รีวิวหนัง Spotlight คนข่าวคลั่ง | แฉคริสตจักรฉาว ลุ้นระทึก เล่าดี ดนตรีเด่น

สัปดาห์นี้ อาจจะดูว่าห่างหายจากการนำหนังมารีวิวก่อนเข้าฉายจริงๆ ไปบ้าง นั่นก็เพราะต้องจำกัดตัวเองเพื่อสร้างสมดุลชีวิต แต่ก็พบว่ามีหนังบางเรื่องที่ไม่อาจจะได้ดูทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าจะไปดู ในที่สุดก็ต้องมาเก็บตกเอาทีหลังอย่างเช่นเรื่องนี้ ‘Spotlight คนข่าวคลั่ง’ หนังระดับตัวเต็งรางวัลที่ได้รับเสียงร่ำลือชื่นชมกันถ้วนหน้า เอาเป็นว่า ยังไงๆ นายแพทก็ต้องไปดูให้ได้ สินะ สินะ

เก็บเอาวันหนึ่งในวันหยุดไว้เป็นวันดูหนังและเขียนบล็อก เริ่มด้วยเรื่องของกลุ่มนักข่าวบอสตันโกลบ ทีมพิเศษที่เอาไว้ขุดคุ้ยเรื่องลับเรื่องฉาวเป็นการเฉพาะ แถมนี่ยังเป็นเรื่องฉาวที่สะเทือนทั่วทั้งคริสตจักรอีกต่างหาก

อาจจะมีหลายคนได้ดูไปแล้ว แต่ขอเขียนถึงหน่อยเหอะ อยากเขียน

เรื่องย่อหนัง ‘Spotlight’

เดอะ บอสตัน โกลบ (The Boston Globe) คือหนังสือพิมพ์ที่อยู่มายืนยาว เป็นเหมือนหนังสือพิมพ์ดังของท้องถิ่นเมืองบอสตัน จุดเด่นอันหนึ่งก็คือการยืนหยัดทำเพื่อเมืองซึ่งถูกปลูกฝังไว้อยู่ในดีเอ็นเอของนักข่าวทุกๆ คน พวกเขามีทีมงานสืบหาข่าวที่ตั้งชื่อว่าทีม Spotlight ทำหน้าที่เหมือนไฟที่สาดส่องไปเพื่อให้สังคมเล็งเห็นความจริงที่อาจถูกปกปิดอยู่เพียงในด้านมืด

ทีมสปอตไลต์นำทีมโดย ร็อบบี้ Walter ‘Robby’ Robinson (Michael Keaton) ร่วมด้วย ไมค์ Mike Rezendes (Mark Ruffalo) และสาวสวยอย่าง ซาช่า Sacha Pfeiffer (Rachel McAdams) ภายใต้การบริหารงานของคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาอย่าง Marty Baron (Liev Schreiber) ที่เป็นคนที่จุดประกายเรื่องนี้ขึ้นมาให้ทีมสปอตไลต์เข้าไปขุดคุ้ย

การสืบหาข่าวที่สั่นสะเทือนวงการศาสนาอย่างใหญ่หลวง ที่ต้องผ่านแรงต้านที่สำคัญ เพราะศาสนาคือสิ่งที่หลายคนเลือกจะไม่พูด กระอักกระอ่วนใจที่จะเปิดเผย โดยเฉพาะมันเป็นเรื่องของบาทหลวงที่มีพฤติกรรมล่วงละเมิดเด็กชาย และเรื่องราวเหล่านี้มีต่อเนื่องมายาวนานราว 30 ปีแต่ไม่มีใครออกมาเปิดโปงจริงจัง

“หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริง”

รีวิวหนัง ‘Spotlight’ หนังฉาวเต็งออสการ์

หนังได้รับการเสนอเข้าชิงลูกโลกทองคำไป 3 รางวัล วืดหมด แต่กำลังเข้าชิง 6 รางวัลออสการ์ หลายสำนักว่ามันเป็นหนังเต็ง ซึ่งหลังจากได้ไปดูก็ยิ่งพบว่ามันเหมาะสมที่จะเป็นหนังเต็งอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ

เรื่องฉาวที่ใครๆ ก็ไม่อยากพูด

แม้ว่าจะมีข่าวทำนองว่าบาทหลวงกระทำอนาจารกับเด็กลงสื่ออยู่บ้าง แต่ก็เป็นแค่ข่าวกรอบเล็กๆ ที่ลงมาแล้วก็หายไป ไม่มีใครตามต่อ และไม่มีใครรู้ว่ามันมีคดีแนวๆ นี้เกิดขึ้นตั้งมากตั้งมายแต่ถูกซุกไว้ใต้พรม ยอมความกันแล้วก็จบๆ ไป ด้วยแนวความคิดที่ว่าศาสนาสร้างสิ่งดีๆ ให้กับสังคมมามาก การทำเป็นมองไม่เห็นมันคือการทำเพื่อเมืองที่เรารัก…

มันคือการทำสิ่งเพื่อสังคมที่รักใช่หรือไม่?

หนังอาจเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ เรื่องราวของบาทหลวงสองสามคน และข่าวตัดในอดีต เริ่มขุดคุ้ยไปเรื่อยๆ จนค้นพบอะไรที่เซอร์ไพรส์แม้แต่กับตัวพวกเขา ไม่พอยังต้องเจอกับแรงต้านอันมหาศาลที่มาจากหลายแหล่งด้วยกัน ยิ่งเป็นเรื่องของศาสนา ความศรัทธาของผู้คนเป็นสิ่งที่รับมือได้ยาก

ไม่เว้นแม้แต่ตัวนักข่าวเอง

มันท้าทายอยู่ไม่น้อยกับการที่ต้องทำข่าวในสิ่งที่ตัวเองก็สัมผัสอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ศาสนาที่นับถืออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน โบสถ์ที่เดินเข้าไปเจอญาติๆ และเพื่อนๆ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่พอได้รู้ทุกอย่าง

สิ่งที่เคยเชื่อและศรัทธามันกำลังพังทลาย

เดินเรื่องแสนจะดี ดนตรีก็แสนจะเด่น

ตัวละครในหนังนั้นมากพอดูจนคนแรมน้อยอาจจะมีปัญหาบ้างในการจดจำชื่อว่าใครเป็นใคร แต่กลายเป็นหนังไม่ได้ดูยากแต่อย่างใด ถึงแม้จะมีปัญหาในการจดจำชื่อตัวละครไปบ้าง แต่ก็เข้าใจในสถานการณ์ได้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยุ่งยาก

แถมวิธีการดำเนินเรื่องก็ดูลื่นไหล ไม่น่าเบื่อ

หนังดำเนินเรื่องแบบมีขั้นมีตอน อันนี้ทำให้ตามหนังได้ง่าย แถมยังเดินเรื่องแบบเดี๋ยวบีบเดี๋ยวปล่อย มีจังหวะจะโคนที่ดี ผสานไปกับดนตรีประกอบที่ทำออกมาได้ทั้งเพราะและตอบโจทย์กับอารมณ์ที่หนังต้องการในเวลานั้น

บางช่วงตัวละครไม่ได้พูดอะไร ใช้แค่การกระทำ หรือใช้ฉากที่บอกว่าเรื่องเดินไปถึงจุดไหน ไม่ต้องใช้ถ้อยคำ ถือเป็นวิธีการที่ชาญฉลาดที่ทำให้คนดูได้เห็นการเดินเรื่องในแบบอื่นไปบ้าง มากกว่าจะแค่คุยกันอย่างเดียว

ถึงแม้หนังจะไม่ได้บีบเค้นจนต้องลุ้นจิกเก้าอี้ และแม้กระนั้น หนังก็เต็มไปด้วยบทสนทนาที่รับส่งกันได้อย่างลื่นไหล อ่านซับกันแทบไม่ทัน

‘คนข่าวคลั่ง’ เป็นหนังดี เต็งออสการ์

ผลงานจากผู้กำกับ Tom McCarthy เขาเป็นนักแสดงครับ เคยแสดงเรื่อง Duplicity, 2012, The Lovely Bones, Fair Game, Little Fockers และ Pixels แต่จริงๆ แล้วเขาก็เป็นผู้กำกับด้วย ผลงานอาจไม่มากนัก แต่ก็พอมี The Station Agent (2003), The Visitor (2007), Win Win (2011), The Cobbler (2014) และนี่คือผลงานการกำกับเรื่องที่ห้าของเขา ซึ่งก็พบว่ามันไม่เลวเลยทีเดียว จนคิดว่าน่าจะลองไปหาหนังเรื่องเหล่านั้นมานั่งดูบ้างก็คงจะดี

บนเวทีออสการ์ปีนี้ มีชื่อเขาเข้าชิงในสาขา Best Director ด้วยนะเออ

ถ้าพูดถึงการแสดงของเหล่าดารานำในหนังเรื่องนี้ ก็คงจะพบว่า ไม่อาจจะละเลยใครไปเลยได้สักคน แต่ละคนต่างก็ได้รับบทบาทที่สำคัญกับเรื่องราวและมีช่วงเวลาที่โดดเด่นของตัวเอง แต่ถ้าหากจะถามว่ามีใครสักคนที่โดดเด่นใน ‘คนข่าวคลั่ง’ ในใจผมบ้าง คนหนึ่งที่ต้องตอบก็คือ Mark Ruffalo เขาอาจจะดูเป็นแค่นักข่าวธรรมดาที่กระตือรือร้นและรักในงานของตัวเองเป็นพิเศษ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาดำดิ่งลึกเข้าไปในตัวงานมากเสียจนทำให้เกิดอารมณ์ดราม่าภายในใจ ตรงนั้นแหละที่พลังการแสดงของเขามันล้นออกมา

ขณะที่อีกคนก็คงหนีไม่พ้น Michael Keaton และ Rachel McAdams คนหนึ่งนี่พลังของนักข่าวรุ่นใหญ่ใจนิ่งแถมยังมีมุก งานนี้ต้องยกให้เขา กับอีกคน เป็นสาวสวยที่ดูไม่น่าจะมีอะไร แต่เธอฉลาดในการหาแหล่งข่าวและกัดไม่ปล่อย

ดูหนังแล้วก็อาจจะนึกย้อนกลับมาดูเหตุฉาวๆ ในวงการศาสนาบ้านเรากันบ้าง พบเห็นกันตามสื่อต่างๆ ทุกแขนง แต่กลับไม่อาจสร้างเป็นหนังได้อย่างอิสระเสรี

อเมริกาเขากล้าสร้างเรื่องนี้มาฉายนะ แต่ในไทยคงยาก

ชื่อภาพยนตร์: Spotlight / คนข่าวคลั่ง
ผู้กำกับภาพยนตร์: Tom McCarthy
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Josh Singer, Tom McCarthy
นักแสดงนำ: Mark Ruffalo, Michael Keaton, Rachel McAdams, Liev Schreiber, John Slattery, Brian d’Arcy James, Stanley Tucci, Neal Huff, Jamey Sheridan
ความยาว: 128 นาที
แนว/ประเภท: Biography, Drama, History, Thriller
อัตราส่วนภาพ: 1.85 : 1
เรท: ไทย/, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 14 มกราคม 2559
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Anonymous Content, First Look Media, Participant Media, Mongkol Major