ในช่วงนี้ ทุกสัปดาห์จะมีหนังฟอร์มใหญ่เข้ามาฉายในบ้านเรา และสัปดาห์นี้ก็เช่นกัน เมื่อหนังภาคต่อของเจ้าสี่เต่าจอมพลังที่เคยวาดลวดลายไว้ในภาคก่อน กลับมาคราวนี้ เหมือนพวกเขาจะเริ่มโตขึ้นและพบกับบททดสอบบางอย่างที่จะพาพวกเขาให้เติบโตขึ้น ‘เต่านินจา’ ภาคนี้จะใช้ชื่อว่า ‘Teenage Mutant Ninja Turtles: Out of the Shadows’
ชื่อไทยของหนังภาคนี้คือ ‘เต่านินจา จากเงาสู่ฮีโร่’ ที่บ่งบอกเรื่องราวปมหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในหนังภาคนี้ ภาคที่แล้วเหมือนเป็นภาคที่บอกเล่าจุดกำเนิดของพวกเขาทั้งสี่และปรมาจารย์หนูที่คอยดูและเหล่าเต่าให้ค่อยๆ เติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กับการรู้จักใช้พลังของตนเองเพื่อช่วยเหลือเมืองนิวยอร์กที่พวกเขารักอยู่ในหลืบเงาที่ไม่มีใครรู้เห็น
ว่าแต่มันอาจถึงเวลาที่พวกเขาจะออกมาจากหลืบเงาเสียที
เรื่องย่อหนัง ‘เต่านินจา จากเงาสู่ฮีโร่’
ภาคนี้เล่าเรื่องราวที่ต่อเนื่องจากภาคก่อน ยังคงมีตัวร้ายอย่างเชร็ดเดอร์ (Tohoru Masamune) ที่กลับมาอีกครั้ง แถมยังร่วมมือกับศาสตราจารย์สติเฟื่องอย่าง แบ็กซเตอร์ สต็อกแมน (Tyler Perry) ผู้ใฝ่ฝันจะกลายเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลก โดยมีบีบ็อพ (Gary Anthony Williams) และร็อกสเตดดี้ (Stephen Farrelly) สองนักโทษสมองน้อยที่บังเอิญหลุดคุกแล้วถูกแปลงร่างให้กลายเป็นมอนสเตอร์
ซึ่งก็คือเจ้าแรดยักษ์กับหมูป่าตัวใหญ่ในหนังตัวอย่างนั่นเอง
แต่หนังก็ไม่ได้มีวายร้ายอยู่เท่านั้น เพราะมันยังซ่อนตัวร้ายที่เป็นมนุษย์ต่างดาวที่คิดจะก้าวข้ามมายังโลกด้วยจุดประสงค์พื้นๆ อย่าง “กูจะครองโลก” เราจะเห็นว่าตัวร้ายในภาคนี้ดูเพิ่มเติมมาจากครั้งก่อน เรื่องราวจึงมีอะไรให้เล่าได้อย่างมีสีสันมากขึ้น
และแน่นอนว่า ฝ่ายพระเอกก็ยังคงมีตัวเดิมๆ อย่างสี่เต่า Michelangelo, Donatello, Leonardo และ Raphael ที่มีมนุษย์สาวสวยสุดเซ็กซี่ดีกรีนักข่าวอย่าง เอพริล (Megan Fox) คอยช่วยเหลืออยู่ไม่ห่าง แถมยังพกเอาชายหนุ่มรูปหล่อผู้ฝันจะเป็นตำรวจมือดีแต่ยังไม่มีใครเห็นอย่าง เคซีย์ โจนส์ (Stephen Amell) เข้ามาร่วมก๊วนด้วย
พร้อมยังมีตัวแจมอย่าง เวอร์นอน (Will Arnett) ที่คอยรับหน้าเสื่อแทนเต่านินจาทั้งสี่จนกลายเป็นฮีโร่และได้กุญแจเมืองมาห้อยคอนั่นแล
รีวิวหนัง ‘เต่านินจา จากเงาสู่ฮีโร่’
พอหนังภาคแรกอย่าง ‘Teenage Mutant Ninja Turtles’ ประสบความสำเร็จ กวาดรายได้จากทั่วโลกมากกว่า 490 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก็เป็นที่แน่นอนว่าค่ายหนังต้องผลักดันภาคต่อให้เกิดขึ้นมาอย่างแน่นอน ยังคงเป็น Michael Bay ที่นั่งเก้าอี้โปรดิวเซอร์ โดยเปลี่ยนมือผู้กำกับมาเป็น Dave Green แห่ง ‘Earth to Echo’
ตูมตามตามสไตล์หนังไมเคิล เบย์ เปี๊ยบ!
เชื่อว่าถ้าคุณเคยดูหนังอย่าง ‘Transformers’ มาทุกภาคจะเล็งเห็นสไตล์ของการสร้างฉาก มุมมองกล้อง การตัดต่อ รวมไปถึงการสร้างพล็อตเรื่องของไมเคิล เบย์ ได้ในระดับหนึ่ง และเมื่อมาพบกับลีลาการเล่าเรื่อง การดีไซน์ฉากแอ็คชั่น คงต้องนึกไปก่อนแน่นอนว่า ผู้กำกับหนังเรื่องต้องเป็นไมเคิล เบย์ แต่ในความเป็นจริงเขาเป็นโปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้ต่างหาก
ด้วยตัวหนังที่เน้นตูมตามเต็มไปด้วยฉากบู๊แอ็คชั่นชนิดนันสต็อปที่ขนกันใส่มาครึ่งค่อนเรื่อง รวมไปถึงมุมและการเคลื่อนย้ายกล้อง นับไปถึงบางฉากที่มองปราดเดียวแล้วนึกไปหนังที่เป็นผลงานของเบย์แทบจะทันที เพราะฉะนั้น ถ้าจะบอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่บู๊สนุกก็คงจะไม่ใช่แล้ว อาจไม่ถึงขั้นบู๊มาราธอนอย่าง ‘Transformers’ บางภาคที่เล่นเอาเอียนกันไปข้าง
ก็ถือว่าบู๊เข้าขั้นสนุกได้อยู่สำหรับคอหนังบู๊แอ็คชั่นสไตล์เบย์
3 มิติพุ่งทะลุจอ กับพล็อตที่โหว่เพื่อบู๊
พอดีผมได้ดูหนังเรื่องนี้ในระบบ IMAX 3 มิติ ทำให้ได้สัมผัสกับอรรถรสของหนังแอ็คชั่นบนจอใหญ่ๆ เสียงดีๆ ที่ได้ออกมาเต็มเปี่ยมตามคุณภาพของโรงหนังประเภทนี้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำได้ชัดเจนมากคือการสร้างภาพ 3 มิติที่ชัดและพุ่งอย่างชัดเจน ด้วยการดีไซน์ฉากและมุมมองกล้องที่รับกับการฉายในแบบ 3 มิติแบบสุดๆ
ไม่ว่าจะเป็นฉากการไล่ล่าบนถนนหรือในอุโมงค์ รวมถึงฉากของการต่อสู้ในอากาศ การหมุนวนกล้องรอบตัวนักแสดง หรือการปาของใส่หน้าคนดู หนังมีเสิร์ฟให้อย่างเต็มกำลังเพื่อการรับชมในแบบ 3 มิติ คอหนังแอ็คชั่นจึงน่าจะลองมาสัมผัสแบบ IMAX 3 มิติดูสักครั้ง
แต่หากจะเหลียวไปมองดูที่พล็อตของ ‘Teenage Mutant Ninja Turtles 2’ แม้จะเพิ่มตัวละครเข้ามาสร้างสีสันมากมายหลายตัวแถมยังสามารถใส่มุกเข้าไปกับตัวละครบางตัวจนพวกเรารับชมด้วยความบันเทิงแล้ว แต่ก็พบว่าพล็อตหนังดูจะค่อนข้างหลวมและไม่ใส่ใจที่จะทำให้มันหนักแน่นมากนัก บางอย่างดูตั้งใจจะทำไปตามสูตร มันจึงดูไม่เม้กเซนส์มากนักแต่เพราะมันนำพาให้เรื่องราวเดินไปสู่ฉากแอ็คชั่นที่ต้องการและสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมได้ หนังมันจึงได้เดินไปทางนั้น เพราะฉะนั้น หากคนดูไม่ได้ใส่ใจกับตัวบทมากนัก
มันก็เป็นหนังที่สร้างความบันเทิงได้มากในระดับหนึ่ง
เต่านินจา คือหนังซูเปอร์ฮีโร่สำหรับเด็กๆ
ถ้าจะมองหนังหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เกลื่อนเมืองอยู่ตอนนี้นั้นมีเหล่าอะเวนเจอร์สเป็นหัวหอก นำความบันเทิงในรูปแบบที่ค่อนข้างจริงจังแต่ก็เน้นเสิร์ฟใส่ความบันเทิงให้กับคนดูอยู่ไม่น้อย กับหนังซูเปอร์ฮีโร่ฟากฝั่งดีซี ก็ดูจะจริงจังหนักแน่นเน้นความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า
เต่านินจา ก็คงจะเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เน้นความบันเทิงแบบเสพง่าย ดูง่าย เข้าใจง่าย ตัวละครหลักดูมีความขี้เล่น มีความเป็นเด็กในตัวอยู่ไม่น้อย
ในเรื่องเทคนิคก็คงไม่ต้องห่วง เพราะซีจีทำออกมาได้เนียนตาอยู่แล้ว ผสมผสานกับการออกแบบฉาก ตัดต่อและเดินมุมกล้องที่เร้าใจ คงทำให้หลายคนเข้าไปดูหนังและละวางความเป็นสูตรของหนังไปเพื่อเสพความสนุกนั้นอย่างเต็มที่
หนังใช้เทคนิคที่ได้ผลเสมอในการสร้างความบันเทิงในฉากบู๊ลุ้นแบบมันๆ เช่นการสร้างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นควบคู่กันไป หรือการปล่อยให้คนดูได้ลุ้นกับความเร็ว หายนะของรถราสิ่งก่อสร้างและการเอาตัวรอดของตัวละคร
การจะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกก็คงต้องใส่หัวใจเด็กในตอนดูแหละครับ
ชื่อภาพยนตร์: Teenage Mutant Ninja Turtles: Out of the Shadows / เต่านินจา จากเงาสู่ฮีโร่ / Ninja Turtles 2
ผู้กำกับภาพยนตร์: Dave Green
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Josh Appelbaum, André Nemec, Peter Laird (characters), Kevin Eastman (characters)
นักแสดงนำ: Megan Fox, Will Arnett, Tyler Perry, Alan Ritchson, Stephen Amell, Brad Garrett
ความยาว: 112 นาที
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Comedy, Fantasy, Sci-Fi
อัตราส่วนภาพ:
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 2 มิถุนายน 2559
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Gama Entertainment Partners, Nickelodeon Movies, Paramount Pictures
เต่านินจา จากเงาสู่ฮีโร่
Teenage Mutant Ninja Turtles: Out of the Shadows - 7
7
Teenage Mutant Ninja Turtles: Out of the Shadows
ถ้าจะมองหนังหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เกลื่อนเมืองอยู่ตอนนี้นั้นมีเหล่าอะเวนเจอร์สเป็นหัวหอก นำความบันเทิงในรูปแบบที่ค่อนข้างจริงจังแต่ก็เน้นเสิร์ฟใส่ความบันเทิงให้กับคนดูอยู่ไม่น้อย กับหนังซูเปอร์ฮีโร่ฟากฝั่งดีซี ก็ดูจะจริงจังหนักแน่นเน้นความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า เต่านินจา ก็คงจะเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เน้นความบันเทิงแบบเสพง่าย ดูง่าย เข้าใจง่าย ตัวละครหลักดูมีความขี้เล่น มีความเป็นเด็กในตัวอยู่ไม่น้อย