บางชีวิตต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาตัวให้รอดไปวันๆ ในเมืองหลวงที่ชื่อยาวที่สุดในโลก แต่พวกเขาแทบไม่เคยปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ไทย แทบไม่มีใครใส่ใจจะเล่าถึงอย่างจริงจัง แต่แล้วก็มีค่ายหนังมือใหม่ที่ตั้งใจจะพูดถึงในสิ่งที่แตกต่าง ในทางที่ถูกละเลย วันนี้ เราจะได้เจอกับหนังเรื่องใหม่ ‘RedLife’ หรือชื่อไทย ‘เรดไลฟ์’ อ๋อ ไม่ใช่ มันคือชื่อเดียวกัน
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
สิ่งที่จะเห็นกันชัดๆ ก็คือ หนังมันเล่าเรื่องของคนชายขอบ ที่คนทั่วๆ ไม่ใคร่จะชายตามอง วัยรุ่นที่อยู่กับการเป็นโจร กลายเป็นกากเดนของสังคม หญิงสาวที่ต้องขายตัวแลกเงิน ความรักจะเยียวยาได้แค่ไหน ถ้าชีวิตยังต้องดิ้นรนเพื่ออยู่รอดไปวันๆ ความพยายามจะหนีออกไป จะเป็นได้แค่ไหน หรือมันจะเป็นแค่วังวน ไม่ต่างกับวงเวียนที่เป็นแบ็กกราวด์ชีวิต หนังมันเล่าเรื่องดาร์กๆ ท่ามกลางงานภาพ บทพูด การแสดง และดนตรีประกอบที่เข้าที
แม้บางส่วนจะรู้สึกว่าหนังเดินช้าไปหน่อย ไม่ค่อยมีจุดพีค และเล่าไม่เคลียร์สำหรับบางตัวละคร
เรื่องย่อหนัง ‘RedLife’
หนังที่ไปสำรวจเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นชายขอบ ที่หลายคนไม่เคยแลเห็น เต๋อ (แบงค์ ธิติ มหาโยธารักษ์ จากซีรีส์เรื่อง ‘ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น’ ซีซัน 2-3 และหนังเรื่อง ‘อ้าย..คนหล่อลวง’) หนุ่มเร่ร่อนที่หาเงินด้วยการเป็นโจรกระจอก เขาคบหาและอาศัยอยู่กินกับ มายด์ (จ๋อมแจ๋ม กานต์พิชชา พงษ์พานิชย์) โสเภณีวัยรุ่นที่เขาทุ่มรักให้ทั้งใจ แม้เขาไม่อาจทำใจรับได้กับอาชีพของเธอ แต่ยิ่งเขาทำเพื่อเธอมากเท่าไหร่ ความรักของคนทั้งคู่ก็ดูจะยิ่งสั่นคลอนมากขึ้นเท่านั้น
อีกห้องหนึ่งในย่านเดียวกัน ส้ม (ซิดนีย์ สุพิชชา สังขจินดา) คือ หญิงสาววัยมัธยมผู้เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ พร้อมกับ อ้อย (ปู กรองทอง รัชตะวรรณ จากหนังเรื่อง ‘คนเล่นของ’ และ ‘เฟรนด์ชิพ เธอกับฉัน’) แม่ผู้มีอาชีพขายตัวและพยายามส่งเสียลูกให้ได้อยู่โรงเรียนดีๆ แม้จะมีเงินไม่พอจ่ายค่าเทอมเลยก็ตาม แต่ชีวิตของส้มกำลังเปลี่ยนไป เมื่อเธอได้พบกับ พีช (ฝ้าย สุมิตตา ดวงแก้ว จากหนังเรื่อง ‘Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า’) สาวลีดเดอร์รุ่นพี่ดาวเด่นของโรงเรียนที่เธอตกหลุมรัก แต่ทิ้งความลับบางอย่างเอาไว้ให้เธอค้นหา
รีวิวหนัง ‘เรดไลฟ์’
เปิดมา เราก็ได้เห็นแล้วถึงความแตกต่าง หนังมันเล่าถึงชีวิตของคนระดับล่างของสังคม หรือที่หลายๆ คนเรียกมันว่า คนชายขอบนั่นแหละ แล้วหนังมันก็โฟกัสอยู่กับคนกลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่ในแถววงเวียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ พวกเขาต่างมีชีวิตที่ยากลำบากเพราะความยากจน บ้างหากินอยู่กับการปล้น บ้างก็หากินอยู่กับการเป็นโสเภณี เส้นทางชีวิตที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดพอๆ กับที่ต้องไขว่คว้าหาความรัก ซึ่งก็ไม่รู้ว่า มันจะเพียงพอให้เขามีชีวิตอย่างมีความสุขได้หรือเปล่า
แต่ละตัวละคร สะท้อนชีวิตคนชายขอบของสังคม
หนังเล่าถึงส้ม สาววัยมัธยมที่อยู่กับแม่ที่เป็นโสเภณีข้างถนนผู้พยายามเลี้ยงลูกให้ได้ดีกว่าตน ส่งเสียให้เรียนหนังสือในโรงเรียนดีๆ ทั้งที่ไม่มีเงินจะจ่าย แต่ส้มก็ไม่เคยภูมิใจในตัวแม่ พยายามดิ้นรนที่จะออกไปชีวิตที่คล้ายกับกรงขัง เมื่อส้มพบเจอกับพีช หญิงสาวรุ่นพี่ที่กลายเป็นรักแรก และเชื่อว่าจะพาเธอออกจากโลกที่แสนเกลียดชังได้ ส้มเฝ้าฝันถึงการได้ออกไปใช้ชีวิตที่อื่นกับพีช
แล้วหนังก็เล่าสลับกันไปกับชีวิตของ เต๋อ หนุ่มวัยรุ่นที่ไม่ได้รู้สึกอยากเป็นโจร แต่ชีวิตผลักให้เขาต้องเข้าสู่เส้นทางนี้ ประกอบกับการเอาตัวเองไปยึดติดกับความรักและคนรักที่มากเกินพอดี พยายามฉุดยื้อรักเดียวของเขาเอาไว้ เขารักมายด์จนสุดใจ ราวกับเธอเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวสิ่งเดียวในชีวิต การกระทำบางอย่างของเขามันเรียกได้ว่า ‘ไม่ฉลาด’ เพราะเขาใช้ความรักนำจนพาตัวเองไปถึงทางตัน
ด้านมายด์เอง เธอก็คงรู้ตัวว่า ไม่ได้มีต้นทุนชีวิตที่ดีอะไรเลย มีพ่อที่เป็นโจรถูกคุกขังอิสรภาพเอาไว้ ทำให้เธอต้องโดดเดี่ยว เธอจึงไม่อยากให้เต๋อต้องเป็นเหมือนพ่อ แต่ก็นั่นแหละ เต๋อก็อาจเป็นเหมือนท่อนไม้ท่อนเดียวที่ลอยกลางทะเลกว้างให้เธอได้ยึดเหนี่ยว เธออาจไม่เข้าใจความรักจริงๆ เลยก็เป็นได้ สิ่งที่มายด์กลัวที่สุดคือการโดนทอดทิ้ง ไม่ใช่กลัวไม่มีคนรัก
ขณะที่ตัวละครอย่าง พีช กลับกลายเป็นตัวละครที่ลึกลับที่สุด เธอคือรุ่นพี่และลีดเดอร์โรงเรียนของส้ม หญิงสาวที่ดูมีชีวิตที่ดี น่าอิจฉาและกลายเป็นไอดอลในสายตาของเธอ คำชักชวนของพีชทำให้ส้มมองเห็นทางออกที่ตรงกับใจคิด ความสัมพันธ์ที่ถลำลึกนำเธอไปพบปริศนาที่พีชทิ้งเอาไว้ และทำให้เธอได้รับบทเรียนที่สำคัญยิ่งในชีวิต
เอาเข้าจริง เมื่อดูหนังจบก็พบว่า นักแสดงทุกคนต่างก็เล่นเอาไว้ได้ดี แต่ถ้าจะมีใครสักคนที่โดดเด่นขึ้นมา ก็น่าจะเป็น ปู กรองทอง รัชตะวรรณ ที่สวมบทบาทเป็นแม่ผู้เลี้ยงชีพด้วยการเป็นหญิงงามเมืองที่ขายตัวแลกเศษเงิน เพื่อหวังจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดตามแบบที่เธอคิด ส่งเสียส้มเรียนในที่ดีๆ เพื่อหวังให้ลูกโตไปมีชีวิตที่ดีกว่าตนเอง ทั้งๆ ที่ไม่มีปัญญาแม้จะจ่ายค่าเทอมแพงๆ คุณปูสวมวิญญาณของแม่ที่สู้เพื่อลูกได้อย่างถึงบทบาท และเล่นได้ละเอียดในทุกอิริยาบทเลยทีเดียว
นอกจากนี้ หนังมันก็ยังเล่าไปถึงอีกตัวละครที่ไม่ถูกโปรโมตนัก นั่นคือ ตัวละครของลุงกั๊ก ที่เคยมีชีวิตที่เฉิดฉายในวันเป็นนางโชว์ แต่ทุกวันนี้ ได้แต่เฝ้าที่รอคอยคนรักกลับมารับ ตัวละครที่เหมือนแสงสว่างหนึ่งเดียวในหนัง และส่งต่อความหวังในการใช้ชีวิตให้กับส้ม
ชีวิตใกล้วงเวียน มันจึงวนเวียนไร้ทางออก
เหมือนหนังจะมีบางอย่างชวนให้ขบคิด เรื่องราวของคนชายขอบที่อาศัยอยู่ใกล้กับวงเวียน 22 กรกฎา มีความหมายเป็นนัยๆ ว่า ชีวิตพวกเขาจะวนเวียนอย่างไม่รู้จบ เพราะมันไร้ทางออก ไม่ว่าจะพยายามหนีไปสักเท่าใด อีกสิ่งที่ปรากฏในหนังและชวนให้รู้ไปในทางเดียวกันก็คือ ชิงช้าสวรรค์ ที่แม้จะพาขึ้นไปสูงแล้ว แต่สุดท้ายก็กลับลงมาจุดเดิมอยู่ดี
Tagline: Where it feels like no way out
ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้ มันคือ การพาคนดูไปพบเจอกับเรื่องราวที่ไม่ค่อยเห็นมีใครเล่าถึง เรื่องของคนชายขอบที่สังคมไม่เคยใส่ใจ อาจมองเพียงผิวเผินว่าเป็นพวกคนไร้การศึกษา สร้างแต่ความเดือดร้อนให้กับผู้คน กลายเป็นส่วนเกินของสังคม แต่ไม่ได้มองพวกเขาอย่างเข้าใจ เป็นหนังจากผู้สร้างกลุ่มใหม่ที่พยายามจะสร้างชิ้นงานที่แตกต่าง แง่มุมที่ไม่มีใครพูดถึง แม้บางส่วนจะพบว่าเป็นคนที่ชื่อคุ้นตาอยู่แล้วก็ตามที
โปรดักชันและการถ่ายทำที่ดูดี หนังมีการตัดต่อระหว่างซีนที่น่าสนใจ ดนตรีประกอบส่งเสริมอารมณ์หนัง เช่นเดียวกันกับบทพูดและการแสดงที่ดูเข้าที แต่ทว่า การพยายามบอกเล่าหลากหลายชีวิต เกลี่ยให้ทุกชีวิตมีบทบาทสำคัญใกล้เคียงกัน ก็มีปัญหาอยู่บ้าง ที่หนังไม่ค่อยมีจุดพีค อาจมีบางส่วนที่เดินช้า ไม่ค่อยกระตุ้นอารมณ์ และคล้ายเวลาจะยังไม่พอ ทำให้มีบางตัวละครที่กลายเป็นปริศนาที่ไม่เคลียร์
ทุกชีวิตในหนัง ต่างต้องมีชีวิตที่ดิ้นรน จนความรักกลายเป็นสิ่งเดียวให้ยึดเหนี่ยวเพื่อจุดประกายความหวัง แต่มันจะมากพอให้เรามีชีวิตอยู่ต่อได้รึเปล่า ยิ่งไขว่คว้าก็พบว่าชีวิตช่างมืดมน และไร้ทางออกเสียเหลือเกิน
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | RedLife / เรดไลฟ์ |
กำกับ | เอกลักญ กรรณศรณ์ |
เขียนบท | ลี้ จิราพร แซล, เอกลักญ กรรณศรณ์ |
แสดงนำ | แบงค์ ธิติ มหาโยธารักษ์, ซิดนีย์ สุพิชชา สังขจินดา, จ๋อมแจ๋ม กานต์พิชชา พงษ์พานิชย์, ฝ้าย สุมิตตา ดวงแก้ว, ไบรอัน เจอร์ราร์ด อุกฤษ วิลลีย์ บรอด ดอนกาเบียล (บิ๊ก D Gerrard), ปู กรองทอง รัชตะวรรณ, นาย มานพ มีจำรัส |
แนว/ประเภท | ดราม่า, ระทึกขวัญ |
เรท | ไทย/น18+ |
ความยาว | 120 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | ไทย |
เข้าฉายในไทย | 2 พฤศจิกายน 2023 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | BrandThink Cinema |
คะแนนหนัง RedLife
พล็อตและบท - 7.5
การแสดง - 8.2
ดนตรีประกอบ - 7.8
การดำเนินเรื่อง - 7
เทคนิคงานภาพ และโปรดักชัน - 7.8
7.7
เรดไลฟ์
สิ่งที่จะเห็นกันชัดๆ ก็คือ หนังมันเล่าเรื่องของคนชายขอบ ที่คนทั่วๆ ไม่ใคร่จะชายตามอง วัยรุ่นที่อยู่กับการเป็นโจร กลายเป็นกากเดนของสังคม หญิงสาวที่ต้องขายตัวแลกเงิน ความรักจะเยียวยาได้แค่ไหน ถ้าชีวิตยังต้องดิ้นรนเพื่ออยู่รอดไปวันๆ ความพยายามจะหนีออกไป จะเป็นได้แค่ไหน หรือมันจะเป็นแค่วังวน ไม่ต่างกับวงเวียนที่เป็นแบ็กกราวด์ชีวิต หนังมันเล่าเรื่องดาร์กๆ ท่ามกลางงานภาพ บทพูด การแสดง และดนตรีประกอบที่เข้าที แม้บางส่วนจะรู้สึกว่าหนังเดินช้าไปหน่อย ไม่ค่อยมีจุดพีค และเล่าไม่เคลียร์สำหรับบางตัวละคร