War’ คือการกลับมาของพรานป่าผู้อยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสองราชินี
จุดร่วมกันของทุกตัวละครคือไอเดียของ “ความรัก” เหตุเพราะความรักทำให้พี่น้องต้องแตกแยก ผู้น้องต้องไปตั้งอาณาจักรแห่งใหม่ ตั้งตนเป็นราชินีน้ำแข็ง แม้ว่าราเวนน่าจะทำให้อิทธิฤทธิ์ที่หลับใหลในตัวเฟรย่าถูกปลุกตื่นขึ้นมา
ทว่าการทำลายสิ่งที่รัก ก็พาความแตกแยกมาสู่พี่น้องด้วยเช่นกัน
หนังให้เวลาไปกับปูเรื่องราวยืดยาวกว่าที่ราชินีทั้งสองจะได้เวลามาปะฉะดะ เหตุการณ์ในหนังต้องไล่ยาวไปตั้งแต่ก่อนพี่น้องจะแตกหัก ข้ามไปสู่การสร้างอาณาจักรใหม่ พร้อมฟูมฟักเหล่าพรานป่านักรบขึ้นมาเพื่อสร้างความเกรียงไกร จนสุดท้ายความรักทำให้ต้องสูญเสียพรานมือดี ก่อนที่กระจกวิเศษจะกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ราชินีต่างๆ ใฝ่หา
จะนำทั้งหมดกลับมาเจอกัน
หนังไม่ได้เล่าเรื่องแบบน่าเบื่อ แต่กลับใช้เวลาไปนานมากในป่าใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะเข้าสู่สงครามแห่งราชินีอย่างจริงจัง แม้กระนั้น ผู้ชมอย่างนายแพทก็กลับพบว่าบางชิ้นส่วนดูขาดหายไป ไม่ประกอบกันพอดีจนรู้สึกได้
และบางทีก็ดูเหมือนหนังเน้นน้ำหนักไปที่ความรักจนเกินไป
ความรักชนะทุกสิ่ง…จริงหรือ?
สิ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในหนังภาคนี้ขึ้นมาน่าจะมีอยู่เรื่องเดียวคือ “ความรัก” ราชินีผู้พี่ทำลายของรักของผู้น้องเสียสิ้น ความโกรธแค้นเค้นพลังที่แฝงในกายออกมาก่อนจากไปอาณาจักรใหม่ พร้อมตั้งกฏให้กับขุมกำลังที่ตนฟักฟูม
เหล่าพรานป่า เจ้าจงอย่ามีรัก
เมื่อพบว่าเหล่านักรบแอบสมสู่กัน นางจึงโกรธและจัดแจงสำเร็จโทษ แต่โทษที่นางให้ไว้ก็ดูน่าสงสัยว่าจริงๆ แล้ว นางทำอันใดกันแน่กับพรานป่านักรบทั้งสอง
แล้วหนังก็ให้เวลาอยู่เนิ่นนานกับคู่รักพรานป่าที่ได้กลับมาดราม่าหลังพบกันอีกครั้ง กว่าที่มันจะดำเนินไปถึงช่วงเวลาแห่งสงครามระหว่างราชินีพี่น้อง ซึ่งกลายเป็นช่วงที่สนุกที่สุดของหนังและเป็นช่วงที่ตัวอย่างปูเอาไว้เสียดิบดี หากเหล่าพรานป่านั้นเล่ากลับเป็นเหมือนตัวประกอบมากกว่าจะโดดเด่นอย่างชื่อหนัง ยามราชินีวิวาทกันนั้นสวยงามมาก ด้วยการใช้เทคนิคด้านงานภาพแบบเต็มตัว ชุดราชินีนั้นเล่าก็ดูงามงดมีรายละเอียดค่อนข้างสูง ความระยิบระยับของเกล็ดหิมะและความเงาวามของทองคำทำเอาเพลินไปช่วงหนึ่ง
หนังหันหน้ามาหาผู้ชม และถามกันซื่อๆ ว่า ความรักชนะทุกสิ่ง …จริงดิ?
“รัก” คำนี้เต็มหนังไปหมดจนทำให้หนังออกไปแนวทางเลี่ยนพอประมาณ ซึ่งข้อดีของมันก็คือ คนดูเข้าใจมันไม่ยาก เรื่องราวอาจมีช่องโหว่อยู่บ้างแต่เล่าได้กระชับไหลลื่นกว่าภาคก่อน เมื่อผู้สร้างเลือกใช้พลัง “ตัวแม่” มาสะกดสายตาผู้ชม
จึงกลายเป็นหนังแฟนตาซีที่พอดูได้เพลินๆ
ชื่อภาพยนตร์: The Huntsman: Winter’s War / พรานป่าและราชินีน้ำแข็ง
ผู้กำกับภาพยนตร์: Cedric Nicolas-Troyan
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Evan Spiliotopoulos, Craig Mazin
นักแสดงนำ: Sam Claflin, Chris Hemsworth, Emily Blunt, Jessica Chastain, Charlize Theron, Sophie Cookson, Nick Frost
ความยาว: 94 นาที
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Drama
อัตราส่วนภาพ:
เรท: ไทย/น13+, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 6 เมษายน 2559
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Roth Films, Universal Picturesม UIP Thailand
คะแนนหนัง พรานป่าและราชินีน้ำแข็ง
The Huntsman: Winter's War - 6
6
The Huntsman: Winter's War
แล้วหนังก็ให้เวลาอยู่เนิ่นนานกับคู่รักพรานป่าที่ได้กลับมาดราม่าหลังพบกันอีกครั้ง กว่าที่มันจะดำเนินไปถึงช่วงเวลาแห่งสงครามระหว่างราชินีพี่น้อง ซึ่งกลายเป็นช่วงที่สนุกที่สุดของหนังและเป็นช่วงที่ตัวอย่างปูเอาไว้เสียดิบดี หากเหล่าพรานป่านั้นเล่ากลับเป็นเหมือนตัวประกอบมากกว่าจะโดดเด่นอย่างชื่อหนัง ยามราชินีวิวาทกันนั้นสวยงามมาก ด้วยการใช้เทคนิคด้านงานภาพแบบเต็มตัว ชุดราชินีนั้นเล่าก็ดูงามงดมีรายละเอียดค่อนข้างสูง ความระยิบระยับของเกล็ดหิมะและความเงาวามของทองคำทำเอาเพลินไปช่วงหนึ่ง