เรียกได้ว่าเป็นหนังที่รอคอยจริงๆ แรกๆ หนังเรื่องนี้ก็ดูจะเงียบๆ ไม่ค่อยมีกระแสการพูดถึงกันเท่าไหร่ในหมู่คนรอบๆ ตัว แต่ไปๆ มาๆ ก็เหมือนจะเริ่มมีคนพูดถึงมันมากขึ้น ทั้งที่มันเป็นหนังที่มีงานภาพโดดเด่นมาก ใช้เพลงประกอบย้อนยุคอีกต่างหาก ถ้าคนที่ชอบฟังเพลงเก่าๆ ก็น่าจะรู้จักแม้แต่เพลงที่ถูกใช้โปรโมตในตัวอย่าง หนังเรื่องล่าของพ่อมดแห่งฮอลลีวูด ‘Ready Player One’ หรือ ‘สงครามเกมคนอัจฉริยะ’ การแกะรอยตามหากุญแจสามดอกในโลกเสมือน
หลังทำหนังจริงจังหนักแน่นอย่าง ‘The Post’ ส่งสู่เวทีออสการ์ ก็ได้เวลาที่ Steven Spielberg จะกลับมาทำหนังแฟนตาซีอีกคำรบ ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าคุณลุงที่อายุปาเข้าไปถึง 71 ปีแล้ว ก็ยังทำหนังออกมาได้สนุก โดดเด่น และดูไม่แก่อย่างอายุคนกำกับเลยแม้แต่น้อย
แล้วก็ได้เวลามาพบกับหนังเนิร์ดๆ เรื่องนี้กันแล้วล่ะ
เรื่องย่อหนัง ‘Ready Player One’
ในโลกอนาคตอันใกล้ที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรให้น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่นั้น ยังมีโลกเสมือนที่ถูกสร้างขึ้นมาสองเพื่อนผู้ให้กำเนิด มันถูกเรียกว่า “ดิ โอเอซิส” ที่อยู่คนหนึ่งก็หายตัวไป อีกคนก็ได้ข่าวว่าเสียชีวิตไปแล้ว ทิ้งไว้แต่โลกเสมือนที่สุดอลังการกว้างใหญ่จนหลายคนติดมันแทบไม่อยากออกมาเผชิญหน้ากับโลกจริง
เช่นเดียวกับหนุ่มหล่ออย่าง เวด (Tye Sheridan) ที่กำพร้าอาศัยอยู่กับป้าอลิส วันๆ เขาก็เอาแต่อยู่ในดิ โอเอซิส เพื่อตามหากุญแจสามดอกที่ผู้สร้างอย่าง เจมส์ ฮัลลิเดย์ (Mark Rylance) ทิ้งข้อความเอาไว้ก่อนตาย ระบุใครค้นหาไข่อีสเตอร์ที่ถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิดได้จะกลายเป็นผู้ร่ำรวย
และได้สิทธิ์ในการควบคุมโลกเสมือนที่แสนกว้างใหญ่นั้นไป
ซึ่งก่อนที่ใครจะได้ไข่อีสเตอร์นั้นไป เขาต้องค้นหากุญแจสามดอกนั้นให้เจอเสียก่อน มีใครหลายคนที่มุ่งมั่นตามหาขณะที่อีกหลายคนก็ท้อแท้ล้มเลิกกันไป แต่ศัตรูตัวใหญ่ก็จะเห็นจะมีแต่องค์กรตัวเอ้ที่หวังจะทำกำไรจากการได้ครอบครัวโลกเสมือนแห่งนั้น
ส่งผลให้หนทางของเวดมีอุปสรรคและอันตรายขวางทางอยู่
รีวิวหนัง ‘Ready Player One’
ความจริงแล้ว หนังเรื่องจะเหมาะมากกับคนที่มีความเนิร์ด ความกี๊ก ชอบเล่นเกมมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็ก ชอบดูหนังเก่าๆ ชอบฟังเพลงสมัย 80’s หรือแถวๆ นั้น เพราะทั้งหมดถูกคลุกเคล้ารวมกันไว้ในหนังเรื่องเดียวเรื่องนี้
วิชวลชวนตะลึง อีสเตอร์เพียบ เดินเรื่องชวนเซอร์ไพรส์ตลอดทาง
แรกที่หนังเริ่มเดินทาง ก็รู้สึกได้แล้ว ถึงงานภาพ งานวิชวลที่ชวนตะลึง มันแจ่มชัด ยิ่งใหญ่ และล้ำเกินจินตนาการ โลกเสมือนที่แสนกว้างใหญ่ มีทุกอย่างที่โลกจริงๆ ไม่มี ทุกอย่างแสดงผลในแบบ 3 มิติ มีทั้งฉากอยู่ในรถที่วิ่งบนถนนที่ไม่ปกติ ฉากแห่งความเร็วที่ชักชวนให้ตื่นตา
รวมไปถึงฉากในดินแดนที่เป็นภาพในจินตนาการ ฉากของการต่อสู้ที่ข้าวของกระจัดกระจายวิ่งหาคนดู นอกจากภาพจะสวยแล้ว ยังใช้ความเป็นหนัง 3 มิติได้คุ้มค่าอย่างยิ่งอีกด้วย
นอกจากหนังจะเล่าเรื่องการค้นหาไข่อีสเตอร์ (Ester Egg) ของเหล่าตัวละครแล้ว ตัวหนังเองก็มีไข่อีสเตอร์ให้คนดูคอยส่ายตามองหาอยู่หลายจุด เยอะจนรู้สึกว่าอาจต้องมีรอบสองเพื่อเก็บอีสเตอร์เพิ่มกันเลยทีเดียว
อย่างที่เราเห็นในตัวอย่างหนังก็จะมีอยู่หลายจุดแล้ว โดยเฉพาะรถเก่งสุดเท่ที่มาจาก ‘Back to the Future’ หุ่นยักษ์ ‘Iron Giant’ และหุ่นรบกันดั้ม และยังมีอีกหลายสิ่งที่แต่ละคนอาจจะจับได้ไม่เท่ากัน
นอกจากนี้ การดำเนินเรื่องยังมีการปิดบังบางอย่างเอาไว้เซอร์ไพรส์เราในเวลาต่อมา ทำให้หนังยิ่งดูสนุกเพราะได้พบสิ่งไม่ทันคาดคิดได้อยู่เรื่อยๆ
การผสมผสานที่กลมกลืนของสามสิ่งเรทโทร
สิ่งที่นายแพทรู้สึกระหว่างดูก็คือ หนังเรื่องนี้เป็นการผสมผสาน 3 สิ่งเรทโทรเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น เพลงในยุคเก่าก่อนที่หยิบเข้ามาประกอบอยู่บ่อยๆ, หนังเก่า คนที่ชอบดูหนังจะอินและเข้าใจมุกต่างๆ ในเรื่องได้ดีเลยแหละ และสุดท้าย คือเกมในยุคเก่าๆ ใครที่เติบโตมากับสิ่งเหล่านี้จะรู้สึกนิยมชมชอบ ถึงขั้นตกหลุมรักหนังได้อย่างง่ายดาย
บางช็อตอาจได้มาจากภาพจำของภาพยนตร์บางเรื่อง ชนิดที่เห็นช็อตนั้นปุ๊บก็จะนึกถึงหนังเรื่องนั้นได้ทันที แต่บางช่วงเวลาก็แทบจะเทไปให้หนังเรื่องๆ หนึ่งเลยก็มี
น่าเสียดายอยู่นิดหน่อย ที่สมัยเด็กๆ ไม่ได้ถูกสนับสนุนให้เล่นเกม โตมาก็ไม่ได้รู้สึกสนิทชิดเชื้อกับเกมสักเท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นคงจะอินได้สุดๆ มากกว่านี้
อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญ ก็คือ การนำเอาคาแรคเตอร์เก่าๆ มารวมกันทำให้มันเป็นอีสเตอร์ในอีสเตอร์ คนดูที่โตขึ้นมาพร้อมกันมันจะเหมือนถูกหนังสะกดให้หนีจากโลกปัจจุบัน กลับไปสู่อดีต ดึงทุกอย่างกลับมา สร้างอารมณ์ที่ท่วมท้น
ฟินไปกับหนังได้อย่างไม่หยุดหย่อน
มิตรภาพ ผองเพื่อน …และชัยชนะ
‘สงครามเกมคนอัจฉริยะ’ รวบรวมเอาป็อปคัลเจอร์ที่หลายคนเคยผ่านเข้ามาไว้ด้วยกัน เราอาจจะไม่ได้สัมผัสหรือจดจำมันทุกตัวก็จริง แต่จะมีบางตัวแหละที่คุณจะรู้จัก เติบโตพร้อมกับมา และอินไปกับเรื่องราวเพราะมันดึงเอาความทรงจำเกี่ยวกับมันในอดีตนั้นกลับคืนมา
หนังสร้างหนังสือก็จริง แต่ที่ได้ฟังจากคนที่ทั้งอ่านและดู พวกเขาบอกว่าหนังมีครึ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนเวอร์ชั่นหนังสือ ด้วยการปรับบทให้ดูสนุกตื่นเต้นในแบบของงานภาพยนตร์
สิ่งที่รู้สึกได้ระหว่างดูหนังเรื่องนี้คือ ถ้าไม่ได้มองแต่งานภาพ 3 มิติและวิชวลที่ตะลึงตาแล้ว หนังดูจะมุ่งเน้นเรื่องของการก้าวสู่ชัยชนะที่ไม่อาจทำได้ด้วยตัวคนเดียว แม้พระเอกจะเริ่มต้นมาด้วยการไม่มีทีม แต่มิตรภาพระหว่างเพื่อน ทำให้เกิดความอบอุ่นและพลังในการต่อสู้ ใช้ความเข้มแข็งและพลังที่แตกต่างประสานทำให้เกิดความสำเร็จขึ้นมาได้
นอกจากนี้ หนังก็ยังใส่เรื่องของการยอมรับตัวตนของคนอื่น แม้ภายนอกอาจจะไม่ได้ดูสวยงามอย่างที่ใจหวังนักก็ตาม ถ้าดูเนื้อใน เราอาจได้พบคนที่ใช่ได้ง่ายกว่า
หนังยังพาให้เราไปเนิร์ดกับเกมและผู้สร้าง แถมจะยังเขียนบทให้คนดูเจออะไรที่คาดไม่ถึงได้ตลอดทาง นับว่าเป็นหนังที่กำกับโดยคนแก่ แต่เอาความเก๋าจากการผ่านโลกมามากสร้างสรรค์ให้เกิดผลงานที่ดี มีทีมงานที่ยอดเยี่ยม
นี่อาจจะไม่ใช่งานล่ารางวัล แต่เป็นงานที่น่าชื่นชมครับ
ชื่อภาพยนตร์: Ready Player One / สงครามเกมคนอัจฉริยะ / เรดดี้ เพลเยอร์ วัน
ผู้กำกับภาพยนตร์: Steven Spielberg
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Zak Penn, Ernest Cline
นักแสดงนำ: Tye Sheridan, Olivia Cooke, Ben Mendelsohn, T.J. Miller, Simon Pegg, Mark Rylance, Philip Zhao, Win Morisaki
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
ความยาว: 140 นาที
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Sci-Fi
อัตราส่วนภาพ: 2.39 : 1
ปี: 2018
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 29 มีนาคม 2018
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Amblin Entertainment, De Line Pictures, Farah Films & Management
สงครามเกมคนอัจฉริยะ
Ready Player One - 9
9
Ready Player One
Ready Player One เป็นการกลับมาสร้างหนังแฟนตาซีอีกครั้งของ Steven Spielberg หยิบเรื่องราวของโลกโซเชียลมาเล่าเป็นภาพด้วยโลกเสมือน 3 มิติ ที่ปรับจากหนังสือให้เล่าได้ใน 2 ชั่วโมงเศษและตรึงให้คนดูสนุกไปกับทั้งภาพและเรื่องราว เขาทำได้สำเร็จ ปลุกความเนิร์ดในตัว ถ้าคุณชอบเพลง หนัง และเกมเก่าๆ คุณย่อมจะมีความสุขเต็มอิ่มกับภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแน่