ในชีวิตนี้ ที่เราคงไม่มีวันไปอยู่ในกลุ่มก๊วนคนรักมอเตอร์ไซค์คันโต เราคงทำได้แค่ดูหนังเพื่อจะได้มองเห็นและเข้าใจวิถีคิดของพวกเขาเท่านั้น เรื่องราวใน ‘The Bikeriders’ หรือชื่อไทย ‘เดอะ ไบค์ไรเดอร์ส‘ หยิบหนังสือของนักข่าวและช่างภาพในปี 1968 มาเป็นแรงบันดาลใจในการขีดเขียนและบอกเล่า ผ่านการแสดงของพวกเขาเหล่านี้
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
หนังมันมีสองส่วนผสมหลัก มีความเป็นหนังสารคดี เล่าเรื่องของนักข่าวหนุ่มที่เกิดอยากรู้ชีวิตของเขา จึงไปชีวิตอยู่ท่ามกลางแก๊งซิ่ง จ่อไมค์สัมภาษณ์และถ่ายภาพพวกเขา อีกส่วนหนึ่ง มันก็เป็นหนังชีวิต ที่พาคนดูไปเจอกับเรื่องดราม่า เริ่มต้นด้วยการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งเพราะผู้ชายหล่อเท่คนเดียว แล้วจากนั้น มันก็กลายเป็นหนังดราม่ายาวๆ ไปจนจบ เรื่องเล่าที่ดูเรียบง่าย แต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์และความสามารถของนักแสดงจนล้นจอ
จากแก๊งแข่งมอเตอร์ไซค์ธรรมดาๆ ที่เติบโตขยายใหญ่จนเกินกว่าใครจะควบคุม กลายเป็นแก๊งอาชญกรรมในช่วงเวลาเพียงทศวรรษเดียว
เรื่องย่อหนัง ‘The Bikeriders ‘
มันเป็นเรื่องราวของแก๊งมอเตอร์ไซค์แก๊งหนึ่ง ที่ก่อตั้งขึ้นมาโดย จอห์นนี่ (ทอม ฮาร์ดี้ จากหนังเรื่อง ‘The Dark Knight Rises’) ที่แต่เดิมก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรใหญ่โต เพียงเพื่อเอาคนชอบมอเตอร์ไซค์มาแข่งกันเท่านั้น แต่มันก็ได้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อมีสมาชิกอย่าง เบนนี่ (ออสติน บัตเลอร์ จากหนังเรื่อง ‘Elvis’ และ ‘Dune Part Two’) หนุ่มผู้แสวงหาความตื่นเต้น
และมันก็เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา เพราะมีแดนนี่ (Mike Faist จากหนัง ‘Challengers’) หนุ่มนักข่าวและช่างภาพที่เข้ามาถือไมค์จ่อสัมภาษณ์เหล่ามาชิกชมรมมอเตอร์ไซค์เถื่อนในชิคาโก้แก๊งนี้
หนึ่งในนั้นเป็นหญิงสาวนาม แคธี่ (โจดี้ โคเมอร์ จากหนังเรื่อง ‘Free Guy’ และ ‘The Last Duet’) ที่เข้าแก๊งด้วยความรู้สึกสะกดใจในอะไรสักอย่างในตัวของ เบนนี่ ที่สะกดให้เธอขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ของเขา และกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งมาตั้งแต่นั้น
รีวิวหนัง ‘เดอะ ไบค์ไรเดอร์ส’
เหมือนกับเป็นการเปิดโลกให้เราได้ทำความรู้จักกับแก๊งซิ่งฮาเลย์ในยุคนั้น หนังพาเราย้อนอดีตไปในยุค 60’s-70’s ผ่านเรื่องราวการสัมภาษณ์สมาชิกในแก๊งของหนุ่มคนหนึ่ง ที่อยากจะเรียนรู้ชีวิตของพวกเขา แต่หนังก็ทำตัวเป็นลูกผสม ส่วนหนึ่งมันเหมือนเป็นหนังสารคดีที่เป็นภาพของตัวละครที่ให้สัมภาษณ์บอกเล่าเหตุการณ์ในอดีต ขณะที่อีกส่วนมันก็เล่าเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งหมดนี้ เป็นผลงานของ Jeff Nichols ที่เคยกำกับหนังอย่าง ‘Take Shelter’ (2011), ‘Mud’ (2012) และ ‘Midnight Special’ (2016) มาให้ดูกันก่อนหน้า
หนังที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือปี 1968 เริ่มต้นด้วยความน่ารัก พาขำคิกคัก ไปกับความจับพลัดจับผลูของแคธี่ ที่ได้ไปอยู่ในคลับที่เต็มไปด้วยเหล่าสมาชิกแก๊งซิ่งแบบไม่ตั้งใจ ก่อนจะย้ายตัวเองไปอยู่บนเบาะของมอเตอร์ไซค์คันโตของพ่อหนุ่มเบนนี่เหมือนคนไม่รู้สึกตัว แต่นั่นอาจเป็นการแนะนำให้เราได้รู้จักกับโลกของแก๊งซิ่งกลุ่มนี้เท่านั้น
หนังพาเราพบว่า จุดเริ่มต้นของแก๊งซิงมอไซค์มันก็เริ่มกันด้วยความคิดง่ายๆ ไม่ซับซ้อน กลุ่มคนที่รู้สึกอย่างเป็นอิสระจากทุกกรอบมาสร้างสังคมของตนเอง แต่พอคนมันมากขึ้น ความยากจะควบคุมมันก็เกิดขึ้นตามมา แก๊งแวนดัลส์ที่นำโดยจอห์นนี่คนที่คุมมันมาได้โดยตลอด มีผู้ร่วมแก๊งที่บุคลิกอันหลายหลาก ซึ่งนั่นก็รวมทั้ง ค็อกโร้ช หรือแมลงสาบ (อีโมรี โคเฮน), ซิปโก้ (ไมเคิล แชนนอน), คอร์กี้ (คาร์ล กัสแมน) และเดอะ คิด (โทบี้ วอลเลซ) พาเราไปเจอกับชีวิต ความคิด ความเพี้ยน ของพวกเขาที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน เพราะเราไม่ใช่คนในยุคสมัยนั้นและเราก็ไม่ใช่สิงห์มอเตอร์ไซค์
แต่วันหนึ่งมันกลับขยายใหญ่โตจนเกินควบคุม แตกสาขาใหญ่น้อยจนจำไม่ได้แล้วว่าใครเป็นใคร เต็มไปด้วยพวกนอกคอก ที่แปรเปลี่ยนแก๊งซิ่งผู้รักในความเร็ว ให้กลายเป็นแก๊งอาชญากรรมไปในที่สุด สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของทุกสรรพสิ่ง
Taglines: Freedom belongs to the fearless.
หนังไม่ได้มุ่งเน้นให้มีฉากแอ็คชันดุเดือดอะไรแบบนั้น มันจึงเดินเรื่องอย่างเรียบๆ โดยอาศัยเสน่ห์เฉพาะของนักแสดงแต่ละคน ออสตินกลายเป็นนักซิ่งที่รักมอเตอร์ไซค์เป็นชีวิตจิตใจ ความเท่เหลือหลายพาคนดูหลงเสน่ห์ได้ และสาวแคธี่จะไม่กลายเป็นสาวแวนซ์โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวไปอย่างไร โจดี้สวมบทแคธี่สก๊อยยุคบุกเบิกได้น่าดูชม เบนนี่พาแคธี่ซ้อนท้ายและแต่งงานกับเธอในที่สุด แต่ในช่วงเวลาหนึ่งทศวรรษ เขาก็ได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง
ขณะที่ทอมผู้มีบุคลิกเหมาะกับบทผู้นำแก๊งฮาเลย์เป็นทุกอยู่แล้ว ด้วยแนวทางการใช้น้ำเสียงและแววตา พาให้เขากลายเป็นผู้กุมชะตาของแก๊งนี้ได้ยาวนาน แม้จะมีบางช่วงที่เขามองเห็นความเหนื่อยล้าในตัวเอง
หนังใช้เวลาส่วนใหญ่กับพาร์ทดราม่า โดยมีกลิ่นอายของอาชญากรรมเป็นส่วนผสมหลัก มีพาร์ทโรแมนติกและคอมเมดี้มาเจือแบบจางๆ อาจไม่ใช่หนังที่หวือหวา แต่เสน่ห์ของนักแสดงจะพาเราไปเจอกับบทลงเอย ที่ทำให้เราเข้าใจในที่สุดว่า ผู้กำกับเขาต้องการจะเล่าเรื่องอันใด
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | The Bikeriders / เดอะ ไบค์ไรเดอร์ส |
กำกับ | Jeff Nichols |
เขียนบท | Jeff Nichols |
แสดงนำ | Jodie Comer, Austin Butler, Tom Hardy, Michael Shannon, Mike Faist, Boyd Holbrook |
แนว/ประเภท | อาชญากรรม, ดราม่า |
เรท | R |
ความยาว | 116 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 27 มิถุนายน 2024 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Focus Features, Regency Enterprises, New Regency Productions |
คะแนนหนัง เดอะ ไบค์ไรเดอร์ส
พล็อตและบท - 7.5
การดำเนินเรื่อง - 7.3
การแสดง - 8
การถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 7.6
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.8
7.6
The Bikeriders
หนังมันมีสองส่วนผสมหลัก มีความเป็นหนังสารคดี เล่าเรื่องของนักข่าวหนุ่มที่เกิดอยากรู้ชีวิตของเขา จึงไปชีวิตอยู่ท่ามกลางแก๊งซิ่ง จ่อไมค์สัมภาษณ์และถ่ายภาพพวกเขา อีกส่วนหนึ่ง มันก็เป็นหนังชีวิต ที่พาคนดูไปเจอกับเรื่องดราม่า เริ่มต้นด้วยการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งเพราะผู้ชายหล่อเท่คนเดียว แล้วจากนั้น มันก็กลายเป็นหนังดราม่ายาวๆ ไปจนจบ เรื่องเล่าที่ดูเรียบง่าย แต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์และความสามารถของนักแสดงจนล้นจอ จากแก๊งแข่งมอเตอร์ไซค์ธรรมดาๆ ที่เติบโตขยายใหญ่จนเกินกว่าใครจะควบคุม กลายเป็นแก๊งอาชญกรรมในช่วงเวลาเพียงทศวรรษเดียว