จากเกมและคาแรกเตอร์ดังที่ใครหลายคนคุ้นเคยและรู้จัก วันนี้ มันได้กลายมาเป็นหนังมีเรื่องมีราว ใช้คนแสดงจริง หลายเรื่องที่คนไทยได้ดู แต่เหมือนครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นว่าเป็นคาแรกเตอร์จาก SEGA วันนี้ ได้เวลาดูหนังของเจ้าเม่นตัวสีฟ้านามว่า ‘Sonic the Hedgehog’ หรือชื่อไทยแบบตรงๆ ตัว ‘โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก’ นั่นแล
งานนี้กำกับภาพยนตร์โดย Jeff Fowler คนที่เคยทำวิชวลเอฟเฟกต์ให้กับ Where the Wild Things Are แต่ในฐานะผู้กำกับนั้น นี่คือครั้งแรกของเขา
เรื่องย่อหนัง ‘Sonic the Hedgehog’
เม่นสีฟ้าที่วิ่งได้เร็วปรู๊ดปร๊าดเกินกว่ามนุษย์คนใดจะมองได้ทัน ชื่อของมันคือ โซนิค (ให้เสียงพากย์โดย Ben Schwartz) มันเป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่เดินทางด้วยวงแหวนวิเศษมายังโลกมนุษย์ ก่อนจะป่วนจนไฟฟ้าดับไปทั่ว เจ้าตัวเลยต้องไปซ่อนอยู่ในโรงรถของพระเอก ทอม วาคาวสกี้ (James Marsden คนที่เล่นเป็น Cyclops ใน X-Men เวอร์ชั่นก่อน) ด้วยเพราะมีทหารทั้งกองทัพตามล่าตัว
แต่มันไม่ใช่แค่นั้นนี่ดิ เพราะทหารดันไปจ้างวายร้ายผู้เก่งกาจเรื่องไฮเทคอย่าง ดร.โรบ็อตนิค (Jim Carrey แห่ง ‘Kick-Ass 2’, ‘Eternal Sunshine of the Spotless Mind’ และ ‘Yes Man’) ชายผู้หนวดงามที่ตามล่าตัวโซนิคไปอย่างไม่ลดละ
แถมไปๆ มาๆ ทอมต้องมาช่วยเหลือโซนิคไปตลอดทางนี่ดิ เพราะอะไรกันน้าาาา
รีวิวหนัง ‘โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก’
ด้วยความที่มิได้ปวารณาตนเป็นสาวกเกมของ SEGA งานนี้อาจจะไม่ได้อินอะไรมากมายนักกับโซนิค อีกทั้งอาจจะเป็นการเริ่มทำความรู้จักอย่างเป็นจริงเป็นจังครั้งแรกด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น บทความนี้อาจจะไม่ได้เหมาะกับคนที่รู้จักและเล่นเกมที่มีมันอยู่ในนั้นมาก่อน
จะว่าหนังเดินเรื่องเร็วก็นับว่าใช่อยู่ เริ่มเปิดเรื่องไว้ได้น่าสนใจ บอกเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นให้รู้กันก่อนจะย้อนกลับไปเล่าจุดเริ่มต้น ทำให้คนดูจดจ่ออยู่กับเรื่องราวว่ามันจะเดินไปถึงตอนที่ปูไว้นั้นอย่างไร
แต่ผลของการทำเช่นนั้นกลับมิได้ผลชัดเจนอย่างที่ควรจะเป็น
หนังอาจจะเดินเรื่องเร็วไปนิด หรือหนังอาจจะใส่ใจในตัวกลุ่มเป้าหมายมากจนเราเริ่มต้นประสบการณ์กับหนังเรื่องด้วยความง่วงงุน สมองจึงไม่อาจทันจับความได้ว่า เหตุใดพวกทหารจึงต้องการตัวโซนิค จริงๆ หนังอาจจะบอกไว้แต่สมองตอนนั้นก็รับสารไม่ทันก็เป็นได้
เรื่องราวที่ดูเดินได้อย่างไม่มีอะไรซับซ้อน ง่ายดายชนิดที่ไม่ต้องอาศัยการตีความใดๆ เพิ่มเติม ไม่ต้องสืบค้นให้เจอว่าอะไรคือความลึกลับที่ซ่อนอยู่ ก่อนจะจบลงอย่างไม่มีอะไรเกินจะคาดเดา
ความดีของหนังคงยกให้กับสองสามสิ่ง ไม่ว่าจะตัวซีจีที่สร้างโซนิคขึ้นมาได้น่ารักไม่ต่างอะไรกับที่เคยเห็นมาก่อน แตกต่างเหลือเกินกับรูปลักษณ์ของมันในตัวอย่างแรกที่ปล่อยออกมา (ซึ่งดูๆ ไปก็เหมือนจะเป็นการสร้างกระแสทางการตลาด)
อย่างที่สอง ก็คงเป็นการใช้เอกลักษณ์ความไวของโซนิคให้เป็นประโยชน์ ช็อตที่ทำให้ดูคล้ายควิกซิลเวอร์กำลังสโลว์โมชั่น หรือมุกต่างๆ ที่ล้อเลียนหนังเรื่องอื่น กลายเป็นความบันเทิงที่สุดในหนัง
ขณะที่มุกบางมุกก็ทำงานได้ดีเป็นบางคน สังเกตได้จากบางคนที่นั่งฮากะมุกนั้นขณะที่เรานั่งบื้ออยู่ ส่วนจิม แครี่ย์ ในลีลาแบบนี้ก็น่าจะเหมาะกับหนังที่สร้างเพื่อเด็ก ขณะที่สำหรับเรามันไม่ได้ดูยียวนและชวนให้เกลียดไม่ลงแต่อย่างใด หากกลับทำให้เฉยชาและน่ารำคาญเสียมากกว่า
และสำหรับใครที่เป็นแฟนตัวยงของเกมโซนิค ไม่ควรจะพลาดฉากแถมที่อยู่ตรงกลางเครดิต ฉากนี้บอกเป็นนัยๆ ว่าต้องการมีภาคต่อแน่ๆ ถ้าอยากได้ดูภาคถัดไปก็อย่าลืมไปดูกันเยอะๆ นะครับผม
ชื่อภาพยนตร์: Sonic the Hedgehog / โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก
ผู้กำกับภาพยนตร์: Jeff Fowler
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Patrick Casey, Josh Miller
นักแสดง: Ben Schwartz, James Marsden, Jim Carrey
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Comedy, Family, Sci-Fi
ความยาว: 99 นาที
อัตราส่วนภาพ: 2.39 : 1
ปี: 2020
เรท: ไทย/, MPAA/PG
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 27 กุมภาพันธ์ 2020
ผู้สร้าง/ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย: Paramount Pictures, Sega, Original Film, UIP
โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก
บทและพล็อต - 6.7
การแสดง - 6.7
เพลง/ดนตรีประกอบ - 7.4
การดำเนินเรื่อง - 6.4
งานภาพ - 7.9
7
Sonic the Hedgehog
ความดีของหนังคงยกให้กับสองสามสิ่ง ไม่ว่าจะตัวซีจีที่สร้างโซนิคขึ้นมาได้น่ารัก อย่างที่สอง ก็คงเป็นการใช้เอกลักษณ์ความไวของโซนิคให้เป็นประโยชน์ ขณะที่มุกบางมุกก็ทำงานได้ดีเป็นบางคน หนังเล่าเรื่องฉับไวแต่ไม่ใส่ใจในรายละเอียด จิม แครี่ คือวายร้ายที่เล่นได้โอเวอร์สไตล์หนังเด็ก แต่ดูน่ารำคาญสำหรับผู้ใหญ่ หรือเราอาจจะโตเกินไปสำหรับหนังเรื่องนี้ก็เป็นได้