ดูโลกจะห่างหายจากหนังโรแมนติกคอมิดี้ที่ทำได้โดนๆ มาพอสมควรแล้ว หลังๆ เราเจอแต่หนังดราม่าเท่านั้นที่สร้างความอินและทำให้เราตระหนักถึงแง่มุมต่างๆ ในชีวิต หนังพวกนี้เติบโตอย่างเข้มแข็งท่ามกลางกระแสของหนังฟอร์มยักษ์ที่มีโปรดักชั่นอลังการ แต่เราก็ได้พบว่า ‘The Big Sick’ หรือชื่อไทย ‘รักมันป่วย (ซวยแล้วเราเข้ากันไม่ได้)’ กลายเป็นดอกหญ้าที่ยังพบได้เมื่อคุณนั่งมองหามันจริงๆ
ผลงานจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ ของหนุ่มคุเมล นันจิอานี ที่พบรักกับเอมิลี่ และนำเรื่องราวนั้นมาร่วมกันเขียนเป็นบท หนุ่มคุเมลลงมือแสดงเอง ร่วมกันนางเอกสาว Zoe Kazan กำกับโดย Michael Showalter ผู้มีผลงานอย่าง ‘Hello, My Name Is Doris’
จนกลายเป็นหนังโรแมนติกที่ตลกแสนเป็นธรรมชาติ…
เรื่องย่อหนัง ‘The Big Sick’
มันเป็นเรื่องราวของคุเมล (Kumail Nanjiani) ชายหนุ่มเชื้อสายปากีสถานที่ยกครอบครัวย้ายมาตั้งถิ่นฐานในชิคาโก ด้วยประเพณีที่สืบต่อกันมาราว 1,400 ปี ชายหนุ่มต้องแต่งงานกับสาวปากีสถานที่พ่อแม่หาให้ พูดง่ายๆ มันคือการคลุมถุงชน
ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คุเมลผู้มีหัวสมัยใหม่ต้องการเลย
คุเมลมีความชื่นชอบในการแสดงเดี่ยวไมโครโฟนเป็นอย่างมาก เขาใฝ่ฝันและเฝ้าฝึกพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเผื่อว่าจะเข้าตาแมวมองคนดังและกลายเป็นเดี่ยวที่โด่งดังในอนาคต ก่อนเขาจะดัง เขาได้พบกับสาวผิวขาวอย่างเอมิลี่ (Zoe Kazan)
ที่เขาตกหลุมรักเธอเข้าเต็มเปา
เอมิลี่ก็รู้สึกไม่แตกต่างกับเขา แต่ความรักของทั้งสองไม่ได้ราบรื่นแน่นอน เพราะพ่อแม่ของคุเมลยังคงเพียรหาสาวปากีมาให้เขาดูตัวไม่เว้นวาย เขาจึงไม่กล้าเอ่ยปากบอกเรื่องเอมิลี่กับครอบครัว
จนกระทั่ง วันหนึ่งก็เกิดข่าวร้าย
เมื่อได้รู้ว่าเอมิลี่ป่วยหนักเข้าขั้นโคม่า ความจริงกำลังจะถูกเปิดเผย และเขาต้องเลือกตัดสินใจบางอย่าง ระหว่างเลือกครอบครัวแต่สูญเสียเอมิลี่ … หรือเลือกคนที่รักแต่ต้องตัดขาดจากครอบครัว
รีวิวหนัง ‘The Big Sick’
หนังที่สร้างโดยอ้างอิงจากเรื่องจริงและแต่งเติมเพิ่มเรื่องราวบางส่วนให้ดูเป็นภาพยนตร์ที่ชวนคนดูมาอินมากยิ่งขึ้นเรื่องนี้ กลายเป็นหนังโรแมนติกคอมิดี้ที่เซอร์ไพรซ์ความรู้สึกของคนดูหลายๆ คน เขาอาจจะไม่ทันได้คิดว่าจะมาเจออะไรแบบนี้ อะไรที่เขาอาจจะไม่ได้เจอมานานในหนังหมวดหมู่นี้
หนุ่มปากีกับสาวเมกัน ความแตกต่างที่เล่าได้หลายแง่มุม
แค่ตัวเอกก็ไม่ใช่เมกันแล้ว หากแต่เป็นหนุ่มเชื้อสายปากีสถานที่โยกย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในอเมริกัน ประเทศที่น่าจะให้อิสระเสรีในการใช้ชีวิตมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่มันไม่ใช่เช่นนั้น ไม่ว่าจะในครอบครัวของเขาเอง กรอบความคิดที่ติดตามมาจากประเทศดั้งเดิม ลูกต้องแต่งงานกับคู่ชีวิตที่พ่อแม่หามาให้ เรียกง่ายๆ ว่าคือการคลุมถุงชน ไม่ว่าเขาจะรักเธอหรือไม่ก็ตาม ถึงแม้พ่อแม่ของคุเมลเองก็หาผู้หญิงมาให้เขาเจอถึงบ้าน และก็ไม่ได้หามาคนเดียว แต่ดูเขาก็ไม่เคยถูกใจใครสักที
และการที่เขาไม่เลือกใครสักคนที่พ่อแม่หามา กลับกลายเป็นการทำร้ายจิตใจพ่อแม่อย่างแรง ส่งผลกระเทือนถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวอีกต่างหาก
คุเมลเองก็ไม่แน่ใจว่าครอบครัวของเขาจะรับได้หรือไม่ หากเขารักกับสาวผิวขาวและอยากแต่งงานกับหล่อน เขาจึงไม่เคยบอกเล่าให้ครอบครัวฟัง แถมยังต้องปิดสาวเมกันเรื่องประเพณีและวิถีคิดของครอบครัว ความขัดแย้งตรงนี้แหละที่จะเราจะได้พบในหนัง
มุสลิมหน้าตาเหมือนแขก พวกเขาพร้อมจะถูกคนอเมริกันมองอย่างไม่ไว้ใจด้วยเพราะบางส่วนกลายเป็นผู้ก่อการร้าย ทำให้หนังเลือกใส่มุมนี้ที่ดูจริงจังให้มันกลายเป็นเรื่องตลกไป
ชีวิตที่ไม่ตลกของคนที่เป็นเดี่ยวตลก
ชีวิตของคุเมลนั้นนอกจากจะเป็นคนปากีสถานแล้ว เขาก็ยังมีความคลั่งไคล้และชื่นชอบในหนังและซีรีส์เป็นอันมาก สังเกตได้จากหลายๆ มุกที่ถูกหยิบมาเล่นกระจัดกระจายเต็มท้องเรื่อง เรื่องไหนคนดูจำได้และเก็ทก็จะขำกลิ้งกันไป เรื่องไหนไม่คุ้น ก็อาจจะมึนๆ ว่าชาวบ้านเขาขำอะไรกันนะ
ยอมรับว่ามุกของเขาในช่วงแรกๆ ไม่ทำให้ผมขำเท่าไหร่นัก ช่วงหลังสิ หยอดมาได้เข้าท่ามาก ขำเกือบทุกมุก
แถมหนังยังใส่อาชีพและความใฝ่ฝันของคุเมลที่มันดูขัดแย้งกับเรื่องราวชีวิตในครึ่งหลังของหนังอย่างมาก เพราะความที่เขาอยากจะเอาดีทางเดี่ยวไมโครโฟน ขึ้นไปพูดต่อหน้าผู้คน ทำให้ผู้คนหัวเราะกับมุกของตน แต่ในวันที่เขาต้องเจอกับเหตุพาเศร้าและเครียด เขาจะมีจิตใจทำให้คนอื่นสนุกได้อย่างไร
ในวันที่เอมิลี่คนรักเข้าโรงพยาบาลและอยู่ในขั้นโคม่า เขาไร้กะจิตกะใจจะเล่าเรื่องตลก นั่นแหละ ที่ทำให้เรารู้สึกว่า มันไม่ใช่อาชีพที่ทำกันง่ายๆ เลย
ข้างนอกเราจะยิ้มได้ยังไง ถ้าข้างในยังร้องไห้อยู่
เล่นกันเป็นธรรมชาติ บทเฉียบคม หัวเราะทั้งน้ำตา
ต้องยอมรับว่า ในช่วงแรกของหนัง ผมยังไม่รู้สึกอะไรมากนักว่าหนังกำลังจะพูดถึงอะไร และกำลังจะพาเราไปสู่อะไร แต่พอตัวละครกำลังพบกับจุดพลิกผัน มันทำให้เราถูกดึงเข้าไปติดอยู่กับเรื่องราวของพวกเขามากขึ้น ได้เห็นมุมมองที่หลากหลายที่พวกเขาจับมาร้อยเรียงเล่าในหนังเรื่องเดียว
นอกจากการหยิบแง่งมุมทางวัฒนธรรมและความคิดที่หลากหลาย หนังก็ยังจัดวลีเด็ดๆ มาใส่ให้ดูได้อึ้ง ถือว่าทำได้ดีเลย
ความรักไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่งั้นมันคงไม่เรียกว่าความรักหรอก
จะว่าเป็นหนังรักที่ฟีลกู้ดก็คงได้ แม้ว่าหลายช่วงหนังจะมีโทนหม่นเศร้า พาน้ำตาคลอหน่วยได้บ่อยอยู่ แต่หนังก็พอมีมุกที่ชวนฮาได้ปะปนกัน นักแสดงต่างๆ ก็เล่นได้เป็นธรรมชาติไม่ต้องประดิดประดอยและดูเป็นตัวของเขาเอง หากสิ่งที่ผมชื่นชมมากที่สุด สำหรับเรื่องนี้
คงเป็นบทนี่แหละครับ
ชื่อภาพยนตร์: The Big Sick / รักมันป่วย (ซวยแล้วเราเข้ากันไม่ได้)
ผู้กำกับภาพยนตร์: Michael Showalter
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Emily V. Gordon, Kumail Nanjiani
นักแสดงนำ: Kumail Nanjiani, Zoe Kazan, Holly Hunter, Ray Romano, Adeel Akhtar
ดนตรีประกอบ: Michael Andrews
ความยาว: 120 นาที
แนว/ประเภท: Comedy, Drama, Romance
อัตราส่วนภาพ: 1.85 : 1
ปี: 2017
เรท: ไทย/, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 9 พฤศจิกายน 2017
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Apatow Productions, FilmNation Entertainment, Story Ink, M Pictures
รักมันป่วย (ซวยแล้วเราเข้ากันไม่ได้)
บทภาพยนตร์ - 10
การแสดง/นักแสดง - 9
การตัดต่อ/การถ่ายภาพ - 8
การกำกับ - 9
9
The Big Sick
หนังโรแมนติกคอมิดี้ที่สร้างโดยอิงจากเรื่องจริง เขียนบทได้เทพจริง มีความหลากหลายในทางแนวคิด การปะทะกันทางวัฒนธรรม ความขัดแย้งของสิ่งที่ตัวละครต้องทำกับสิ่งที่พวกเขาต้องเจอ เดินเรื่องพาลุ้นเอาใจช่วย และนักแสดงเล่นได้เป็นธรรมชาติมากๆ ครับ
1 คอมเมนต์