มีผู้กำกับหลายๆ คนเลยก่อนที่เติบโตเด่นดังมาได้ทุกวันนี้ เขามีชีวิตวัยเด็กและวัยรุ่นที่เราอาจคาดไม่ถึง บางครั้ง เขาอาจจะไม่ได้ประสบมันด้วยตัวเอง แต่ก็พบเห็นและผ่านเหตุการณ์บางอย่างจดจำติดตาเรื่อยมา จนวันหนึ่ง มันอาจทะลักล้นจนอยากจะหยิบจับมาทำเป็นหนังส่วนตัวสักเรื่อง ผลผลิตชนิดนั้นกลายมาเป็นผลงานหนังดราม่าขาวดำอย่าง ‘Roma’ หรือชื่อไทยว่า ‘โรม่า’ ให้เราได้ดูกันในวันนี้
นี่คือภาพยนตร์ผลงานใหม่ของผู้กำกับ ‘Gravity’ และ ‘Children of Men’ อัลฟอนโซ คัวรอน นี่คืองานเล็กๆ ที่ผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่อยากจะทำ หยิบเม็กซิโกในวัยเด็กของเขามาพูดถึง
นำเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งในเมืองโรม่ามาเล่าให้ดูกัน…
เรื่องย่อหนัง ‘Roma’
หนังย้อนกลับไปเล่าเรื่องราวในประเทศเม็กซิโก ราวปี 1971 ที่ซึ่งบ้านเมืองกำลังคุกรุ่น และผู้กำกับเลือกจะเล่าเรื่องราวในครอบครัวๆ หนึ่งที่อาศัยอยู่ในย่านโรม่า ในเมืองเม็กซิโกซิตี้ บ้านเกิดของเขาเอง
ครอบครัวที่ประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูกๆ และคนใช้สาว
เกลโอ (Yalitza Aparicio) อาศัยอยู่ในฐานะคนใช้ของครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างดีครอบครัวหนึ่ง เธอต้องทำงานทุกอย่าง ทั้งดูแลเด็กๆ ทำกับข้าว และทำงานบ้าน แต่เธอเองก็มีชีวิตส่วนตัวด้วยเช่นกัน
หนังเล่าเรื่องของเธอ แต่ก็เล่าเรื่องของครอบครัวนี้ด้วย
รีวิวหนัง ‘Roma’
หนังได้เข้าชิงลูกโลกทองคำทั้งสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม เป็นตัวแทนของประเทศเม็กซิโกในการเข้าชิงภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ การันตีได้ถึงความดีงามของหนัง แม้นี่จะเป็นหนังขาวดำทั้งเรื่อง เล่าเรื่องราวของโรม่า
เมืองบ้านเกิดของผู้กำกับในอดีต
หลังเคยเล่ากึ่งๆ ประวัติชีวิตวัยรุ่นของตนเอง ในหนังเรื่อง ‘Y Tu Mama Tambien’ มาแล้ว คราวนี้ Alfonso Cuarón นำความทรงจำวัยเยาว์มาผูกเป็นเรื่องราว ความทรงจำที่มีความเจ็บปวด อบอุ่น แสนบริสุทธิ์ และจะไม่มีวันหวนคืนกลับมาได้อีก เขาเล่าด้วยภาพหนังขาวดำทั้งเรื่อง
เปิดตัวมาก็เจ๋งแล้ว ด้วยภาพของพื้นกระเบื้องในบ้านหลังหนึ่งที่กำลังถูกขัดล้างโดยสาวใช้ จังหวะมาแบบเป๊ะๆ มา ทรงพลังตั้งแต่ฉากเปิดกันเลยทีเดียว
หนังเรื่องนี้ คัวรอน ตั้งแต่ทำมันขึ้นมา เพื่ออุทิศให้กับบุคคลสำคัญในวัยเด็กของตัวเอง เธอคือลิโบ ที่ถูกเล่าผ่านเกลโอ สาวใช้ที่อยู่ในบ้านกับครอบครัวที่นำโดย โซเฟีย (Marina de Tavira) ครอบครัวนี้มีเด็กๆ ถึง 4 คนในหนังนี่ แม้เธอจะดำรงตนเป็นแค่สาวใช้ในบ้าน ทุกคนต่างรักสาวใช้คนนี้มากๆ และหนังก็เล่าถึงสุขทุกข์ที่ทั้งครอบครัวได้เจอและผ่านช่วงเวลายากลำบากของบ้านเมืองที่ยุ่งยากด้วยไฟการเมือง คนรุ่นหนุ่มสาวที่ประกาศสงครามกับรัฐ
มันเป็นเรื่องราวของชนชั้นที่แทรกซึมอยู่ในความเป็นครอบครัว การดำเนินชีวิตที่ต้องดิ้นรนพบเจอทั้งเรื่องร้ายและคนดี มันอาจเป็นเพราะคัวรอนเข้าใจแล้วว่า ชีวิตของสาวใช้ในบ้านคนนึงเธอต้องเจออะไรมาบ้าง เพราะในวันนี้ เขายังเด็กยังไม่เข้าใจอะไรมากพอ
มันอาจจะเหมือนเป็นหนังที่เล่าเรื่องของสาวใช้ แต่มันก็เล่าเรื่องของแม่ด้วยเช่นกัน
การเดินทางของชีวิตที่ไม่ได้ง่ายดาย แม้จะมีฐานะ มีทรัพย์สินเงินทอง แต่ทุกอย่างก็ถดถอยลงไปได้ สิ่งที่จะทำให้อยู่รอดคือการต้องปรับตัว
จากหนังที่เดินเรื่องอย่างเรียบๆ กล้องแทบจะไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหนมาก หลายๆ ช็อตเป็นการแพนกล้องยาวๆ เท่านั้น แต่เห็นภาพของบ้านที่มีกิจกรรมของสมาชิกครอบครัวปรากฏอยู่ การแสดงที่เป็นธรรมชาติ เหมือนกับพวกเขาเหล่านี้เป็นคนจริงๆ ไม่ใช่การแสดง
และเมื่อหนังดำเนินมาถึงจุดหนึ่ง ตัวละครหลักเริ่มจะประสบปัญหาใหญ่ จากที่เคยรู้สึกว่าหนังเรียบๆ มันมาถึงจุดที่น่าสะเทือนใจกับชะตากรรม และกลายเป็นว่ามันสร้างอารมณ์ชวนลุ้นเอาใจช่วยอย่างมากมายในช่วงท้าย น่าทึ่งในวิธีการถ่ายให้ได้ภาพเช่นนี้ออกมา เรียกได้ว่า งานภาพก็เป็นอีกจุดเด่นหนึ่งของหนังเรื่องนี้ ก่อนเข้าสู่บทสรุปที่ทำให้เราเข้าใจความรักของพวกเขา
รู้สึกได้หลังจบลง ว่า “หนังมันดีจริงๆ”
ชื่อภาพยนตร์: Roma / โรม่า
ผู้กำกับภาพยนตร์: Alfonso Cuarón
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Alfonso Cuarón
นักแสดงนำ: Yalitza Aparicio, Marina de Tavira, Diego Cortina Autrey
ความยาว: 135 นาที
ปี: 2018
แนว/ประเภท: Drama
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
ประเทศ: สเปน
เรท: ไทย/, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 14 ธันวาคม 2561 (ที่ house RCA, สกาลา, MVP บุรีรัมย์, MVP ศรีสะเกษ พร้อมกับ Netflix)
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Esperanto Filmoj, Participant Media, Netflix
โรม่า
Roma - 9
9
Roma
หนังขาวดำที่ใช้ความเก่าของทุกสิ่ง เล่าเรื่องอย่างเรียบง่าย มุมกล้องแพนไปมา แต่นักแสดงเล่นกันอย่างเป็นธรรมชาติ จนกลายเป็นเรื่องที่ดูเรียลอย่างที่สุด ช่วงท้าย จากหนังที่ดูเรียบๆ กลายเป็นหนังที่สร้างอิมแพ็คต่อจิตใจไปได้อย่างเหลือเชื่อ
2 คอมเมนต์