ช่วงนี้ แฟนๆ ของมหากาพย์แฟรนไชส์อย่าง Star Wars น่าจะอิ่มเอมที่สุดในชีวิตแล้วล่ะ เพราะจะมีหนังในแฟรนไชส์นี้เข้ามาฉายในชมกันทุกปลายปี ปีละเรื่อง หลังจากปีที่แล้วได้เต็มอิ่มกันไปกับภาค 7 ‘The Force Awakens’ ปีนี้ LucasFilm ก็หันกลับไปเล่าภาคแยกที่เป็นเรื่องราวช่วงระหว่างภาค 4 กับภาค 5 หนังสงครามอวกาศภาคนี้มีชื่อเต็มๆ ว่า ‘Rogue One A Star Wars Story’ หรือชื่อไทย ‘โร้ค วัน ตำนานสตาร์วอร์ส’
ทางดิสนีย์วางใจให้ Gareth Edwards ผู้กำกับฯ ‘Godzilla’ และ ‘Monsters (2010)’ มาทำหน้าที่กุมชะตากรรม หนังภาคนี้เป็นเหมือนส่วนเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์แห่งจักรวาล กล่าวถึงกลุ่มกองกบฎที่ทำเรื่องที่ห้าวหาญที่สุดครั้งหนึ่ง ไม่ใช่หนังที่เล่าเรื่องของคนในตระกูลสกายวอล์กเกอร์ แต่เล่าเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับจักรวรรดิ
และมีกลุ่มกบฎกลุ่มเล็กนิดเดียวเป็นกองหนุน
เรื่องย่อหนัง ‘โร้ค วัน ตำนานสตาร์วอร์ส’
เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลัง ‘Star Wars: Episode III – Revenge of the Sith’ ทว่าเกิดขึ้นก่อน ‘Star Wars: A New Hope’ เล่าถึงกลุ่มกบฎกลุ่มเล็กๆ ที่รวมกันได้ไม่นานและห้าวหาญถึงขั้นบุกรังของอิมพีเรียลเพื่อขโมยแบบแปลนของอาวุธทำล้ายที่ทรงพลังที่สุด
มันเริ่มต้นขึ้นที่เด็กหญิงตัวจ้อยผู้ที่สูญเสียครอบครัวไปตั้งแต่ยังเด็ก จิน เออโซ (Felicity Jones) ที่ต้องเติบโตขึ้นมาตามลำพังก่อนจะไปจบลงที่คุกอะไรสักที่หนึ่ง และต่อมาถึงได้รู้ว่า พ่อเธอยังอยู่และเขากลายเป็นนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญที่กำลังสร้างอาวุธรบชนิดใหม่ “ดาวมรณะ” ที่สามารถทำลายนครใหญ่ให้ย่อยยับได้ในชั่วไม่กี่นาที เกเลน (Mads Mikkelsen) คือพ่อของเธอ และตอนนี้เขาทำงานให้กับฝ่ายจักรวรรดิ
ขณะที่เธอเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มกบฏ
หนังมีพระเอกที่ไม่เด่นเท่านางเอก แคสเซียน (Diego Luna จากซีรีส์เรื่อง ‘Andor’) หนึ่งในกลุ่มกบฎที่จับพลัดจับผลูได้สู้เคียงบ่ากับจิน แถมยังมีหุ่นยนต์ตัวใหม่ที่น่าจะกลายเป็นขวัญใจผู้คนได้ไม่น้อย K-2SO ที่แสดงโดย Alan Tudyk พ่วงด้วยนักแสดงฝั่งเอเชียที่รับบทชายตาบอดผู้ลุ่มหลงในพลัง เขาคือ ชิรุต อิมเวย์ (Donnie Yen) และอีกมากมาย
รีวิวหนัง ‘Rogue One A Star Wars Story’
ภาพยนตร์ที่แฟนคลับสตาร์วอร์สรอคอย ‘Rogue One A Star Wars Story’ เพราะจะได้พบกับตัวละครใหม่ๆ และเรื่องราวของกลุ่มกบฏที่ถูกขยายออกมาเป็นหนังหนึ่งเรื่อง แถมยังเป็นภาคที่เรื่องราวจะเชื่อมต่อและรับไม้จะภาคสามและปูเข้าสู่ภาคนี้ มันจึงเป็นการเติมเรื่องราวที่ขาดหายไปให้สมบูรณ์อีกครั้งในใจคนที่ติดตามมานาน แต่ถ้าถามว่า ไม่ใช่แฟนคลับ เพิ่งจะมาดูจะรู้เรื่องไหม ผมก็ว่าไม่น่าจะมีปัญหานะ
ครึ่งของการปูเรื่องที่เนิบเนือย
การปูเรื่องราวที่ทำให้เรารู้จักกับเบื้องหลังของพ่อลูกที่พลัดพรากกัน คนพ่อไปเข้ากับกลุ่มจักรวรรดิสร้างอาวุธมหาประลัย แต่ฝ่ายลูกสาวเข้าร่วมกับฝั่งตรงข้าม พยายามจะเข้าไปช่วยพ่อของตัวเอง
แต่เรื่องราวในหนังมันจะซับซ้อนกว่านั้น
การเล่าเรื่องอาจจะดูเนือยไปหน่อยจนรู้สึกว่าขาดพลังแห่งความตื่นตาไปนิด แม้ว่างานถ่ายภาพจะมีมิติที่ดีจนน่าจะเหมาะกับรับชมแบบ 3 มิติก็ตาม ตัวละครที่ใหม่เกือบจะทั้งหมด อาจไม่ชวนอินและชวนเอาใจช่วยแบบเต็มกำลัง ผสานกับบทพูดและซับไตเติลที่ยาวเกินไป อาจจะทำให้การอ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาในหัวของผู้ชมเป็นไปได้ยากมากขึ้น แต่กระนั้นก็ยังถือว่าพอติดตามเรื่องราวได้ เพราะฉากต่อๆ มาก็จะบอกว่าตัวละครกำลังทำอะไรอยู่
ถือว่าครึ่งแรกชวนอึดอัดในการติดตามเรื่องอยู่ไม่น้อย
ครึ่งหลังคือฉากแอ็คชั่นตระการตา เร้าใจสมการรอคอย
พอเรื่องราวผ่านไปถึงช่วงครึ่งหลัง ดูเหมือนหนังจะปลดล็อคตัวเองได้จนหมด พาผู้ชมเข้าสู่ช่วงเวลาของการโรมรันต่อสู้กันอย่างถึงพรึกถึงขิง มีทั้งช่วงเวลาที่ให้คนดูได้ลุ้น มีทั้งฉากตอบโต้กันทั้งในอวกาศและเหนือพื้นดิน เป็นฉากแอ็คชั่นที่ต่อเนื่องยาวๆ ที่ผู้ชมน่าจะรอคอยกันมาตั้งแต่ต้นเรื่อง
เล่นขนกันมาทุกยุทโธปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นยานรบแบบต่างๆ ทั้งในอากาศและบนภาคพื้นดิน การรุกรบที่สลับกันไปมาระหว่างตัวละครกลุ่มต่างๆ ผลัดกันชิงพื้นที่และไหวพริบอย่างที่คนดูไม่อาจจะละสายตาไปได้ นับเป็นสงครามอวกาศที่น่าตื่นตามาก ขนาดที่มีหลายคนชื่นชอบภาคนี้รองลงมาจากภาคที่ดีที่สุดตลอดการอย่าง ‘The Empire Strikes Back’ เลยทีเดียว และแน่นอน..
มันทำให้คนดูรู้สึกสนุกกับหนังจนแทบลืมความเนือยของหนังช่วงแรกไปเลย
แฟนคลับสมใจ ไม่ใช่แฟนก็ดูรู้เรื่อง
สตาร์วอร์สภาคนี้ ไม่ได้หนังที่เต็มไปด้วยการฟาดฟันของเหล่าอัศวินเจไดกับเหล่าซิธ แต่สิ่งที่ทดแทนมาก็คือ การลุกขึ้นต่อสู้ของคนธรรมดา โดยมีตัวเด่นอย่างชายตาบอดนามชิรุต อิมเวย์ (Donnie Yen) เขาเป็นคนที่เชื่อในพลังแต่ทว่าสิ่งที่เขามีนั่นคือการเป็นคนที่ต่อสู้ได้แม้ไม่ใช่สายตามอง
แถมยังเป็นคนส่งมุกให้เราได้ขำได้หัวเราะกันเรื่อยๆ
หนังมีช่วงเวลาที่แฟนคลับหรือคนที่ติดตามแฟรนไชส์นี้มาอย่างเนิ่นนานจะต้องฟินกันสุดกับฉากการต่อสู้ และการนำตัวละครในความทรงจำกลับมาให้ว้าวกันอีกครั้ง
กระนั้น ก็ใช่ว่าคนที่ไม่เคยดู Star Wars มาก่อนจะมีปัญหาในการทำความเข้าใจเนื้อเรื่อง โดยองก์รวมมันก็คือการหนังของคนกลุ่มเล็กที่อาจหาญต่อต้านคนกลุ่มใหญ่ที่มีพลังอำนาจมาก ที่อาจไม่มีฉากจำแบบเดียวกับหนังมหากาพย์สตาร์วอร์สภาคอื่น ไม่ใช่ภาคต่อของ 7 ภาคนั่น แต่เป็นภาคแยกที่เล่าเรื่องราวเล็กๆ ที่เป็นส่วนเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์สงครามแห่งดวงดาว
ไม่จำเป็นต้องรู้จักกับเจไดเป็นใคร ซิธคือพวกไหน จักรวรรดิ พันธมิตร กลุ่มกบฏ ไม่ต้องใส่ใจมากเพราช่วงครึ่งหลังของหนัง…
คือความอิ่มเอิมเต็มอิ่มจนรู้สึกอยากกลับไปดูอีกรอบ!
ชื่อภาพยนตร์: Rogue One: A Star Wars Story / โร้ค วัน ตำนานสตาร์วอร์ส
ผู้กำกับภาพยนตร์: Gareth Edwards
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Chris Weitz (screenplay), Tony Gilroy (screenplay)
นักแสดงนำ: Felicity Jones, Diego Luna, Alan Tudyk, Donnie Yen, Wen Jiang, Ben Mendelsohn, Forest Whitaker, Mads Mikkelsen
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Sci-Fi
ความยาว: 133 นาที
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/, USA/PG-13
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 15 ธันวาคม 2559
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Lucasfilm, Allison Shearmur Productions, Black Hangar Studios
โร้ค วัน ตำนานสตาร์วอร์ส
Rogue One: A Star Wars Story - 8
8
Rogue One: A Star Wars Story
หนังมีช่วงเวลาที่แฟนคลับหรือคนที่ติดตามแฟรนไชส์นี้มาอย่างเนิ่นนานจะต้องฟินกันสุดกับฉากการต่อสู้ และการนำตัวละครในความทรงจำกลับมาให้ว้าวกันอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องรู้จักกับเจไดเป็นใคร ซิธคือพวกไหน จักรวรรดิ พันธมิตร กลุ่มกบฏ ไม่ต้องใส่ใจมากเพราช่วงครึ่งหลังของหนัง คือความอิ่มเอิมเต็มอิ่มจนรู้สึกอยากกลับไปดูอีกรอบ