รีวิวหนัง Smile 2 | คำสาปยิ้มสยอง 2 เท่า ของสาวที่ต้องจัดทัวร์คอนเสิร์ต

หลังเคยสยองเซอร์ไพรส์กันไปแล้วในภาคแรกเมื่อปี 2022 เพียงสองปี ผู้กำกับคนเดิมก็กลับมาพร้อมกับการสานต่อความสยองของปีศาจที่กัดกินชีวิตของมนุษย์ที่มีแผลเป็นในใจ ‘Smile 2’ หรือชื่อไทย ‘ยิ้มสยอง 2’ ย้ายจากการเล่าถึงชีวิตของจิตแพทย์ที่มีปัญหาทางจิตซะเองในภาคก่อน มาเป็นศิลปินนักร้องสาวที่ยังเจ็บปวดกับความผิดพลาดในวันเก่า แต่วันนี้ เธอต้องเดินทางเล่นคอนเสิร์ตอีกครั้ง ทั้งยังโดนปีศาจรังควาน

คิดเห็นเช่นไรกับหนังเรื่องนี้?

ภาคต่อของหนังสยองขวัญขายไอเดียใหม่ๆ ปีศาจยิ้มสยองที่กลืนกินเฉพาะมนุษย์ผู้มีปมฝังใจในอดีต ผกก. Parker Finn สานต่อความสำเร็จจากภาคแรกด้วยการเล่าเรื่องเดิม เปลี่ยนจากจิตแพทย์มาเป็นศิลปินที่กำลังทัวร์คอนเสิร์ต แต่เล่นใหญ่เล่นโตและโฉ่งฉ่างกว่าเดิม ระทึกและสยองกว่าเดิมไปหลายเท่า

อีกทั้งยังแปลกประหลาดแต่สร้างสรรค์กว่าเดิม ส่งเสริมให้ Naomi Scott กลายเป็นดาวเด่นดวงใหม่ในแวดวงสยองขวัญ

เรื่องย่อหนัง ‘Smile 2’

สกาย ไรลีย์ (Naomi Scott เจ้าหญิงจัสมินจากหนังเรื่อง ‘Aladdin’) ศิลปินนักร้องสาวคนดังที่เคยหายหน้าไปหลังประสบอุบัติเหตุที่ทำให้เพื่อนนักแสดงชายของเธอต้องเสียชีวิต แม้เธอจะรอดมาได้ แต่ก็ต้องผ่าตัด รอยแผลเป็นคือสิ่งที่ย้ำเตือนอดีตที่ผิดพลาดวันเก่า ทั้งยังต้องอาศัยกินยาแก้ปวดเป็นประจำ แต่ในที่สุด เธอก็กลับมาเดินหน้าจัดทัวร์คอนเสิร์ตต่อ พร้อมกับใบหน้าที่ฝืนยิ้มกลบเกลื่อนว่าเธอไม่เป็นไร

หลายสิ่งดูเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ จนเธอได้เห็นเพื่อนขี้ยาอย่าง ลูอิส (Lukas Gage จากซีรีส์ ‘Dead Boys Detective’) ฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตา ก่อนจะได้รู้ว่า เธอได้เข้าสู่โลกแห่งความหลอนจากปีศาจหน้ายิ้มนั่นซะแล้ว แล้วต้องหาทางหลุดพ้นจากมันไปให้ได้

รีวิวหนัง ‘ยิ้มสยอง 2’

หลังภาคแรกที่พาราเมาต์เคยคิดจะสร้างเพื่อส่งลงสตรีมมิ่ง แต่เพราะคุณภาพดีจัด เลยเปลี่ยนใจกะทันหันมาฉายโรง แล้วดันขายดีมียอดรายได้ถล่มทลาย จนในที่สุดก็มีภาคสองติดตามมา ด้วยไอเดียที่แปลกใหม่ บอกเล่าถึงปัญหาสุขภาพจิตที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นเรื่องสยอง บาดแผลในใจของตัวละครกลับกลายมาเป็นคำสาป และเธอไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น แถมไม่อาจจัดการกับปัญหาชีวิตของตนได้ รอยยิ้มอันแสนชั่วร้ายตามหลอกหลอนไม่หยุดจนกว่าคุณจะตายในเวลา 7 วัน

เรื่องราวของปีศาจผู้เสพติดความตายที่เติบโตจากแผลในใจของมนุษย์และอยู่ได้ด้วยการหาผู้สืบทอดให้มันได้สิงเพื่อฆ่าไปเรื่อยๆ นี้ ถูกสานต่อเป็นภาคที่สอง ด้วยไอเดียเดิมที่เพิ่มความหนักข้อให้มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้นและมากขึ้นนั่นเอง

ในภาคนี้ เรื่องราวของมันไม่ได้ดูขยายไปไหน เปลี่ยนแค่จากตัวละครผู้โชคร้ายจากจิตแพทย์ที่มีปมปัญหาในอดีต มาเป็นนักร้องสาวที่มีชื่อเสียงแต่กำลังดิ้นรนที่จะกลับมาจัดทัวร์คอนเสิร์ตอีกครั้งหลังประสบอุบัติเหตุและทำเพื่อนนักแสดงหนุ่มเสียชีวิต เธอได้รับคำสาปร้ายจากปีศาจยิ้มสยอง และมีเวลาเพียง 7 วันที่เธอจะหาทางแก้คำสาปก่อนที่จะไม่หลงเหลือชีวิตอีกแล้ว

เรื่องราวในหนังจึงเปลี่ยนจากห้องทำงานของหมอ มาเป็นห้องซ้อมและเวทีคอนเสิร์ต เบื้องหน้าและเบื้องหลังของชีวิตศิลปินคนหนึ่งที่ถูกวงการบันเทิงกัดกิน ไม่ว่าจะเป็นแม่ที่ตั้งหน้าตั้งตาผลักดันให้กลับมาทั้งที่เธอยังไม่พร้อม ภายในยังมีเรื่องยาเสพติดที่ใกล้ชิดกับคนในวงการมาตลอด มีเรื่องสื่อที่คอยขุดคุ้ยจิกกัด เป็นทั้งผู้สร้างและทำลายศิลปิน หรือเรื่องการจัดทัวร์คอนเสิร์ตที่ต้องพึ่งพาสปอนเซอร์ หนังจึงพาเราไปเจอกับเหตุการณ์ในหลายสถานการณ์และสถานที่ เปิดให้ได้เห็นภาพสยองที่แตกต่างกันไป

ซึ่งต้องบอกว่า ภาคแรกนี้ Parker Finn (ผู้กำกับและคนเขียนบท) ทั้งเล่นหนัก เล่นใหญ่ และน่าสยดสยองขึ้นมาก ยังคงเล่นกับภาพที่ตัวละครมองเห็น ไม่ว่าจะคนดูหรือสกาย ไรลีย์ เธอไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เห็นเป็นความจริงหรือความหลอนกันแน่

แรกๆ เราอาจจะรู้สึกเหมือนว่ามันก็ไม่ได้หนักหน่วงอะไรเท่าไหร่ ระดับแค่นี้ ภาคแรกก็ผ่านมาแล้ว ฉันรับได้แหละน่า แต่เมื่อเวลายิ่งผ่านไป เราจะสัมผัสได้ถึงความหนักข้อที่มากขึ้นเรื่อยๆ ไต่ระดับไปจนเข้าขั้นบ้าคลั่งไปช่วงท้ายเลยทีเดียว

หนังใช้เทคนิคมุมกล้องต่างๆ อย่างมันมือ ไม่ว่าจะเป็นการหมุนกล้องไปมาหรือว่าจะเป็นการแช่กล้องนิ่งๆ ให้คนดูลุ้นว่าจะเจอกับอะไร เต็มไปด้วยฉากเลือดสาดสุดสยดสยองไร้ความปรานี มีทั้งความประหลาด โฉ่งฉ่างและสร้างสรรค์ ใส่ช็อต jump scare ที่พาสะดุ้งได้อยู่หมัด

เอาเป็นว่า ดูไปก็เกร็งตัวจิกเบาะไป ใครไม่เครียดก็บ้าแล้ว หนังจบเล่นเอาเหนื่อยเลยเชียวแหละ

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง