เมื่อสิ้นปีมาถึง เหมือนเป็นการนัดกันของแฟนๆ กับหนังมหากาพย์สงครามแห่งกาแลกซี่เรื่องนี้ ไม่ภาคต่อของภาคหลัก ก็เป็นภาคแยก แต่คราวนี้เป็นทีของภาคที่แปดของภาคหลัก ‘Star Wars The Last Jedi’ ที่คราวนี้เปลี่ยนมือมาเป็นการกำกับฯ ของ Rian Johnson แห่ง ‘Looper’
หลังผ่านมาถึงภาค 7 ด้วยการปัดฝุ่นผนวดคารวะภาคเก่าๆ ของ J.J. Abrams ก็ได้เวลาที่จะมีคนใหม่มาช่วยเล่าและสานต่อหนังแฟรนไชส์ระดับตำนานบ้าง ด้วยตัวอย่างที่ไม่ค่อยเล่าอะไรมากนัก ได้แต่เห็นพอบางๆ ว่าหนังจะมีตัวละครอะไรใหม่ๆ และจะมีฉากตื่นตาแบบไหนให้ได้คาดหวังกัน
และจะมีฉากตื่นตาแบบไหนให้ได้คาดหวังกัน…
เรื่องย่อหนัง ‘Star Wars The Last Jedi’
ภาคที่แล้วจบลงไปด้วยฉากของการพบเจอกันของ ลุค สกายวอล์กเกอร์ (Mark Hamill) และเรย์ (Daisy Ridley) สาวคนใหม่ที่มีพลังแอบแฝงอยู่ เธอต้องการจะไปเรียนรู้เกี่ยวกับพลัง
ขณะที่ฝ่ายปฐมภาคีที่นำโดยสโน้ค (Andy Serkis) และมีไคโล เรน (Adam Driver) ผู้ต้องการเดินตามรอบดาร์ธเวเดอร์ องค์กรนี้เติบใหญ่และเหิมเกริมขึ้น และหวังจะกำราบฝ่ายต่อต้านให้สิ้นซาก
ขณะที่ฝ่ายต่อต้านเองก็ไม่ยอมจำนนแม้จำนวนของพวกเขาจะทะยอยลดลงไป พวกเขายังคงอยู่ภายในการนำของหญิงแกร่ง นายพลหญิงเลอา (Carrie Fisher) โดยยังคงมีตัวละครตัวเก่งจากภาคก่อนมาครบ ทั้ง โพ ดาเมรอน (Oscar Isaac) นักบินเอ็กซ์วิงผู้เก่งกาจ ฟินน์ (John Boyega) อดีตสตอร์มทรูปเปอร์ผู้แปรพักตร์มาอยู่ฝ่ายตรงข้าม
พวกเขาจะต่อต้านฝ่ายปฐมภาคที่แข็งแกร่งกว่าได้หรือไม่ เรย์จะได้เป็นเจไดคนใหม่หรือไม่ และจริงๆ แล้วเจไดคนสุดท้ายจะเป็นใคร ตามต่อได้ในหนังเต็มๆ แล้วกันนะครับ
รีวิวหนัง ‘สตาร์ วอร์ส ปัจฉิมบทแห่งเจได’
สำหรับใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของมหากาพย์สตาร์วอร์ส คงจะฟินกันไปแหละคราวนี้ ด้วยการจัดหนักจัดเต็มของผู้กำกับฯ ผู้นำพาสิ่งใหม่มาสู่กาแลคซี่ หลังจากที่แล้ว เจเจพาเราไปฟินกับเรื่องราวที่เล่าอีกครั้งในสไตล์ของหนังไซไฟสมัยใหม่ เก็บทั้งแฟนเก่าและแฟนปัจจุบันไปเรียบวุธ มาคราวนี้ ไรอันชักชวนแฟนเก่าให้ฟินกับความสนุกใหม่ๆ และชักชวนคนแฟนใหม่ๆ ได้สนุกกับเรื่องราวที่เล่าต่อเนื่องจากตำนาน
เหมือนรีเซ็ตบางสิ่งไป ใส่เติมบางสิ่งใหม่เข้ามา
อาจถึงเวลาเสียทีที่แฟน Star Wars Saga มานานจะได้เห็นเรื่องราวใหม่ๆ การเล่าเรื่องแบบใหม่ๆ ที่ถูกใจคอหนังสมัยนี้เสียที หลังจากเนือยๆ กับอารมณ์เซนมานานนับทศวรรษ ปรับศูนย์ถ่วงล้อใหม่จากภาคก่อน ภาคนี้จึงได้เวลาเล่าเรื่องไปสู่อะไรที่ยังไม่เคยมีมาก่อน
การจะเล่าลงลึกลงไปก็คงจะทำมิได้มากนัก เกรงว่าจะเป็นสปอยล์…
สิ่งที่แตกต่างออกไป ก็ได้แก่ การเล่าเรื่องที่มักใช้เส้นเรื่องสองเส้นเล่าล้อไปด้วยกัน การสลับฉากไปมาสร้างสรรค์อารมณ์ให้กับผู้ชม มีความเซอร์ไพรซ์ที่แทรกใส่มาตลอดเวลา ชนิดที่ผู้ชมจะไม่ทันคาดคิดว่า เขาจะเดินมาทางนี้ จะเฉลยออกมาในรูปแบบนี้ จะเจอตัวละครนี้ในสถานการณ์นี้ มีตัวละครใหม่ที่มาเสริม แถมยังมีตัวละครสุดน่ารักนักขโมยซีนมาร่วมแจมในหลายฉากด้วย
สิ่งที่แตกต่างอีกสิ่งที่ชัดเจน ก็คือ อารมณ์ขันที่โผล่มาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว มันแทรกเข้ามาในฉากที่อยู่ในอีกอารมณ์หนึ่ง ดูมีความแหม่งๆ แต่ทุกครั้งก็สร้างอารมณ์ได้ดีนะครับ
มีฉากการต่อสู้ที่ชวนตะลึง งานวิชวลสุดอลังการ
อาจจะไม่ใช่ สตาร์ วอร์ส ภาคที่มีฉากต่อสู้เยอะมากนัก โดยส่วนใหญ่ หนังเล่นกับเรื่องราวที่ไปในทางเกิดคาดเดาและชักชวนให้ร้อง “เฮ้ย” “โอ้ว” “ว้าว” เสียมากกว่า
ทว่าก็มีฉากต่อสู้ที่น่าประทับใจสร้างภาพจำที่เห็นได้แจ่มชัดอยู่ในนั้น
ฉากต่อสู้นั้นน่าประทับใจเพราะมันผนวกเข้ากับวิชวล งานด้านภาพที่สวยงามและน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นฉากต่อสู้ในพื้นที่ปิด หรือฉากไคลแมกซ์ในที่โล่งแจ้งที่เราได้เห็นบางส่วนกันไปนั่น สีขาวกับแดงช่างตัดกันสวยงาม ชนิดที่ต้องร้อง “โอ้ว” “ว้าว” อยู่ข้างใน และบวกกับเรื่องราวที่คาดไม่ถึง
เชื่อว่ามันสร้างความอิ่มสุขให้แฟนพันธุ์แท้ได้อย่างแน่นอน
เซอร์ไพรซ์ใส่ความว้าว นำเก่ามาปะทะใหม่
ความที่สงครามแห่งดวงดาวหนนี้ไม่เล่าตามขนบเดิม แถมยังเพิ่มความเซอร์ไพรซ์ อะไรที่เราได้ติดตามไปแล้วพบว่ามันเฉลยออกมาแล้วสร้างความ “เฮ้ย” นั่นคือของขวัญสำหรับผู้ชม ซึ่งหนังมีอยู่หลายจุด
การปรับจังหวะการเล่าและการใส่มุกอาจเป็นได้ทั้งจุดดีและจุดเสีย ผู้ชมบางส่วนอาจชมชอบเพราะได้เจออะไรที่แตกต่างไป เหมือนรีเซ็ตของเก่าและเล่าเสริมด้วยของใหม่ ขณะที่บางส่วนก็อาจรู้สึกว่านี่เป็นการสูญเสียแนวทางความเป็นสตาร์วอร์ส
ซึ่งผมก็ไม่รู้แน่ว่าอะไรคือความเป็นสตาร์วอร์ส
หนังยังคงมีตัวละครเก่าๆ อยู่ครบ ยานต่างๆ ที่คุ้นตา พร้อมยานหน้าใหม่ๆ โดยเฉพาะตัวละครที่ผู้คนหลงรักและเมื่อทุกคนต่างรู้ว่าตัวจริงของเธอไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว ความผูกพันอาจจะทำให้น้ำตาเอ่อในบางฉาก
Carrie Fisher อาจจะจากเราไปแล้ว แต่บทบาทสุดท้ายอันสุดแสนประทับใจยังอยู่บนแผ่นฟิล์มดิจิทัล R.I.P.
นี่อาจเป็นสตาร์วอร์สภาคที่สนุกตื่นตาที่สุดก็เป็นได้ การปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้ตรงใจกับผู้ชมหนังในสมัยปัจจุบันมากที่สุด แถมยังก่อกำเนิดบางสิ่งมาให้ติดตามต่อในภาคถัดไปอีกด้วย
ไม่มีฉากแถม มีแต่อารมณ์พลุ่งพล่านอยากดูอีกสักรอบ…สองรอบ
ชื่อภาพยนตร์: Star Wars The Last Jedi / สตาร์ วอร์ส ปัจฉิมบทแห่งเจได
ผู้กำกับภาพยนตร์: Rian Johnson
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Rian Johnson, George Lucas (based on characters created by)
นักแสดงนำ: Daisy Ridley, John Boyega, Mark Hamill, Adam Driver, Domhnall Gleeson, Andy Serkis, Carrie Fisher, Oscar Isaac
ดนตรีประกอบ:
ความยาว: 152 นาที
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Fantasy
อัตราส่วนภาพ: 2.39 : 1
ปี: 2017
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 14 ธันวาคม 2017
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Lucasfilm, Ram Bergman Productions, Walt Disney Pictures
สตาร์ วอร์ส ปัจฉิมบทแห่งเจได
Star Wars The Last Jedi - 10
10
Star Wars The Last Jedi
Star Wars: The Last Jedi ผลงานการเขียนบทและกำกับของ Rian Johnson ผู้ทำให้สตาร์วอร์สเดินในทิศทางที่แตกต่างออกไป เหมือนรีเซ็ตบางสิ่ง เพิ่มสไตล์บางอย่างเข้ามา และพาเรื่องเดินออกไปสู่สิ่งอื่น น่าตื่นเต้นที่ได้เห็นอะไรที่คาดไม่ถึง งานวิชวลที่สวยงามอลังการ กับความฮาที่เสริมเข้ามา
1 คอมเมนต์