รีวิวหนัง The Batman | เมื่อแบทแมนอยู่ในหนังอาชญากรรมสืบสวน

ถ้าพูดถึงซูเปอร์ฮีโร่สายดีซี คงไ่ม่มีใครไม่รู้จักแบทแมน ด้วยเพราะเขาคือตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ฝั่งนี้ที่ผู้คนจดจำมากที่สุด จากจำนวนภาคที่ได้รับการสร้างก็คงพอบอกได้ ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งมี The Dark Knight Trilogy ไปไม่นาน วันนี้ เรื่องราวของบรูซ เวยน์ ถูกหยิบมานำเสนอใหม่อีกครั้ง ในชื่อ ‘The Batman’

หลายคนคงชื่นชอบหนังอย่าง ‘Dawn of the Planet of the Apes’ และ ‘War for the Planet of the Apes’ นั่นแหละ คือหนังสองเรื่องก่อนหน้าของผู้กำกับรายนี้ เขาคือ Matt Reeves ไม่ใช่แค่สองเรื่องนี้ เพราะยังมี ‘Let Me In’ และ ‘Cloverfield’ สองเรื่องนี้คนไทยก็น่าจะรู้จักกันดี เพราะฉะนั้น การที่เขาได้มากำกับเรื่องนี้ หลายคนจึงตั้งความหวังไว้ไม่น้อย และเมื่อหนังออกมา กระแสแรกๆ ในต่างประเทศก็ล้วนชื่นชม

จนในที่สุด ก็ถึงเวลาที่นายแพทจะได้ดูกันเสียที

เรื่องย่อหนัง ‘The Batman’

เมืองกอทแธมเป็นเมืองใหญ่ที่มีปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติดมากมาย แหล่งเสื่อมโทรมก็มากมี วายร้ายก็เต็มเมือง เช่นกันวันนี้ มีฆาตกรที่งทั้งต่อเนื่องทั้งโรคจิตอย่าง Riddler (พอล ดาโน/Paul Dano จากหนัง ‘Little Miss Sunshine’, ‘Swiss Army Man’ และ ‘There Will Be Blood’) อาละวาดหนัก ก่อเหตุสะเทือนขวัญสังหารโหด ทำให้นายตำรวจอย่าง เจมส์ กอร์ดอน (Jeffrey Wright/เจฟฟรีย์ ไรท์ จากหนัง ‘No Time to Die’ และ ‘The French Dispatch’ ) ที่สนิทสนมกับแบทแมน (โรเบิร์ต แพททินสัน/Robert Pattinson จากหนัง ‘Twilight’, ‘Tenet’ และ ‘The Lighthouse’) จนถึงกับต้องเรียกมาร่วมด้วยช่วยไขคดี ท่ามกลางความไม่ชอบใจของเพื่อนตำรวจ

และในระหว่างนั้น บรูซ เวย์น ในคราบของแบทแมนก็ได้พบกับสาวสวยผู้เป็นทาสแมวนาม เซลินา ไคล์ (Zoë Kravitz/โซอี้ คราวิทซ์ จากหนัง ‘X: First Class’, ‘Mad Max: Fury Road’ และ ‘Kimi’) หญิงสาวผิวสีที่กำลังสืบสาวเรื่องการตายของเพื่อนสาว

ยิ่งเมื่อสืบคดีกันไป เขาก็ยิ่งได้พบว่าเงื่อนงำของมันถูกโยงใยไปยังหลายตัวละคร ขุดเอาความเน่าเฟะของเมืองกอทแธม ปัญหาคอร์รัปชัน และปัญหาต่างๆ นานาขึ้นมาวางกองตรงหน้า ครั้งนี้ แบทแมนไม่ใช่แค่ฮีโร่คอยปราบเหล่าร้ายเท่านั้น เขายังต้องไขคดีฆาตกรรมต่อเนื่องนี้ให้ออกอีกด้วย

รีวิวหนัง ‘The Batman’

เหตุการณ์ในหนัง ไม่ได้เริ่มต้นที่ชีวิตวัยเด็กของบรูซ เวย์น เหมือนเช่นที่ผ่านมา เป็นหนังที่เอาตัวละครซูเปอร์มาปรับแต่งเสียใหม่ให้กลายเป็นหนัง แอคชัน- อาชญกรรม-สืบสวน ผสมกับกลิ่นดราม่าอยู่หน่อยๆ

หนังซูเปอร์ฮีโร่ไขคดีฆาตกรรม

ครั้งนี้ Matt Reeves เล่นข้ามไปเล่าจำเพาะเจาะจงเพียงหนึ่งคดีที่แบทแมนต้องเข้าไปร่วมไข และผู้ที่พาเขาเข้าไปก็คงมีแต่ เจมส์ กอร์ดอน ที่เปิดสปอทไลท์ส่องขึ้นฟ้าเรียกหาเขานั่นเอง นายแพทรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ ก็ได้พบว่า เหตุฆาตกรรมคดีหนึ่ง มีชายใส่ชุดสูทมนุษย์ค้างคาวเดินอาดๆ เข้าไปสำรวจหลักฐานในที่เกิดเหตุ ใช่แล้ว นั่นแหละ แบทแมนเรื่องนี้แหละ

แบทแมนในภาคนี้ ไม่ได้มีดีแค่เก่งออกแบบชุดสูทที่มาพร้อมสาระพัดอาวุธ ไม่ได้แค่เก่งด้านซิ่งรถไล่ล่าผู้ร้าย แต่เขายังเก่งในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์คดีอีกด้วย และเขาก็ไม่ได้มีเพียง เจมส์ กอร์ดอน ตำรวจผู้เรียกเขาไปช่วยไขคดี หากเขายังมี อัลเฟรด (Andy Serkis/แอนดี้ เซอร์คิส จากหนังเรื่อง ‘Rise of the Planet of the Apes’, ‘King Kong’ และ ‘The Lord of the Rings’) มาช่วยเขาไขรหัสลับ กับบทที่มีความเป็นฟิล์มนัวร์อบอวล แต่ละช่วงของการดำเนินเรื่อง เป็นเหมือนกับการตามหาชิ้นส่วนสำคัญ นั่นทำให้หลายคนบอกว่า หนังมันมีกลิ่นของ ‘Se7en’ และ ‘Zodiac’ เออ ก็จริงของเขา

เอาจริงๆ มันไม่ใช่หนังซูเปอร์ฮีโร่สำหรับเด็กเลย

ส่วนอีกจุดที่ทำให้หนังดูน่าสนใจมากขึ้น ก็คือ การมาพบเจอกันของ ชายในหน้ากากค้างคาว กับ หญิงสาวทาสแมว ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองเพิ่มความหวานเข้ามาเติมความขมในระหว่างดู

หลากหลายตัวละครแห่งเมืองกอทแธม

มันเป็นหนังที่มาเพียงภาคเดียวก็เล่นเอาคนดูหัวหมุนแล้ว เพราะตัวละครในนั้นมันยุ่บยั่บมาก ในหนังนั้น การสืบคดีของคู่หู หนึ่งซูเปอร์ฮีโร่ หนึ่งตำรวจ พาเราไปเจอกับหลากหลายตัวละครที่คุ้นหน้า นอกเหนือจากเดอะริดเลอร์,​อัลเฟรด, แคทวูแมน และเจมส์ กอร์ดอน ก็ยังจะมี อัยการ กิล โคลสัน (รับบทโดย Peter Sarsgaard/ปีเตอร์ สการ์สการ์ด), ออสวัลด์ ค็อบเบิลพ็อต ‘เพนกวิน’ (รับบทโดย Colin Farrell/โคลิน ฟาร์เรลล์), คาร์ไมน์ ฟัลโคน (รับบทโดย John Turturro/จอห์น เทอร์เทอร์โร่) และ นายกเทศมนตรี ดอน มิทเชลล์ (ที่รับบทโดย Rupert Penry-Jones)

เรียกได้ว่า ถ้าใครมีปัญหาในการจดจำตัวละครก็จะหัวหมุนไปช่วงหนึ่ง แต่ถ้าใครรอด ไม่เป็นปัญหา ก็จะสนุกกับหนังไปจนจบเรื่องเลยทีเดียว

บทดี ตีประเด็นทางสังคม

แบทแมนเวอร์ชันนี้ อาจจะไม่ได้ดีฉากแอคชันมากมายนัก แต่ก็ไม่ได้ขาดแคลนจนไม่เหลือเค้าของความเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ เรื่องราวเน้นหนักด้านการสืบไขคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ที่ขุดรากถอนโคนตีแผ่ประเด็นทางสังคม สาวไส้เรื่องการคอร์รัปชันของคนบางกลุ่ม เรื่องความเหลื่อมล้ำ เรื่องชนชั้นในสังคม เปิดโปงการปกปิดความชั่วร้ายภายใต้หน้ากากแห่งความดีที่ผู้คนไม่เคยได้รับรู้ เรื่องราวที่แทบจะไม่เจอว่าตัวละครใดในเรื่องที่ดีสะอาดหมดจด จะเรียกว่านี่เป็นฟิล์มนัวร์อีกเรื่องก็น่าจะพูดได้เต็มปาก

นอกจาก ‘เดอะ แบทแมน’ จะเป็นหนังที่เล่าเรื่องซูเปอร์ฮีโร่ที่ผู้คนรักและรู้จักดีในแบบที่ต่างออกไป ก็ยังเป็นหนังยาวเฉียด 3 ชั่วโมงที่เด่นทั้งบทดี ตัดต่อเจ๋ง หลายช็อตที่เข้าคู่กับดนตรีประกอบได้อย่างกลมกลืนและยอดเยี่ยม ด้านทีมงานนักแสดง แคสต์นี้แสดงกันดียกชุด วายร้ายก็จิตของจริง ขณะที่แบทแมนในฉบับแพททินสันก็หม่นมัวจนรู้สึกได้

อีกส่วนที่เห็นเด่นชัดก็คือ ภาพสวย [กำกับภาพโดย Greig Fraser จาก ‘Dune’, ‘Rogue One’ และ ‘Zero Dark Thirty’] ไม่มีช็อตไหนในหนังที่ไม่รู้สึกว้าว ดนตรีเจ๋ง [ผลงานของ Michael Giacchino จาก ‘Spider-Man: No Way Home’, ‘Incredibles 2’ และ ‘Jurassic World’] ยิ่งได้ระบบเสียงในโรง IMAX ยิ่งสุดกระหึ่ม ดึงความหม่นมัวของเรื่องราวออกมาได้สุด แม้ความยาวของหนัง จะค่อนข้างมากไปนิด แถมตัวละยุ่บยั่บ รายละเอียดของคดีที่ซับซ้อน จนอาจเป็นปัญหาในการติดตามเรื่องไปบ้าง ว่างๆ ก็ว่าจะลองหาโอกาสไปซ้ำอีกสักรอบ ท่าจะดี!

ป.ล. ฉากแถมท้ายเครดิตเนี่ย…ไม่ต้องรอก็ได้มั้ง!

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง