โลกเซลูลอยด์มีหนังที่สร้างเพื่อคารวะ สดุดี และเป็นจดหมายรักถึงวงการหนังและคนทำหนังมากขึ้นทุกที และวันนี้ก็มีอีกหนึ่งหนังที่ว่าด้วยเรื่องเหล่านั้น แถมยังเป็นผลงานของพ่อมดแห่งฮอลลีวู้ดซะด้วย แล้วยังงี้จะให้พลาดการได้ดู ‘The Fabelmans’ ในโรงหนังไปได้อย่างไร
นี่คือผลงานที่ใครๆ ก็ว่าเป็นหนังส่วนตัวของ Steven Spielberg เพราะหนังแทบจะหยิบชีวิตในวัยเด็กของตนเองมาเล่าผ่านเรื่องราวของครอบครัว ‘เดอะ เฟเบิลแมนส์’ เลยด้วยซ้ำ เพียงแต่มันไม่ได้เติมสีสันให้จัดจ้าน ไม่ได้บอกเล่าถึงวงการทั้งวงการ แต่เลือกจะหยิบประสบการณ์ส่วนตนมาถ่ายทอดความหลงใหลในศิลปะชนิดนี้อย่างซึมลึก ด้วยสีสันของความเป็นหนังครอบครัวที่สร้างแรงบันดาลใจ ไฟฝัน และการเติบโตผ่านความเจ็บปวดที่ชวนอิ่มเอมเป็นที่สุด
แล้วไม่ให้เขียนถึงหนังที่เข้าชิง 7 ออสการ์ได้อย่างไรกัน
เรื่องย่อหนัง ‘The Fabelmans’
มันคือเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งในครอบครัวชาวยิวที่มาอาศัยอยู่ในรัฐอาริโซนา บนแผ่นดินอเมริกา เด็กชายคนนั้นชื่อ แซมมี่ ฟาเบิลแมน (Gabriel LaBelle จากซีรีส์เรื่อง ‘America Gigolo’) ที่เป็นลูกคนโตของพ่อเบิร์ต (Paul Dano จากหนังเรื่อง ‘Little Miss Sunshine’, ‘Swiss Army Man’ และ ‘The Batman’) และแม่มิตซี่ (Michelle Williams จากหนังเรื่อง ‘Manchester by the Sea’ และ ‘My Week with Marilyn’ ) เขาคือเด็กที่ได้พบกับโลกของภาพยนตร์จากการที่พ่อแม่พาไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ จากนั้น เขาก็หลงใหลในการทำหนังมาโดยตลอด
หนังที่หยิบส่วนเสี้ยวชีวิตวัยเด็กของสปิลเบิร์กมาเล่าผ่านเรื่องราวของครอบครัวเฟเบิลแมนส์ ผ่านชีวิตของเด็กชายวัยเจ็ดถึงสิบแปดปี ที่ได้พบความลับสำคัญในครอบครัวของตน รวมทั้งความมหัศจรรย์และพลังของภาพยนตร์ที่มีผลต่อคนรอบตัว ก่อนที่เขาจะกลายเป็นมาพ่อมดผู้สร้างผลงานอันลือลั่นวงการหนัง
รีวิวหนัง ‘เดอะ เฟเบิลแมนส์’
หนังที่เล่าเรื่องราวในแนวทางสดุดีวงการหนังอีกเรื่องหนึ่ง แต่เลือกจะหยิบชีวิตวัยเด็กของตนเองมาเล่าในเส้นทางของหนังครอบครัว พาเราไปรู้จักกับครอบครัวเฟเบิลแมนส์ที่อาศัยอยู่ในอาริโซน่า สหรัฐอเมริกา
เป็นหนังที่เริ่มทำงานกับเราตั้งแต่เพิ่งเริ่มเรื่องได้ไม่กี่นาที เป็นความสุขที่เด็กน้อยคนหนึ่งเพิ่งจะได้ค้นพบ เมื่อพ่อแม่ที่โน้มน้าวให้เด็กน้อยผู้กลัวความมืดไปพบกับโลกที่ยิ่งใหญ่ในโรงภาพยนตร์ ทำให้เขากลับมาบ้านแล้วมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยแพชชันที่อยากจะสร้างหนังเป็นของตนเอง ทุกช่วงเวลานาที เด็กชายแซมมี่คิดถึงแต่การทำหนัง แม้ครอบครัวในเวลานั้นจะยังไม่มีเงินมากนัก แต่ด้วยการสนับสนุนของแม่ ที่ปล่อยให้เขาได้ทำตามความต้องการ ผลักดันให้เด็กคนหนึ่งได้เริ่มมีความฝัน ทำมัน เรียนรู้เพิ่มเติม และทำซ้ำๆ แม้ทุกคนจะมองว่ามันเป็นแค่งานอดิเรกของเด็กคนหนึ่งก็ตาม
หนังพาให้เราเห็นว่า แซมมี่ เรียนรู้อะไรบ้าง เพื่อที่จะกลายมาเป็นผู้สร้างหนังเป็นอาชีพ ไม่ใช่แค่งานอดิเรก ทุกศาสตร์ที่ประกอบกันจนกลายเป็นหนังเรื่องดีได้นั้น เขาได้ทำทุกอย่าง แต่ในระหว่างเขากำลังเรียนรู้เพื่อจะเป็นนักทำหนังนั้น ชีวิตของเขาก็เติบโตไปพร้อมกับครอบครัวด้วย
บอกได้เลยว่า หนังเรื่องนี้มีความเป็นสปิลเบิร์กอยู่ในระดับสูง เหมือนหยิบชีวิตตัวเองเข้ามาอยู่ในหนัง และเพราะความเขาเก่งในการบอกเล่าเรื่องราวให้เข้าถึงคนหมู่มาก มันจึงเป็นหนังส่วนตัวที่มีความน่ารัก มีมุกตลกพาขำคิกคักและดูไปยิ้มไป มีความเป็นหนังครอบครัวที่คนซึมซับได้ง่าย เล่าเรื่องราวของเด็กคนหนึ่งที่ต้องพบเจอทั้งเรื่องดีเรื่องร้าย และเขาต้องเติบโตและผ่านมันไปให้ได้ มันคือหนัง Coming-of-age อีกเรื่องหนึ่งที่อุทิศให้กับวงการหนัง
รอบตัวของแซมมี่ ทุกสิ่งที่เขาได้พบ ทั้งในครอบครัว และรวมถึงทั้งชีวิตในโรงเรียน ล้วนมีส่วนสำคัญที่ผลักดันให้เขาได้พัฒนาตัวเอง เขามีพ่อที่ออกจะเนิร์ดๆ พูดจามีแต่วิชาการที่ฟังเข้าใจยาก แต่พ่อก็มีความฝันจะทำงานที่ยิ่งใหญ่ ขณะที่เขาคือคนที่พาแซมมี่เข้าไปดูหนังในโรง เขามีแม่ที่ละทิ้งความฝนของตนเองเพื่อลูกๆ ปล่อยให้เขาได้ทำหนัง เขามีลุงเบนนี่ (Seth Rogen จากหนังเรื่อง ‘This Is the End’, ‘Neighbors’ และ ‘Long Shot’) ที่เข้ามาให้กำลังใจเขาอยู่เสมอ นอกจากนี้ เขายังต้องย้ายถิ่นฐานไปพบเจอสิ่งใหม่ ได้พบเจอกับเหล่าเพื่อนในรั้วโรงเรียนที่ทำให้เขาได้มองเห็นว่าหนังของเขามันมีพลังและเปลี่ยนแปลงความคิดผู้คนอย่างไร
ในอีกทางหนึ่ง ชีวิตที่ต้องได้พบกับความขัดแย้งในจิตใจ และความเจ็บปวดทางอารมณ์ ก็ทำให้การเล่าหนังของเขาเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
คนอื่นอาจทำหนังขึ้นมาเพื่อสดุดีเพื่อคารวะเพื่อเป็นจดหมายรักต่อวงการภาพยนตร์ แต่สปิลเบิร์กทำหน้าด้วยหยิบชีวิตส่วนตัวมาเล่าเรื่องความฝันของเด็กคนหนึ่งที่อนาคตจะได้โลดแล่นในวงการภาพยนตร์ หนังที่ผ่านมาจากการรังสรรค์ของสปิลเบิร์กย่อมจะเป็นหนังที่เข้าถึงง่าย ไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กฟิล์มก็ซึมซับและมีความสุขกับหนังเรื่องนี้ได้ เขาเป็นชายที่มาตรฐานแทบไม่ตกเลย ผลงานของเขากลมกล่อม มีแง่คิด และเล่าเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้อยู่เสมอ
แล้วจะไม่ให้ชื่นชมความดีงามของหนังเรื่องนี้ได้อย่างไรกันล่ะ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | The Fabelmans / เดอะ เฟเบิลแมนส์ |
กำกับ | Steven Spielberg |
เขียนบท | Steven Spielberg, Tony Kushner |
แสดงนำ | Michelle Williams, Gabriel LaBelle, Paul Dano, Judd Hirsch, Keeley Karsten, Julia Butters, Chloe East |
แนว/ประเภท | ดราม่า |
เรท | PG-13 |
ความยาว | 151 นาที |
ปี | 2008 |
สัญชาติ | ญี่ปุ่น |
เข้าฉายในไทย | 2 กุมภาพันธ์ 2023 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Amblin Entertainment, Amblin Partners, Reliance Entertainment, Universal Pictures, United International Pictures (UIP) |
เดอะ เฟเบิลแมนส์
พล็อตและบท - 9
การแสดง - 9.2
การดำเนินเรื่อง - 9
เพลงและดนตรีประกอบ - 8.8
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 9.2
9
The Fabelmans
ภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมจากพ่อมดแห่งฮอลลีวู้ด ที่มีความเป็นหนังส่วนตัว หยิบชีวิตวัยเด็กมาเล่าผ่านเรื่องราวของครอบครัวเฟเบิลแมนส์ ที่เด็กชายแซมมี่ในวันนั้นได้รู้จักกับโลกของหนังและกลายมาเป็นความฝัน เด็กชายผู้มีความสุขกับการทำหนัง จากงานอดิเรกในวันนั้นที่จะได้เป็นอาชีพที่สร้างงานดีๆ ให้กับโลกใบนี้ หนังที่ได้ทั้งอบอุ่น การเติบโต รอยยิ้ม แรงบันดาลใจ และชีวิตทั้งสุขและเศร้าของครอบครัว