เมืองไทยช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีหนังอยู่หลายเรื่องเลยที่ถูกแบน ถูกสั่งห้ามฉาย บางเรื่องจำใจต้องตัดบางฉากไปหรือถึงขนาดเปลี่ยนชื่อเพื่อจะได้กลับเข้าฉายในโรง แต่ก็มีบางเรื่องที่ต้องต่อสู้ยาวนาน กว่าจะได้มีวันนี้ หนึ่งในนั้นคือ ‘Shakespeare Must Die’ หรือชื่อไทย ‘เชคสเปียร์ต้องตาย’ หนังในปี 2012 ที่ได้เข้าฉายในปี 2024
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
หนังไทยที่ยาวเกือบ 3 ชั่วโมงเรื่องนี้ เดินทางยาวนานนับตั้งแต่วันถูกแบนจนถึงวันนี้ที่ได้ฉาย ก็ใช้ไปถึง 12 ปีด้วยกัน มันเล่าเรื่องในสไตล์ละครเวที หยิบเอาบทละครสุดคลาสสิคมาใส่ความเป็นไทย ไม่น่าเชื่อว่ามันมีหลายส่วนที่เข้ากันได้เข้ากันดีกับบริบทของเหตุการณ์บ้านเรา หนังใช้ความตลกร้ายและเดินเรื่องด้วยละครเวทีเสียดสีการเมืองที่ผู้นำจอมเผด็จการยังต้องหวาดกลัวจนนำมาซึ่งการเข่นฆ่าสร้างความหฤหรรษ์ให้กับผู้ที่ได้รับชม
เช่นเดียวกับคณะกรรมการเซ็นเซอร์ที่มองว่า หนังจะสร้างความแตกแยกขึ้นในบ้านเมือง ทั้งที่คนผู้สร้างความแตกแยกนั่งอยู่นอกเวทีละคร
เรื่องย่อหนัง ‘Shakespeare Must Die’
มันคือเรื่องราวที่เป็นคู่ขนานกันไประหว่างโลกทั้งสอง หนึ่งมันคือโลกบนเวทีของละครเรื่องหนึ่ง หยิบบทละครคลาสสิคอย่าง แม็คเบ็ธ ของเชคสเปียร์ขึ้นมาบอกเล่า ถึง 2 นักรบผู้กล้าที่ได้พบกับสามแม่มดผู้มากับคำทำนายว่าเขาจะได้ก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์ ก่อนความมักใหญ่ใฝ่สูงจะทำให้เขาขึ้นเป็นราชาหลังเหตุฆาตกรรมกษัตริย์พระองค์ก่อน
กับอีกโลกหนึ่งที่เล่าถึงเหตุที่เกิดขึ้นในประเทศสมมิตแห่งหนึ่ง ชายที่ก้าวขึ้นเป็น “ท่านผู้นำ” เผด็จการนักปกครอง เป็นผู้งมงายในไสยศาสตร์ ทั้งบ้าอำนาจและเหี้ยมโหด ทั้งสองโลก ชายผู้บ้าอำนาจต่างก็มาพร้อมกับภริยาที่น่าหวาดหวั่น และสองโลกกำลังโถมเข้าปะทะซึ่งกัน
รีวิวหนัง ‘เชคสเปียร์ต้องตาย’
หนังเรื่องนี้ได้รับการแปลและดัดแปลงบทภาพยนตร์จากบทประพันธ์สุดคลาสสิก ‘The Tragedy of Macbeth (โศกนาฏกรรมแม็คเบ็ธ)’ ของ วิลเลียม เชกสเปียร์ กวีชาวอังกฤษที่เขียนขึ้นในปี ค.ศ. 1599
หนังเคยได้ทุนจากกระทรวงวัฒนธรรมในปี พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) แต่ต่อมา ในปี พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) ถูกกองเซ็นเซอร์สั่ง ‘ห้ามฉาย’ ในราชอาณาจักรไทยด้วยเหตุผลที่ว่า “มีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาติ ซึ่งเป็นกรณีที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน” หลังพบว่ามีการอ้างอิงถึงการปราบปรามอย่างรุนแรงต่อผู้ประท้วงนักศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลา ทำให้ทีมงานสร้างต้องรอคอยกว่า 11 ปี ผ่านมาจนถึงต้นปี พ.ศ. 2567 (ค.ศ. 2024) ศาลปกครองสูงสุดจึงได้มีคำพิพากษายกเลิกคำสั่งแบน และในที่สุด มันก็ได้ฉายในโรงภาพยนตร์
หนังเล่าถึงกลุ่มนักแสดงละครที่หยิบเอาบทละครต้องสาปอย่างแมคเบธ (ที่ถูกปรับให้เป็น เมฆเด็ด) มาเล่นบทเวที สลับเล่าไปกับเหตุการณ์ในโลกจริงของบ้านเมืองต้องสาปที่มีผู้นำที่บ้าอำนาจ ทำประเทศให้วุ่นวายโกลาหลวนเวียนไป ทั้งสองเส้นเรื่องเหมือนเป็นโลกคู่ขนาน ที่เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งก็กลับต้องโถมปะทะเข้าหากัน
เรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมเลื่องชื่อ ถูกปรับแปลงให้กลายเป็นละครเวทีที่มีความเป็นไทย กับบทพูด ฉาก วิธีการแสดง ที่เดินไปด้วยสไตล์ของละครเวที มีทั้งความรุ่มรวยทว่าลุ่มลึกในภาษา แลกมาด้วยความดิบของการจัดวางฉากหลัง กลายเป็นความแปลกใหม่สำหรับคนที่ไม่ได้คุ้นเคยกับละครเวทีและยังใหม่กับวรรณกรรมแมคเบธอยู่มากนัก
ความน่าสนใจของมันจึงไปอยู่ที่การเล่าถึงศิลปะบนเวทีการแสดงที่ถูกใช้เป็นสิ่งท้าทายเผด็จการ ความกลัวที่ส่งผลให้เกิดการประหัตประหาร การหยิบเอาโลกทั้งสองมาเล่าสลับไปมา กลมกลืนจนแทบแยกไม่ออกว่าโลกไหนเป็นโลกไหน ก่อนจะผ่านไปถึงช่วงเวลาสองโลกประสานงา
น่าทึ่งที่เรื่องราวในวรรณกรรมของเชคสเปียร์อย่างแม็คเบ็ธ ถูกทำให้ออกมาเป็นหนังที่เล่าเสียดสีถึงบริบทการเมืองในประเทศไทยได้ และแม้หนังจะเต็มไปด้วยการแสดงในแบบละครเวที นักแสดงทั้งหลายต่างก็มาจากสายละครเวที และเต็มไปด้วยตัวละครมากมายหลายตัว แต่ก็กลับพบว่าเป็นหนังที่เล่าได้เข้าใจ
เรื่องราวของทรราชผู้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำที่ก้าวขึ้นมาด้วยวิธีอันสกปรก เมื่อมีอำนาจก็ใช้มันกดขี่ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อยู่ใต้ปกครอง และเรื่องพวกนี้ยังคงมีอยู่สืบมา จนไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่า เหตุใดมันจึงถูกสั่งห้ามฉายเป็นระยะเวลายาวนานถึงกว่า 11 ปี!
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Shakespeare Must Die / เชคสเปียร์ต้องตาย |
อำนวยการสร้าง | มานิต ศรีวานิชภูมิ |
กำกับ | สมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ (Ing K.) |
เขียนบท | สมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ |
แสดงนำ | พิศาล พัฒนพีระเดช, ธาริณี เกรแฮม, นิวัติ กองเพียร |
แนว/ประเภท | ดราม่า, สยองขวัญ |
เรท | |
ความยาว | 172 นาที |
ปี | 2012 |
สัญชาติ | ไทย |
เข้าฉายในไทย | 20 มิถุนายน 2024 |
ผลิต/จัดจำหน่าย |