บางคนอาจจะเคยได้ดูหนังอิ่มอุ่นที่มีชื่อว่า ‘Once’ มาบ้างแล้ว มันเป็นหนังทุนต่ำที่ทำให้คนชอบได้สูง ก่อนที่อีกวัน เราก็ได้ดูหนังเล็กๆ ที่กลายเป็นกระแสดังอย่าง ‘Begin Again’ หลายเพลงดังอย่างถล่มทลายส่งผลต่อรายได้ของหนังเรื่องนั้น จนวันนี้ ผู้กำกับฯ คนเดิมหยิบเรื่องเพลงมาสร้างเป็นหนังได้สุดจะสมบูรณ์อีกครั้ง หนังเรื่องนั้นชื่อ ‘Sing Street’ เปลี่ยนจากความรักของวัยรุ่นวัยทำงาน ถอยวัยลงไปสู่วัยรุ่นวัยเรียนกันดูบ้าง
ดูเหมือน John Carney จะค่อนข้างประสบความสำเร็จในหนังที่เกี่ยวกับเสียงเพลง เพราะผลงานอื่นๆ ของเขาไม่เป็นที่พูดถึง และอาจมีไม่กี่คนที่ได้ดู อาจหายไปทำหนังอื่นอยู่ 2 เรื่อง แล้วก็กลับมาทำหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเพลง พูดถึงความรักและพูดถึงความฝัน แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่เพลงมันจะเด็กลง และเรื่องราวมันก็ดูเด็กลง
แต่ไม่ได้แปลว่าผู้ใหญ่จะดูแล้วไม่อินหรอกนะ
เรื่องย่อหนัง ‘Sing Street’
หนังเล่าเรื่องของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ไม่แน่ใจว่าเขาชื่ออะไร แต่เขาถูกเรียกว่า คอสโม (Ferdia Walsh-Peelo) เด็กหนุ่มวัย 15 ที่ชีวิตกำลังเผชิญปัญหาแตกแยกของครอบครัว พ่อแม่ระหองระแหง เศรษฐกิจของครอบครัวย่ำแย่จนต้องย้ายโรงเรียน ไปโรงเรียนที่โลว์คลาสกว่าเดิม เจอเพื่อนและสังคมแย่ๆ แต่ก็ยังมีดีที่ทำให้เขาได้พบหญิงสาวแสนสวยนามราฟีน่า (Lucy Boynton) เธอทำให้เขาอยากจีบ
เมื่อเธอบอกว่าเป็นนางแบบ เขาก็เลยจะฟอร์มวงดนตรีเพื่อให้เธอมาเป็นนางเอกมิวสิกวิดีโอ ในที่สุด เขาก็ฟอร์มวงขึ้นมาจนได้ และกลายมาเป็นวง ‘Sing Street‘
เขารับหน้าที่เป็นนักร้องนำของวง รวมทั้งยังรับหน้าที่แต่งเพลงให้กับวงด้วย โดยใช้แรงบันดาลใจในการแต่งจากราฟีน่านี่แหละ รวมทั้งยังได้อิทธิพลมาจากเพลงยุคนั้นที่เขาได้ฟังมาจากแผ่นเสียงที่เบรนแดน (Jack Reynor) พี่ชายบอกให้เขาลองฟัง รวมทั้งยังให้คำแนะนำเขามากมายด้วยเช่นกัน
สิ่งสำคัญคือ เขาจะฟันฝ่าอุปสรรคและเรียนรู้เข้าใจชีวิตได้แค่ไหนในวัย 15 เช่นนั้น
รีวิวหนัง ‘รักใครให้ร้องเพลงรัก’
ผู้กำกับฯ เป็นคนที่รักเสียงเพลงเอามาก แต่งเพลงก็เป็น และแน่นอนว่า หลายๆ ในหนังเรื่องนี้ก็มาจากความสามารถของเขา อาจจะดูผิดแผกจากเรื่องก่อนๆ บ้าง เพราะนี่จะเป็นหนังที่รวมเอาเพลงวัยรุ่นๆ ยุคร็อกแอนด์โรลเข้ามาแทนที่จะเป็นเพลงป็อปเหมือนที่เคย
อังกฤษในยุคที่ไอริชไขว่คว้าหาโอกาส
เรื่องราวที่ย้อนกลับไปยุค 80’s ช่วงเวลาแห่งการกำเนิดเกิดขึ้นของเหล่าหน้าใหม่มากมาย และยังเป็นยุคของการแสวงหาของคนไอริช เด็กหนุ่มที่เกิดในดับลินในครอบครัวที่ค่อนข้างประสบปัญหาด้านการเงิน แถมยังมีปัญหาพ่อแม่ที่จะแยกทางกันอีก
ไม่ใช่แค่นั้น การที่เขาต้องย้ายโรงเรียนเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ทำให้ต้องพบเจอกับเพื่อนบางกลุ่มที่เป็นเด็กมีปัญหาคอยตามรังควานอยู่บ่อยๆ เด็กหนุ่มเลือกจะไม่เอาสิ่งเหล่านั้นมาทำให้ใจทดท้อ แต่กลับหยิบมาเป็นแรงผลักดันสร้างสรรค์การแสดงออกในทางที่ดี
แม้ว่าเขาจะคิดว่ามันเป็นทางแก้ปัญหาในการจีบหญิงเท่านั้นก็ตาม
หนังใส่บรรยากาศความเก่าของสภาพบ้านเมืองและที่สำคัญ คือเพลงในยุคนั้น ยุคที่มีการทำมิวสิกวิดีโอออกมาเพื่อโปรโมตเพลง และนั่นเป็นจุดสำคัญที่ทำให้พวกเขาริเริ่มจะทำมิวสิกของตัวเองโดยมีสาวที่คอมโมชอบมาเล่นเป็นนางเอกให้
โดยถ่ายและตัดต่อกันแบบง่ายๆ แม้แต่การแต่งตัวก็ต่างคนต่างเตรียมกันมาเอง นั่นแหละ คือความตลกน่ารักในแบบฉบับของ ‘รักใครให้ร้องเพลงรัก’ หนังที่มีชื่อเดียวกันกับชื่อวงของพวกเขา
หนังพูดถึงหลายอย่าง ผสมทุกประเด็นได้ลงตัว
เริ่มต้น หนังพูดเรื่องหนึ่ง พอผ่านไปสักพัก หนังก็พูดถึงอีกเรื่อง ผ่านไปอีก หนังก็มีเรื่องอื่นให้พูดอีก บางประเด็นนี่ยังไม่เคยเห็นหนังเรื่องไหนที่ได้ดูมาจะพูดถึงเลยนะ มันจึงน่าประทับใจมากๆ
‘Sing Street’ หยิบมาพูดถึงหมด ทั้งปัญหาครอบครัว แน่นอน ข้อนี้ พี่น้องในบ้านเดียวกับคอสโมต้องเจอ แล้วหนังก็ยังพูดถึงปัญหาในโรงเรียน ดูเหมือนโรงเรียนที่คอสโมย้ายเข้าไปอยู่นี่จะมีคุณครูใหญ่ที่ค่อนข้างเผด็จการอยู่สักหน่อย และหนังก็ยังพูดถึงการเดินทางตามหาความฝันของเด็กๆ ในครอบครัวนี้ (รวมถึงในวงนี้ด้วย)
อีกส่วนหนึ่ง มันพูดถึงชีวิตและความรัก ประโยคหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาแล้วทำให้เราเห็นภาพของหนังทั้งเรื่องเลย มันคือ
Problem is, you’re not happy being sad. That’s what love is, Cosmo. Happy sad.
บางเรื่องมันช่างน่าเศร้า แต่มันก็นำพาความสุขมาไล่เลี่ยกันด้วยเสมอ ชีวิตของราฟีน่าไม่ได้ราบรื่นดูน่าทึ่งอย่างที่เขาเคยวาดไว้ เขาอาจผิดหวังแต่ก็ไม่เคยหมดพลังพร้อมจะก้าวต่อไป
ชีวิตของเบรนแดนพี่ชายของเขาก็ไม่มีอะไรที่สมหวัง แต่เขาก็ยิ้มที่ได้เห็นคนที่เขารักได้ทำในสิ่งที่ฝัน
เขียนถึงแล้วน้ำตาก็คลอเบ้าตัวเองอีกครั้ง ทำไมมันอินอย่างนี้นะ
เพลงเพราะแม้ไม่เด่นดัง แต่ช่วยเล่าเรื่องได้ดี
ไม่ต่างอะไรกับ ‘เพราะรักคือเพลงรัก’ ที่เล่าเรื่องโดยมีเพลงเป็นองค์ประกอบหลัก เพลงจะช่วยบอกเล่าเรื่องราวและความรู้สึกนึกคิดของตัวละครในเวลานั้นๆ แม้ว่าเพลงต่างๆ ในหนังเรื่องนี้จะไม่ได้ไพเราะฟังติดหูเท่าเรื่องนั้น
แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มันก็ไพเราะทุกเพลงนั่นแหละ
เพลงในหนังจะมีทั้งเพลงใหม่เป็นเครคิตของ Sing Street เอง แล้วก็ยังมีเพลงของศิลปินที่เป็นรู้จักในช่วงนั้นแทรกเข้ามาด้วย การใช้เพลงเล่าเรื่องทำให้หนังมันลื่นไหล และไม่รู้สึกว่าเพลงมันกลายเป็นส่วนเกินหรือทำให้หนังมันเดินช้า เมื่อประกอบเข้ากับการเล่าเรื่องที่ทำให้ช่วงเวลาที่เพลงดังอยู่ดูมีอะไรให้เล่า ซึ่งบางคราวเราก็อินจนน้ำตาไหล ยิ่งทำให้เห็นได้ชัดว่า…
John Carney เป็นคนทำหนังสไตล์นี้ได้อย่างอยู่หมัดจริงๆ
ชื่อภาพยนตร์: Sing Street / รักใครให้ร้องเพลงรัก
ผู้กำกับภาพยนตร์: John Carney
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: John Carney
นักแสดงนำ: Ferdia Walsh-Peelo, Aidan Gillen, Maria Doyle Kennedy, Lucy Boynton, Jack Reynor, Kelly Thornton
ความยาว: 106 นาที
แนว/ประเภท: Comedy, Drama, Music
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 30 มิถุนายน 2559
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Cosmo Films, Distressed Films, FilmNation Entertainment, Mono Film
รักใครให้ร้องเพลงรัก
Sing Street - 10
10
Sing Street
'Sing Street' หยิบมาพูดถึงหมด ทั้งปัญหาครอบครัว แน่นอน ข้อนี้ พี่น้องในบ้านเดียวกับคอสโมต้องเจอ แล้วหนังก็ยังพูดถึงปัญหาในโรงเรียน ดูเหมือนโรงเรียนที่คอสโมย้ายเข้าไปอยู่นี่จะมีคุณครูใหญ่ที่ค่อนข้างเผด็จการอยู่สักหน่อย และหนังก็ยังพูดถึงการเดินทางตามหาความฝันของเด็กๆ ในครอบครัวนี้ (รวมถึงในวงนี้ด้วย)
2 คอมเมนต์