รีวิวหนัง SLR กล้อง ติด ตาย | เป็นแค่กล้องถ่ายรูป ฆ่าคนตายได้จริงเหรอ?

วี่แววที่ดีกำลังบังเกิด หนังไทยหลายเรื่องเริ่มจะมองหาหนทางใหม่ๆ สีสันที่แปลกออกไปจากความเคยชินของคนดู หนังไทยหลายๆ เรื่องนับจากนี้ น่าจะมีภาพที่แตกต่างไปจากหนังไทยเมื่อวันวาน แต่ก่อนจะไปถึงวันนั้น เรามาเจอกับหนังไทยเรื่องนี้กันก่อน ‘SLR กล้องติดตาย’ ผลงานการกำกับครั้งแรกของ มาร์ค เลิศศิริ และ เอ็ด วุฒิชัย

เรื่องราวของหนุ่มน้อยนักศึกษาที่ต้องการจะกลายเป็นตากล้องแถวหน้า เพื่อจะได้จบไปจากที่นี่ เขาได้รับโอกาสจากอาจารย์ที่ปรึกษาผู้มอบกล้องตัวพิเศษมาให้ แต่โอกาสที่เขาได้รับกลับกลายเป็นราคาที่เขาต้องจ่าย เมื่อมันเป็นกล้องปีศาจ บุคคลที่ถูกถ่ายจะต้องตายหลังรูปถูกล้าง

น่าสนใจว่า หนังจะเล่าเรื่องและจบลงยังไง

เรื่องย่อหนัง ‘SLR กล้อง ติด ตาย’

มันเป็นเรื่องของชายหนุ่มผู้รักการถ่ายภาพอย่าง แดน (นนน กรภัทร์ เกิดพันธุ์ จากซีรีส์เรื่อง ‘แค่เพื่อนครับเพื่อน’ และ ‘The Gifted นักเรียนพลังกิฟต์’) เขาเริ่มจะคิดเกินเพื่อนกับ น้ำ (เฌอปราง อารีย์กุล จากหนังเรื่อง ‘โฮมสเตย์’, ซีรีส์เรื่อง ‘One Year 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ’ และกัปตันวงไอดอล BNK48) คนที่เคยเป็นแฟนเก่าของ เกรท (ศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์ จากหนังเรื่อง ‘ดิวไปด้วยกันนะ’, ซีรีส์เรื่อง ‘เด็กใหม่ ซีซั่น 2 Girl from Nowhere’ และ ‘Bad Genius The Series ฉลาดเกมส์โกง’) ทั้งสามตั้งใจและให้คำมั่นว่าจะไปเรียนต่อที่นิวยอร์กด้วยกัน แต่มันกลับสร้างความลำบากใจให้กับแดนอยู่ลึกๆ

นั่นก็เป็นเพราะว่าเขายังเรียนไม่จบ ภายใน 1 เดือนเขาจะต้องทำธีสิสให้ผ่าน และเมื่อเขายืนกรานจะทำงานกับอาจารย์เอม (อ้น นพพันธ์ บุญใหญ่ จากหนังเรื่อง ‘No Escape’, ‘Only God Forgives’ และ ‘Pai in Love’) อาจารย์ที่ปรึกษาด้านการถ่ายรูปที่เก่งที่สุดของสถาบัน คนที่ไม่ยอมให้เขาผ่านสักที แต่ยื่นกล้องฟิล์มตัวหนึ่งให้แล้วยื่นคำขาดให้เขาใช้มันถ่ายรูปทำธีสิส

ก่อนที่เขาจะรู้ว่ากล้องตัวนั้นมันเป็น ‘กล้องปีศาจ’

รีวิวหนัง ‘SLR กล้อง ติด ตาย’

เมื่อคนหน้าใหม่ก้าวเข้ามาทำหนังทั้งยังพยายามจะสร้างผลงานให้หลุดจากกรอบเดิมๆ จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตาอยู่ไม่น้อย สองหนุ่มผู้กำกับ มาร์ค และ เอ็ด ที่ลงมือทั้งร่วมเขียนบทและช่วยกันกำกับ ทำให้มันออกมาค่อนข้างน่าชื่นชม

เริ่มต้นจากพล็อตที่เล่าเรื่องของกล้องปีศาจ อาจทำให้คุ้นเหมือนจะเคยเห็นๆ มา แต่เมื่อดูไปเรื่อยๆ ก็จะพบว่ามันแตกต่างออกไป ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องดี ที่หนังไทยแนวผีๆ จะหลุดพ้นไปจากเรื่องบาปบุญ การเวียนว่ายตายเกิด หรือความเชื่อเรื่องกรรม เรื่องชาติภพ อะไรแบบนี้ไปบ้าง แถมหนังยังมีส่วนผสมของความเป็นหนังคำสาปหรือปีศาจ มาพ่วงกับความเป็นหนังมอนสเตอร์ โดยใช้กล้องฟิล์มเป็นตัวสื่อสาร ผนวกกับความเชื่อโบราณที่บอกว่า กล้องถ่ายรูปนั้นจะกักเก็บวิญญาณของเราเอาไว้

ช่วงองก์แรกของหนังนับว่าน่าสนใจ เมื่อสองผู้กำกับเลือกเล่าไปในทางหนังปีศาจ ตัวละครที่มุ่งมั่นทำตามฝัน อยากจบคะแนนดี ถึงกับรับกล้องที่อาจารย์ส่งให้มาใช้ถ่ายรูปทำธีสิส แม้รู้ว่ามันเป็นกล้องปีศาจ รู้ว่ามีราคาที่ต้องจ่ายแต่เขาก็ยินดีทำ ระหว่างถ่ายรูป แดนต้องเจอเหตุการณ์ต่างๆ นานาที่พาคนดูสะดุ้งตกใจกับช็อต jumpscare ที่มาเรื่อยๆ ช่วงนี้คนดูอย่างผมยังไม่เข้าใจที่มาที่ไปจนคล้ายหนังไม่มีเหตุผล จนเมื่อหนังเฉลยเท่านั้นแหละ ตอบคำถามในใจได้ทันที

แต่แล้วหนังก็เปลี่ยนโหมดไป มันกลายเป็นหนังสัตว์ประหลาดที่เล่นกับซีจีคุณภาพดีเกินมาตรฐาน ขณะเดียวกัน จังหวะหนังก็ดูติดๆ ขัดๆ เป็นบางช่วง แม้แต่ช่วงไคลแมกซ์ที่ดูดร็อปลงทั้งที่ควรจะเข้มข้นขึ้น

แดนที่นนนรับหน้าที่ถ่ายทอดนั้น เป็นเหมือนชายหนุ่มผู้เปี่ยมด้วยความฝัน รู้ว่าตนชอบสิ่งใดแล้วก็มุ่งมั่นจะไปให้ถึง ขณะเดียวกัน ก็เป็นตัวแทนของคนที่ยากจนและไร้โอกาสในสังคม ความฝันที่อาจแน่วแน่เกินไป ทำให้เขาเลือกจะใช้กล้องปีศาจนั้นต่อ แม้มันต้องแลกมากับชีวิตของคนบางคน(ที่เขาไม่รู้จัก)ก็ตาม

นนนค่อนข้างสวมบทบาทได้ดี ด้วยตัวบทเองก็ส่งให้เขาได้แสดงมันออกมาทั้งด้านสว่างและด้านมืด เช่นเดียวกับ ศดานนท์ กับบทบาทเพื่อนของแดนที่ต้องใส่ทั้งสีหน้าท่าทาง และบางมุมก็กลับกลายเป็นสร้างเสียงหัวเราะให้ในเวลาหนังเครียดๆ ด้านเฌอปราง ครั้งนี้ดูเหมือนเธอจะได้เล่นบทที่ต่างออกไป แสดงได้ดีมีความสบายๆ กับบทบาทมากกว่าเดิม เพิ่มเติมคือบทเต๊าะผู้ชาย (ที่อาจไม่คุ้นชิน) และกลายเป็นคนที่มีสติกว่าเพื่อน

แต่แม้ทั้งสามจะหน้าที่ได้ดี ก็ยังมีบ้างที่รู้สึกไม่ค่อยเข้ากัน ดูไปกันคนละทิศละทางอยู่ประมาณนึง

โดยรวมของหนังอย่าง ‘กล้อง ติด ตาย’ มันจึงชวนให้รู้สึกว่าค่อนข้างทะเยอทะยาน มีความพยายามที่จะฉีกแนวออกไป กล้าลองทำอะไรที่แตกต่าง จุดเด่นของหนังก็คือมันเล่นกับความตุ้งแช่ได้ดี มาทีไรก็สะดุ้งได้ทุกครั้ง นักแสดงก็สวมบทบาทได้ยอดเยี่ยม จะน่าเสียดายอยู่บ้างก็ตรงที่ดนตรีประกอบนั้นพยายามจะเล่นใหญ่อยู่ตลอดเวลา ด้านมุมกล้องและการจัดแสงนั้นถือว่าดีทีเดียว แต่ที่บางฉากก็ชวนขัดใจในการเลือกใช้เหมือนกัน จังหวะหนังที่บางส่วนยังไม่ได้และบทที่ยังไม่กลมกล่อมพอ แต่ก็ต้องบอกเลยว่า ชอบนะ…อยากเห็นหนังไทยมีแบบนี้ออกมาอีกเรื่อยๆ

อ้อ! หนังมีฉากแถมชอบกลางเครดิต ไม่ต้องรีบลุกนะครับ

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง