เรื่องราวจริงๆ ที่ฟังดูน่าสนใจ มีอะไรควรค่าแก่การเล่าถึง ก็มักจะมีคนหยิบมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ อย่างเช่นเรื่องนี้ เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในปี 1972 ที่มีเครื่องบินเช่าเหมาลำพานักรักบี้จากอุรุกวัยไปเที่ยวชิลีกัน แต่ปรากฎว่าเกิดอุบัติเหตุตกกลางเทือกเขาแอนดีส เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคิดว่าจะมีคนรอดกลับมา นั่นแหละ ความน่าสนใจนั้น ยังผลให้มีคนคิดนำมาสร้างเป็น ‘Society of the Snow’ หรือชื่อไทย ‘หิมะโหด คนทรหด’ ให้เราได้ชมกันในวันนี้
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
อีกครั้งที่เราได้ดูหนังแนวเอาตัวรอดในสถานการณ์เลวร้าย แถมเป็นหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริง ทำให้เรารู้สึกร่วมไปได้มาก แต่การดูผ่านจอทีวี ก็ทำให้เราไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับหนังมากเท่าที่ควร กระนั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงความน่ากลัว กับสถานการณ์ที่ตัวละครเหล่านั้นต้องเจอ เครื่องบินที่ตกบนเขาสูง ต้องอดอยากอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่เหมาะกับการดำรงชีวิต J.A. Bayona เลือกใช้การถ่ายทำในสถานที่จริงๆ และเลือกจะไม่จบในทางอิ่มสุข ก็ทำให้ช่วงท้าย พาผู้ชมดำดิ่งลงไปได้อีก
นี่ก็อีกเรื่องที่ถ้าได้รับชมในโรงหนังคงจะอินได้มากกว่านี้อีกเยอะทีเดียว!
เรื่องย่อหนัง ‘Society of the Snow’
หนังพาเราย้อนไปในปี 1972 เรื่องราวของเหล่าเพื่อนนักรักบี้ที่สุขใจได้เที่ยวหลังแข่ง ผู้โดยสารจำนวน 40 คน กับลูกเรืออีก 4 คน บนเครื่องบินโดยสารแบบเช่าเหมาลำ สายการบินอุรุกวัยแอร์ เที่ยวบินที่ 571 เดินทางออกจากอุรุกวัย มุ่งหน้าสู่ชิลี ที่ต้องข้ามผ่านเทือกเขาแอนดีสอันสูงชันและปกคลุมไปด้วยหิมะ แต่ไม่อาจบินไปถึงชิลีได้สำเร็จ เกิดอุบัติเหตุตกลงกลางธารน้ำแข็ง
พวกเขาเหลือรอดชีวิต 29 จาก 45 คนและต้องหาทางเอาตัวรอดท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวจัด รอบตัวมีแต่หิมะขาวโพลน และเทือกเขาที่สูงชัน พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันเพื่อจะรอดชีวิตออกไปจากพื้นที่สุดแสนจะทรหดเช่นนี้
รีวิวหนัง ‘หิมะโหด คนทรหด’
อีกครั้งที่เรามีโอกาสได้ชมผลงานของผู้กำกับเลื่องชื่อ J.A. Bayona หรื่อ Juan Antonio García Bayona หลังเคยประทับใจกับผลงานเด่นๆ ก่อนหน้าอย่าง ‘A Monster Calls’, ‘The Impossible’ และ ‘Jurassic World: Fallen Kingdom’ กับอีก 2 ตอนที่ไปร่วมกำกับใน ‘The Lord of the Rings: The Rings of Power’ ถึงเวลาที่เราจะได้รับชมผลงานหนังใหม่ของผู้กำกับชาวสเปนคนนี้อีกสักที แถมหนนี้ ทีมงานก็ไม่ใช่ฮอลลูว้ดเลยสักคน แม้กระทั่งนักแสดง หลายคนก็เป็นคนอุรุกวัยตามอย่างเรื่องราวจริง
หนังหยิบมาจากเรื่องจริงของเหตุการณ์เครื่องบินตกกลางเทือกเขาแอนดีส กับ 72 วันที่ผู้รอดชีวิตต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดท่ามกลางบรรยากาศอันเหน็บหนาว มีแต่หิมะ ไร้อาหาร และห่างไกลผู้คนจะติดต่อขอความช่วยเหลือ จะว่าไป นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรื่องราวนี้ถูกบอกเล่าในหนัง ก่อนหน้านี้ก็เคยมี ‘Alive’ ผลงานของ Frank Marshall ในปี 1993 ที่หยิบมาถ่ายทอดแล้วเช่นกัน
ในพื้นที่ที่แสนโหดร้าย เพราะรอบด้านเป็นเทือกเขาสูงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ กลางคืนมีแต่ความหนาวเหน็บ มีบางคนตาย กับบางคนที่มีความเสี่ยงว่าจะตาย ยิ่งอยู่นานไป จำนวนคนที่เหลือรอดก็ลดลงไปทุกที ส่วนคนที่เหลือรอดก็ต้องช่วยเหลือกันทุกทาง เพราะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดกับผู้โดยสารเครื่องบิน แถมยังเป็นกลางเขา อาหารที่มีอยู่จึงน้อยนิด โอกาสรอดจึงนับว่าน้อยเอามากๆ คนที่ยังอยู่จำเป็นต้องใช้สมองเท่าที่มีเพื่อสร้างภูมิปัญญาแห่งการอยู่รอด พร้อมหาทุกวิถีทางในการขอความช่วยเหลือในขณะที่ไม่มีเครื่องมือสื่อสารอะไรสักอย่าง
ความหิวกระหายและความต้องการเอาตัวรอดพาพวกเขามาถึงทางแยก แต่พวกเขากลับต้องถกเถียงกันในบางเรื่อง ราวกับยังใช้ชีวิตอยู่ในโลกอันปกติ แต่สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจำต้องละทิ้งศีลธรรมบางอย่างไปเพื่อมีชีวิตรอดไปอีกวัน
หนังถ่ายให้เราเห็นภาพมุมไกลของภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ เหมือนจะบอกเราคนดูว่า ธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์มากมายเพียงใด ถึงแม้มันจะไม่เคยตั้งใจจะโหดร้าย แต่มันไม่ก็เคยปรานีใดๆ ต่อมนุษย์ตัวจ้อยเหล่านี้เช่นกัน รายชื่อของคนตายผุดขึ้นมาเรื่อยๆ จำนวนคนที่เหลือก็ลดน้อยทุกที พวกเขาต่างต้องผ่านความทุกข์ยากไปด้วยกัน แต่ความหวังกลับถูกสลัดทิ้งอย่างไม่ใยดี และกลับกลายเป็นความสิ้นหวัง ประสบการณ์ที่เลวร้ายและอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นความตาย ความหมายของพระเจ้าที่พวกเขาได้พบจึงแตกต่างจากที่เคย คนดูที่รู้เรื่องราวมาก่อนแล้วคงล่วงรู้ตอนจบ แต่หนังเวอร์ชันนี้ เลือกจะบอกเล่าถึงจิตใจที่ดำดิ่งของผู้รอดชีวิตแทนที่จะเล่าด้วยความสุขและความอิ่มเอม
นักแสดงแต่ละคน เราไม่รู้จักเลย และเราก็จำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าใครชื่ออะไรบ้าง เราจึงมองเห็นแต่ว่าพวกเขาจะอยู่รอดกันอย่างไร ทนหนาวกันยังไง พบพานอะไรบ้าง มันน่าทึ่งที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เป็นเราคงก็เป็นหนึ่งในคนที่เสียชีวิตเป็นแน่
อีกส่วนหนึ่ง คือ ภาพตรงนั้นมันดูจริงๆ ส่วนหนึ่งก็คงเพราะทีมงานเข้าไปถ่ายทำมาจากเทือกเขาแอนดีสของจริง ทัศนียภาพที่โคตรจะสวยงามแต่มันกลับโหดร้ายต่อมนุษย์อย่างมาก พวกเขาผู้เหลือรอดก็เหมือนคนที่กลับมาจากความตาย หนังไม่ได้จบอย่างมีความสุขนัก เพราะคนที่อยู่รอดก็ไม่ได้รู้สึกตัวเองเป็นฮีโ่ร่เลยแม้แต่น้อย เพราะคนที่พวกเขารักอีกมากมายไม่ได้กลับมาพร้อมกัน
และคนที่รอดกลับมา ก็ต้องมีชีวิตอยู่กับความเศร้านี้ไปตลอดจวบจนวันหมดลมหายใจ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Society of the Snow / หิมะโหด คนทรหด |
กำกับ | J.A. Bayona |
เขียนบท | J.A. Bayona, Bernat Vilaplana, Jaime Marques, Nicolás Casariego |
แสดงนำ | Enzo Vogrincic, Agustín Pardella, Matías Recalt, Esteban Bigliardi, Andy Pruss |
แนว/ประเภท | ผจญภัย, ดราม่า, ประวัติศาสตร์, ระทึกขวัญ |
เรท | R |
ความยาว | 144 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | สเปน |
เข้าฉายในไทย | 4 มกราคม 2024 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Cimarrón Cine, El Arriero Films, Misión de Audaces Films, S.L |
คะแนนรีวิวหนัง หิมะโหด คนทรหด
พล็อตและบท - 8.1
การแสดง - 8
การดำเนินเรื่อง - 8
งานถ่ายภาพ และเทคนิคพิเศษ - 8.1
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.9
8
Society of the Snow
อีกครั้งที่เราได้ดูหนังแนวเอาตัวรอดในสถานการณ์เลวร้าย แถมเป็นหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริง ทำให้เรารู้สึกร่วมไปได้มาก แต่การดูผ่านจอทีวี ก็ทำให้เราไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับหนังมากเท่าที่ควร กระนั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงความน่ากลัว กับสถานการณ์ที่ตัวละครเหล่านั้นต้องเจอ เครื่องบินที่ตกบนเขาสูง ต้องอดอยากอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่เหมาะกับการดำรงชีวิต J.A. Bayona เลือกใช้การถ่ายทำในสถานที่จริงๆ และเลือกจะไม่จบในทางอิ่มสุข ก็ทำให้ช่วงท้าย พาผู้ชมดำดิ่งลงไปได้อีก นี่ก็อีกเรื่องที่ถ้าได้รับชมในโรงหนังคงจะอินได้มากกว่านี้อีกเยอะทีเดียว!