เชื่อว่า หลายคนคงได้ดูหนังจากผลงานการกำกับของพี่น้องรุสโซ่กันไปหลายเรื่องแล้ว และครั้งนี้ พวกเขาจับงานกำกับร่วมกันอีกครั้ง และเป็นหนังในเน็ตฟลิกซ์ ‘The Electric State’ หรือชื่อไทย ‘ท่องแดนจักรกล’ หนังที่หยิบเรื่องความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์มาบอกเล่ากันอีกครั้ง แต่ทำให้รายละเอียดบางอย่างมันแตกต่างออกไปจากที่เคยเจอ
คิดเห็นเช่นไรกับหนังของพี่น้องรุสโซ่เรื่องนี้?
หนังจากหนังสือที่เล่าเรื่องสงครามปัญญาประดิษฐ์ที่ออกมาในแนว Retrofuturism บอกว่าโลกยุคก่อนหน้าก็ล้ำจนมีหุ่นยนต์ที่คิดได้เองจนเรียกร้องสิทธิ์ส่วนตนกันได้แล้ว แถมนอกจากจะดีไซน์หุ่นยนต์มายังดูหนังดิสนีย์ ก็ยังมีอุปกรณ์สวมหัวสไตล์ AR เป็นอีกหนึ่งดีไซน์ในหนังด้วย ดีไซน์หุ่นยนต์จึงดูแปลกกว่าหนังไซไฟทั้งหลาย แต่ถึงอย่างนั้น บทหนังก็ไม่ได้ชวนน่าสนใจเท่าที่ควร ดูแล้วเฉย ๆ กับชวนขัดใจในบางอย่างในนั้น
สรุปแล้ว มันเป็นหนังไซไฟทุนสูงที่ทำออกมาได้น่าผิดหวัง นอกจากสไตล์ของหุ่นที่ดูผิดแปลก ก็ไม่พบสิ่งไหนที่ดูแปลกใหม่เลย
เรื่องย่อหนัง ‘The Electric State’
ครั้งหนึ่ง เคยมีสองพี่น้องที่อยู่ด้วยกัน มิเชลล์ กรีน (มิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ จากหนัง ‘Enola Holmes 2’) พี่สาวของคริสโตเฟอร์ กรีน (วู้ดดี้ นอร์แมน จากหนัง ”) น้องชายโคตรอัจฉริยะผู้คลั่งไคล้หุ่นยนต์คิด คอสโม แต่เพราะอุบัติเหตุรถชนกวาง ทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นกำพร้า และเพราะครั้งหนึ่งโลกนี้ เคยมีหุ่นยนต์ที่เริ่มจะเรียกร้องสิทธิ์ของตนเอง ก่อนจะเกิดการโต้กลับของเหล่ามนุษย์ และต่อมาก็เกิดมีสงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์ เหล่าเอไอถูกผลักดันให้กลายเป็นเหมือนคนเถื่อน
จากนั้น โลกก็ดูจะเงียบสงบลง หลังการมาของ อีธาน สเก็ต (สแตนลีย์ ทุชชี จากหนัง ‘The Lovely Bones’) ซีอีโอแห่ง Sentre ผู้สร้างนิวโรแคสเตอร์ เทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้มนุษย์แบ่งสมองได้เป็นสองส่วน ทำงานและเล่น นั่นทำให้พวกเขาสามารถจะออกไปทำงานได้ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในบ้าน
โลกหลังสงคราม มิเชลล์เป็นเด็กกำพร้าที่ย้ายมาหลายที่จนในที่สุดก็มาอยู่กับพ่ออุปถัมภ์ที่ติดกุญแจไว้กับข้อเท้ากันเธอหนีไปไหน และในวันที่เธอได้พบกับหุ่นยนต์หัวมะนาวตัวหนึ่ง และเจอกับ คีทส์ (คริส แพลตต์ จากหนัง ‘Guardians of the Galaxy’) ชายหนุ่มหัวกระเซิงที่ดำรงชีพด้วยการแอบขายของโจร เขาก็อยู่กับหุ่นยนต์อีกตัวเช่นกัน หลังเธอได้รู้ว่าน้องชายของตนอยู่ที่ไหนสักแห่ง ทั้งหมดก็ผจญภัยร่วมกันเพื่อช่วยเหลือคริสออกมา
รีวิวหนัง ‘ท่องแดนจักรกล’
ได้เวลามาเจอะเจอกับหนังเรื่องใหม่ในเน็ตฟลิกซ์ที่เป็นผลงานการกำกับของสองพี่น้องรุสโซ Anthony Russo และ Joe Russo กันอีกแล้วนะครับ พวกเขาคือผู้กำกับหนังดังอย่าง ‘Avengers: Infinity War’, ‘Avengers: Endgame’, ‘Captain America: The Winter Soldier’ (โอ้ว มีแต่หนังมาร์เวลทั้งนั้นเลยนี่) และล่าสุด ‘The Gray Man’ จึงไม่ได้แปลกอะไรถ้าจะมีผู้คนสนใจอยากได้สัมผัสกับหนังเรื่องนี้กัน
ระหว่างได้รับชม ต้องบอกว่า หนังเรื่องนี้ จินตนาการของมันดูแปลก ๆ ชอบกล เหมือนพยายามจะพูดถึงโลกที่หุ่นยนต์ถูกพัฒนาโดยมนุษย์ และวันหนึ่งก็เกิดสงครามระหว่างผู้สร้างและผู้ถูกสร้างซะเอง แต่ทว่า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นในอดีตของเวลาปัจจุบันของผู้ชมทั้งสิ้น ไอเดียการออกแบบหุ่นยนต์จึงอิงจากความคิดของอดีตกาลทั้งสิ้น ทว่าไอเดียเรื่องสงครามระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์มันย่อมชวนให้นึกกว่ากำลังดูหนังสกายเน็ตอีกเรื่องนึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
source: Netflix/IMDb
โลกในหนังเรื่องนี้ มีมนุษย์หัวใสที่คิดการใหญ่สร้างเทคโนโลยีชนิดใหม่ที่คล้ายจะมอมเมาเหล่ามวลมนุษย์ พวกเขาสามารถใช้มันเพื่อหลงติดอยู่กับโลกสมมุติจนลืมชีวิตจริงๆ และในโลกของหนังเรื่องนี้ ก็มีผู้พันแบรดบิวรี่ (จิอันคาร์โล เอสโปซิโต จากหนัง ‘Abigail’ ) มือปราบแห่ง R.D.T.F. กองกำลังอะไรสักอย่าง ที่เรียกตัวเองว่าเป็นนักไล่ล่าหุ่นยนต์ เขาทำงานเป็นเหมือนมือเหมือนเท้าให้กับมนุษย์หัวใสคนแรกนั่น
เอาจริง ๆ มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าไม่เฉลยว่า น้องชายที่นางเอกตามหาเพื่อช่วยเหลืออยู่นั่น มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดกำลังโปรเจกต์ของมนุษย์หัวใสอย่างนายอีธานนั่น
อนาคตทั้งหมดอยู่ในกำมือของเขา พลังของเขาช่วยควบคุมโลกทั้งมวล เครือข่ายเซนเตอร์ทำงานผ่านสมองของเขา ถอดเขาออกมาจะทำให้ระบบของเซนเตอร์ล่มสลาย มันดูไร้ความน่าเชื่อถือมากไปหน่อย หรือไม่ก็ทำให้รู้สึกเหมือนบทหนังสมัยเก่า หนังมันเลยดูไร้ซึ่งพลังไปมากทีเดียว
หนังอาจมีฉากการต่อสู้ที่ทำให้สนุกกับเรื่องราวขึ้นมานิดหน่อย เพราะก่อนหน้านั้น มันไม่มีอะไรน่าติดตามเลยสักนิดเดียว โดยคร่าว ๆ มันก็เล่าเรื่องของหุ่นยนต์ที่พัฒนาก้าวหน้าจนเบื่อหน่ายการถูกควบคุม และออกมาแสวงหาอิสระ จนบานปลายกลายเป็นสงคราม อีกส่วนก็เล่าถึงการร่วมมือกันของมนุษย์และหุ่นยนต์กลุ่มเล็กเพื่อต่อกรกับองค์กรใหญ่ที่มีพลังด้านเทคโนโลยี สุดท้าย ก็พูดถึง ทุกเสรีภาพมีราคา ไม่มีชัยชนะใดไม่ต้องแลกมาด้วยความสูญเสีย
source: lettterboxd
อาจมีขัดใจบ้างกับทรงผมของมิลลี่ที่ชวนรู้สึกแปลกมาก ๆ มันดูไม่เข้ากับหน้าของเธอเท่าไหร่ แต่มันก็แค่ส่วนขัดใจเล็ก ๆ น้อย ๆ สิ่งที่ขัดใจมากกว่าคือบทหนัง บางทีก็ให้รู้สึกว่า น่าจะเอาเงินลงทุนกว่าสามร้อยล้านเหรียญไปสร้างหนังดีที่ไม่ต้องใช้ทุนเยอะได้อีกหลายสิบเรื่อง
น่าเสียดายเงินที่จ่ายลงไปกับหนังเรื่องเดียวแต่ไม่เวิร์กจริง ๆ เลย
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
| ชื่อภาพยนตร์ | The Electric State / ท่องแดนจักรกล |
| กำกับ | Anthony Russo, Joe Russo |
| เขียนบท | Christopher Markus, Stephen McFeely, Simon Stålenhag |
| แสดงนำ | Chris Pratt, Millie Bobby Brown, Woody Harrelson, Ke Huy Quan, Woody Norman, Stanley Tucci, Giancarlo Esposito |
| แนว/ประเภท | แอ็คชัน, ผจญภัย, คอมเมดี้, ดราม่า, ไซไฟ |
| เรท | PG-13 |
| ความยาว | 128 นาที |
| ปี | 2025 |
| สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
| เข้าฉายในไทย | 14 มีนาคม 2025 [ทาง Netflix] |
| ผลิต/จัดจำหน่าย | AGBO, Anthem & Song, Double Dream, Skybound Entertainment |
คะแนนรีวิวหนัง ท่องแดนจักรกล
พล็อตและบท - 3.9
การแสดง - 5.5
การดำเนินเรื่อง - 4.5
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชั่น - 7
เพลงและดนตรีประกอบ - 6.5
5.5
The Electric State
หนังจากหนังสือที่เล่าเรื่องสงครามปัญญาประดิษฐ์ที่ออกมาในแนว Retrofuturism บอกว่าโลกยุคก่อนหน้าก็ล้ำจนมีหุ่นยนต์ที่คิดได้เองจนเรียกร้องสิทธิ์ส่วนตนกันได้แล้ว แถมนอกจากจะดีไซน์หุ่นยนต์มายังดูหนังดิสนีย์ ก็ยังมีอุปกรณ์สวมหัวสไตล์ AR เป็นอีกหนึ่งดีไซน์ในหนังด้วย ดีไซน์หุ่นยนต์จึงดูแปลกกว่าหนังไซไฟทั้งหลาย แต่ถึงอย่างนั้น บทหนังก็ไม่ได้ชวนน่าสนใจเท่าที่ควร ดูแล้วเฉย ๆ กับชวนขัดใจในบางอย่างในนั้น สรุปแล้ว มันเป็นหนังไซไฟทุนสูงที่ทำออกมาได้น่าผิดหวัง นอกจากสไตล์ของหุ่นที่ดูผิดแปลก ก็ไม่พบสิ่งไหนที่ดูแปลกใหม่เลย
-
-
-
-
