รีวิวหนัง Spencer รักร้าวของเจ้าหญิงไดอาน่า | ร้าวราน แตกสลาย แอบไซโค

หนังผลงาน Pablo Larraín ที่บอกเล่าช่วงสั้นๆ ของเจ้าหญิงไดอาน่าที่ปวดร้าวกับชีวิตรัก

ชีวิตของเจ้าหญิงไดอาน่าเคยถูกหยิบมาถ่ายทอดในรูปแบบภาพยนตร์ไปบ้างแล้ว แต่ก็เหมือนเรื่องราวของเธอจะเต็มไปด้วยสีสัน ภายในนั้นเต็มตื้นไปด้วยเรื่องราวของอารมณ์และความรวดร้าว จึงไม่แปลกอะไร ถ้าจะมีคนหยิบมาถ่ายทอดมันอีกครั้ง แต่แน่นอนว่า ฉบับนี้ย่อมจะพยายามไม่ซ้ำเส้นทางเดิม วันนี้ เราจึงมี ‘Spencer’ ชื่อไทยทับศัพท์ว่า ‘สเปนเซอร์’ ที่บอกเล่าเรื่องราวรักอันร้าวรานของไดอาน่า…

รีวิวหนัง ชีวประวัติไดอาน่า เรื่อง ‘Spencer’

ไดอาน่าเวอร์ชันนี้กำกับโดย Pablo Larraín ชายชาวชิลีที่เคยกำกับหนังแนวเดียวกันอย่าง ‘Jackie’ ในปี 2016 ครั้งนั้น เขาหยิบจับเอาสุภาพสตรีหมายเลข 1 ผู้เป็นภรรยาของประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ของสหรัฐฯ มาบอกเล่า จนทำให้เราสะเทือนใจไปกับบทบาทของ Natalie Portman กันไปแล้ว มาครั้งนี้ เขาหยิบเสี้ยวหนึ่งของชีวิตหญิงสาวที่ทั่วโลกรู้จักจากอีกฟากหนึ่งของโลกมาบอกเล่า

ได้เวลาสัมผัสกับชีวิตเสี้ยวนั้นของเธอกันแล้วล่ะ


เรื่องย่อหนัง Spencer

เอาจริงๆ ก็แทบไม่ต้องเล่าอะไรมากมายนัก สำหรับประวัติชีวิตของผู้หญิงคนนี้ ความที่เธอเป็นเจ้าหญิงผู้โดดเด่นด้านความงาม ทั้งมีเรื่องราวชีวิตรักที่ไม่เคยจะสมหวัง และหนังเรื่องนี้ก็หยิบช่วงเวลาเพียงสั้นๆ 3 วันเท่านั้นของเธอมาบอกเล่า

เจ้าหญิงไดอาน่า (คริสเตน สจ๊วต/Kristen Stewart จากหนังเรื่อง Café Society, American Ultra และ Still Alice) เจ้าหญิงแห่งเวลส์ที่ใช้ชีวิตแต่งงานกับ เจ้าชายชาร์ลส์ (แจ็ค ฟาร์ธิง/Jack Farthing จากหนังเรื่อง The Lost Daughter, The Riot Club และซีรีส์เรื่อง Poldark ) แม้มีลูกชายด้วยกันสองคน คือ วิลเลียม (Jack Nielen) และแฮร์รี่ (Freddie Spry) แต่ดูเหมือนเธอจะไม่เคยมีความสุขเลย

ตัวอย่างหนัง ‘สเปนเซอร์’ [ซับไทย]

เธอต้องอยู่กับธรรมเนียมประเพณีที่ขีดคั่น ภาพลักษณ์ที่ต้องสง่าและดีพร้อมตลอดเวลา บีบให้เธอต้องมีชีวิตเหมือนอยู่ในกรงขัง เธอจำต้องดิ้นรนเพื่อหลุดพ้น และช่วงเวลาระหว่างนั้นก็ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ดราม่าเชิงชีวประวัติที่มีความยาว 117 นาทีเรื่องนี้


รีวิวหนัง สเปนเซอร์

หลังจากได้ดูหนังเรื่องนี้แบบเต็มๆ แล้ว บอกได้เลยว่า มันเป็นหนังแนวชีวประวัติที่แตกต่างจากหนังแนวเดียวกันเรื่องอื่นๆ หนึ่งคือ มันโฟกัสเพียงชีวิตของตัวละครเอกเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เพื่อจะได้ขับเน้นทุกอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครออกมาอย่างใกล้เคียงที่สุด รวมทั้งเรื่องราวของเจ้าหญิงองค์นี้ คงแทบไม่มีใครในโลกแล้วมั้งที่จะไม่รู้จัก จึงอาจไม่จำเป็นต้องมานั่งเล่าเรื่องตั้งแต่เด็กยันตายของเธออีกครั้ง

เพียง 3 วันก็เพียงพอแล้วสำหรับไดอาน่า

Jack Farthing ผู้แสดงเป็นเจ้าชายชาร์ลส์ ในหนัง ‘สเปนเซอร์’

ชีวิตรักของไดอาน่ามืดมนเสมอมาไม่ว่าเธอจะคบหรือแต่งกับใคร การแต่งงานครั้งแรกของเธอคือการแต่งกับคนในราชวงศ์ เจ้าชายแห่งเวลส์ คือคนที่ทำให้เธอกลายเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์ เขาคือรักแรก แต่กลับกลายเป็นคนที่ไม่ได้ให้ ‘ความรัก’ จริงๆ กับเธอ ดูเหมือนเขาจะมีสัมพันธ์อยู่กับหญิงคนอื่น ซึ่งก่อความช้ำใจให้กับเธออย่างมาก

ประกอบกฎระเบียบที่เคร่งครัดภายในวัง กลายเป็นอีกแรงผลักที่สร้างความอึดอัดให้กับเธอ มันส่งผลไปทุกอย่าง ความเครียดหนักทำให้กินข้าวไม่ลง กินแล้วก็ต้องไปอาเจียนต่อในห้องน้ำ จนผ่ายผอมลงทุกวัน ด้านจิตใจก็ไม่ต่างจนเธอแสดงพฤติกรรมที่ทำให้คนอื่นในวังต้องเอือมระอา

เรื่องราวที่ถูกเล่าในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ที่คนในราชวงศ์นี้จะย้ายมาพำนักที่ตำหนักซานดริงแฮม ทุกคนจะต้องชั่งน้ำหนักทั้งก่อนและหลังเพื่อดูว่ามีความสุขดีหรือไม่ ทั้งต้องแต่งตัวตามที่ถูกกำหนดไว้ ทุกอย่างบีบเค้นจนอึดอัน เธอจึงมักทำตัวขบถ ด้วยการขับรถออกไปข้างนอกคนเดียว กลับมาร่วมโต๊ะล่าช้ากว่าคนอื่นๆ และอะไรต่อมิอะไรที่บ่งบอกว่า เธอสุดจะทนแล้วกับวังวนชีวิตภายในวังเช่นนี้

Kristen Stewart กับบทบาทเจ้าหญิงไดอาน่า ในหนังเรื่อง ‘สเปนเซอร์’

ทั้งหมดคือสิ่งที่ Kristen Stewart ต้องรับหน้าที่แสดงบทบาท แสดงความรู้สึกที่อัดอั้นจนใกล้ระเบิดออกมาให้ผู้ชมได้รับรู้ ซึ่งเธอก็ทำได้ยอดเยี่ยมทั้งสีหน้า แววตา ท่าทาง หนังบอกเราถึงชีวิตของคนที่ต้องอยู่ตรงนั้นว่า พวกเขาต้องมีสองชีวิต ชีวิตจริงๆ กับชีวิตที่อยู่หน้ากล้อง เธอไม่อาจฝีนทนปั้นหน้าทั้งที่ข้างในไม่รู้สึกแบบเดียวกันอย่างนั้นได้อีกต่อไป หนังให้เวลาเธอได้แสดงบทบาทเป็นเลดี้ไดอาน่าที่เจ็บปวดรวดร้าวทั้งด้านชีวิตรักและการมีชีวิตอยู่ได้อย่างเต็มเปี่ยม

‘สเปนเซอร์’ มีเธอเป็นคนแบกหนังทั้งเรื่องไว้คนเดียวจริงๆ

หนังบอกเล่ากับเราด้วยสไตล์โซโคนิดๆ พยายามขับเน้นสภาพของจิตใจที่แตกสลายออกมาให้เห็นแจ่มชัดที่สุด บางช็อตอาจแทรกไว้ด้วยอารมณ์ขัน แม้หนังจะไม่ได้เดินเรื่องหวือหวา แต่ว่าก็กลับสะกดผู้ชมให้อยู่กับหนังไปได้จนจบโดยไม่เกิดอาการง่วงงุนแต่อย่างใด

Kristen Stewart กับบทบาทเจ้าหญิงไดอาน่า ในหนังเรื่อง ‘สเปนเซอร์’

ไหนเล่าคือชีวิตรักดั่งเทพนิยาย ไม่มีตรงไหนในหนังเรื่องนี้ที่ทำให้รู้สึกตรงนั้นเลยสักนิดเดียว ความประทับใจในตัวหนังนอกเหนือจากลีลาการแสดงของ Kristen Stewart แล้วก็คงจะเป็นงานด้านการถ่ายภาพ

คงต้องบอกว่า สวยสดสะกดใจมากมายในแต่ละวินาทีที่ผ่านไป บางส่วนยิ่งใหญ่อลังการ บางส่วนร้าวรานสะเทือนใจ Cinematography เต็มอิ่มจนล้นจอ

สิ่งที่ดีเยี่ยมและสอดประสานกันได้อย่างลงตัว คือ งานดนตรีประกอบที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมในการส่งเสริมอารมณ์ของภาพ ส่วนใหญ่จะมาในช่วงที่ไม่มีบทพูด บางช่วงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่บางเวลามันกลับบรรเลงด้วยลีลาที่กรีดลึก

โปสเตอร์หนัง ‘สเปนเซอร์’ เวอร์ชันไทย

ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 3 วันของสตรีผู้มีรูปโฉมงดงาม แต่ชีวิตรักช่างเจ็บปวดแสนสาหัส หัวใจที่แตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่ภายใต้ภาพลักษณ์อันเริ่ดหรู อาศัยอยู่ในวังอันโอ่อ่า ไดอาน่าผู้สับสนในหนทางเดิน เธอจำเป็นต้องเลือกระหว่างการถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว หรือทำตัวขบถ

ซึ่งแน่นอนว่า ผู้คนย่อมรู้แล้วว่าเธอเลือกอย่างไหน


รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง

ชื่อภาพยนตร์Spencer / สเปนเซอร์
ผู้กำกับPablo Larraín/ปาโบล ลาร์เรน
ผู้เขียนบทSteven Knight
นักแสดงKristen Stewart/คริสเตน สจ๊วต, Timothy Spall, Jack Nielen, Freddie Spry, Jack Farthing/แจ็ค ฟาร์ธิง, Sally Hawkins
แนว/ประเภทDrama, Biography
เรทR
ความยาว117 นาที
ปี2021
วันเข้าฉายในไทย13 มกราคม 2022
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่ายShoebox Films, Komplizen Film, FilmNation Entertainment, Topic Studios, Fabula, M Pictures

สเปนเซอร์

พล็อตและบท - 7.3
การดำเนินเรื่อง - 7.6
การแสดง - 7.7
งานถ่ายภาพและโปรดักชั่น - 8.6
เพลงและดนตรีประกอบ - 8.6

8

Spencer

เรื่องราวการแตกสลายของเจ้าหญิงไดอาน่าที่ต้องทนอยู่กับการมีสองชีวิตที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ความอัดอั้นและร้าวราวถูกส่งผ่านมาพร้อมกับการแสดงแบบเต็มศักยภาพของคริสเทน สจ๊วต ผสานกับงานภาพที่โดดเด่นสะกดสายตา และดนตรีประกอบที่เรียงร้อยได้หมดจดกลมกลืน ทำให้ Spencer น่าจะได้รับหลายรางวัลจากหลายเวทีได้ไม่ยากเย็น

User Rating: 4.65 ( 1 votes)
Exit mobile version