ถ้าเอ่ยถึง ริดลีย์ สก็อต เชื่อว่าชื่อนี้มีแต่คนคุ้นหู ถ้าไม่นับคอหนังที่ต้องรู้จักเขาดีเพราะสร้างหนังระดับตำนานมาก็หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ‘แกลดิเอเตอร์’, ‘เอเลี่ยน’ , ‘เบลดรันเนอร์’ และอีกมากมายหลายเรื่อง เรียกได้ว่าหนังของเขาอยู่กับเรามานาน จนไม่ว่าใครก็เคยได้ดู จนวันนี้ เขามีผลงานใหม่ที่สร้างเพื่อฉายในบริการ Apple TV+ แต่ก็มีโอกาสฉายโรงด้วยเช่นกัน นั่นก็คือเรื่อง ‘Napoleon’ หรือชื่อไทย ‘จักรพรรดินโปเลียน‘ ที่ต้องบอกว่า ควรได้ดูในโรงจริงๆ แหละ
ความคิดเห็นส่วนตัวของนายแพท
หนังอัตชีวประวัติของจักรพรรดินโปเลียนผู้เกรียงไกร มีทั้งความเป็นหนังสงคราม หนังประวัติศาสตร์ ที่เล่าเรื่องชีวิตรักของนักรบชื่อก้องโลกคนอื่นเอาไว้ด้วย นอกเหนือจากฉากการสู้รบที่เผยภาพมุมกว้างสร้างความอลังการ หนังก็ทำให้เราเห็นอีกมุมที่มีความเปราะบาง อ่อนไหว ท่ามกลางมุมเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว และทะเยอะทะยานใฝ่สูงของชายผู้รักในฝรั่งเศส บทหนังอาจสร้างความอึ้งที่พบกับการกระทำที่คาดไม่ถึง แม้กระทั่งฉากร่วมรักจนคิดไปว่านี่คงเป็นหนังตลก หนังมีฉากความรุนแรง แต่รวมๆ แล้วฉากสงครามก็ไม่ได้มากอย่างที่คิดไว้
วาคีนและวาเนสซ่าคือสองตัวนำที่แข่งกันเด่น อาจเห็นว่าวาคีนเล่นดีจัด แต่ทว่าวาเนสซ่าคือคนที่ประทับอยู่ในใจ
เรื่องย่อหนัง ‘Napoleon’
นี่คือหนังชีวประวัติของจักรพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ต (วาคีน ฟินิกซ์/Joaquin Phoenix จากหนังเรื่อง ‘Joker’ และ ‘Beau Is Afraid’) ที่บอกว่า เขาเกิดเป็นคนชนชั้นต่ำโฉด มีแต่ผู้คนที่มองว่าเขาไม่ได้เหมาะสมกับบรรดาศักดิ์ แต่นั่นก็อาจทำให้เขามุ่งมั่นถีบตัวขึ้นมา ด้วยความสามารถในการบัญชาการรบ ทำให้รับตำแหน่งทางทหารยศสูงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งฝรั่งเศส
ท่ามกลางภาระหน้าที่ของการเป็นแม่ทัพที่พากองทหารเข้าสู่สงครามราว 60 กว่าครั้ง เขาก็มีชีวิตรักที่น่าสนใจอยู่เช่นกัน เขาพบรักเข้ากับ โจเซฟีน (วาเนสซ่า เคอร์บี้/Vanessa Kirby จากหนังเรื่อง ‘Mission: Impossible – Fallout’ และซีรีส์เรื่อง ‘The Crown’) สาวม่ายที่สวยงามทั้งหน้าตาและรูปร่าง อีกทั้งยังมีเสน่ห์มากล้นจนกลายเป็นรักแรกพบและรักแท้ของนโปเลียนเลยด้วยซ้ำ
รีวิวหนัง ‘จักรพรรดินโปเลียน‘
เรื่องราวในหนังแนวชีวประวัติเรื่องนี้ พาเราย้อนไปไกลถึงช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส ที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงหลากหลายอย่าง ยอมรับว่า การไม่ศึกษาประวัติศาสตร์ยุโรปก็มีผลไม่น้อยต่อการรับชม
ตัวหนังในช่วงแรก มันบอกเล่าด้วยการตัดประวัติศาสตร์มาวางเป็นท่อนๆ เล่าจบตรงนี้ไปตรงนั้น ไม่ได้เรียงร้อยจนเชื่อมโยงกันทุกสิ่ง ถ้าเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาบ้างก็คงจะดีไม่น้อย แต่ถึงจะไม่รู้อะไรนักแต่ก็พอจะตามเรื่องไปได้อยู่ดีนั่นแหละ เพราะหนังมันแทรกซึมด้วยฉากสงคราม พาร์ทแอ็คชั่นก็จะช่วยให้การทำความเข้าใจของเรามันง่ายขึ้นหน่อย แต่ก็ไม่ได้บอกว่า หนังเรื่องนี้จะอุดมไปด้วยฉากสงครามหรอกนะ เดี๋ยวจะคาดหวังกันผิดไปซะอีก
เอาจริงๆ แล้ว มันก็คือหนังที่เล่าถึงช่วงเวลาต่างๆ ของนโปเลียน ตั้งแต่เริ่มมียศในอาชีพทหาร และด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูง ทะเยอทะยาน ผ่านแรงผลักดันส่วนตัว ผ่านความรักชาติรักฝรั่งเศส พาเขาก้าวขึ้นตำแหน่งระดับนายพล จนวันหนึ่ง เขาก็กลายเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสไปได้ เรื่องราวบ้านเมืองถูกเล่าแบบข้ามๆ ไม่ได้ลงลึกอะไร เพียงเพื่อให้เรารู้ว่า ชีวิตของเขามันผ่านไปถึงขั้นไหนก็เท่านั้น
หากคาดหวังจะได้เจอฉากสงครามหนักๆ เต็มเรื่อง คงไม่สมหวัง เพราะมีเล่าช่วงสงครามสงครามบ้าง แต่หนังสนใจเล่าเรื่องอื่นมากกว่า พาร์ทที่หนังตั้งใจเล่ามากหน่อย ก็คือ ชีวิตรักของนายพลคนนี้นี่เอง
การได้พบกับหญิงผู้เคยแต่งงานมาแล้วอย่าง โจเซฟีน คนที่นโปเลียนเห็นปุ๊บก็สะดุดใจปั๊บ แล้วหลังจากนั้นก็รักมาตลอด แต่เหมือนหน้าที่การงานและหัวใจที่รักชาติจะพาเขาพรากจากเธอไปตลอด ในฐานะนายพล เขาอาจนำกองทหารรบชนะมามากครั้งก็จริง แต่ทุกครั้งก็พาคนไปตายอย่างก่ายกองเช่นกัน ส่วนหนึ่งเขากลายเป็นผู้นำที่กุมหัวใจคน แต่เมื่อมองมาที่ชีวิตส่วนตัว เขากำลังจะสูญเสียมันไปอย่างกู่ไม่กลับ
เรื่องราวในนั้น เผยหลายด้านของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ มนุษย์ผู้กลายเป็นไอคอนของโลก ที่มีทั้งด้านดีและด้านร้าย ไม่ว่ามันจะมีความจริงอยู่แค่ไหน แต่หนังก็ตั้งใจโบ๊ะบ๊ะเอาเรื่อง มักมีช็อตที่ชวนอึ้งของพฤติกรรมที่คาดเดาไม่ได้ และบางช็อตก็พาขำใส่แบบไม่ทันตั้งตัว นอกจากจะเผยความเจ็บปวดของจอมทัพผู้เกรียงไกร ก็ยังนำเสนอชีวประวัติของเขาแบบไม่เชิดชู ไม่ยกย่องใดๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลาท้ายๆ บั้นปลายชีวิตของชายคนนี้ ที่ชวนรู้สึกสงสารในชะตากรรมเหลือเกิน
พูดถึงเฉพาะฉากสงครามกันบ้าง แม้อาจไม่มากพอจนอิ่มสำหรับบางคนที่คาดหวัง ทว่าแต่ละฉากก็ตระการตาไม่น้อยเมื่อมองผ่านจอยักษ์อย่าง IMAX with Laser ภาพมุมกว้าง รายละเอียดของพื้นที่รบ โปรดักชั่น เทคนิคงานภาพ รวมทั้งยังมิกซ์เสียงมาได้ดี เหมือนเข้าไปอยู่ในพื้นที่นั้นด้วยตัวเอง ประทับใจที่สุดก็คงจะเป็นฉากต่อสู้ในสมรภูมิน้ำแข็งที่ชวนตื่นตาสุดๆ และเห็นความชาญฉลาดยิ่งในด้านกลยุทธ์การรบของนโปเลียน
ในด้านการแสดง Joaquin Phoenix สวมบทบาทของชายผู้ทะเยอทะยาน เก่งการรบ และมีรักแท้ ไว้ได้อย่างน่าเกรงขาม แม้ว่านโปเลียนตัวจริงจะอายุน้อยกว่านี้ก็ตาม ส่วนบทโจเซฟีนของ Vanessa Kirby เธอคือผู้เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง เพราะความสวยสง่าน่าหลงใหลแถมยังเล่นไว้ได้น่าประทับใจอีกต่างหาก
Taglines:
- The world, for Josephine.
- He came from nothing. He conquered everything.
ได้ข่าวมาเหมือนกันว่า เวอร์ชันที่ฉายโรงนี้ได้ถูกตัดให้มีความยาว 2 ชั่วโมง 38 นาที ซึ่งก็คาดว่ามันคงเป็นความยาวที่เหมาะสำหรับการฉายในโรงภาพยนตร์โดยที่ยังคงเล่าแล้วได้เรื่อง ขณะที่เวอร์ชัน Director’s Cut ความยาว 4 ชั่วโมง สมาชิกของ Apple TV+ จะได้สิทธินั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกัน เพราะผู้ชมทั่วไปที่อยากจะได้สัมผัสกับหนังในแบบ IMAX with Laser ก็จะได้เต็มอิ่มกับงานและเสียงที่เต็มตา
และอาจมากพอให้หลายคนอยากรู้จักนโปเลียนเพิ่มเติม และตามไปหาชมบนสตรีมมิ่งเพื่อพบกับฟุตเทจที่ถูกตัดทอนไปนั่นเอง
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Napoleon / จักรพรรดินโปเลียน |
กำกับ | Ridley Scott |
เขียนบท | David Scarpa |
แสดงนำ | Joaquin Phoenix, Vanessa Kirby, Tahar Rahim, Rupert Everett, Mark Bonnar, Paul Rhys |
แนว/ประเภท | แอ็คชัน, ผจญภัย, ชีวประวัติ, ประวัติศาสตร์, ดราม่า, สงคราม |
เรท | R |
ความยาว | 158 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 22 พฤศจิกายน 2023 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Apple Studios, Scott Free Productions, Apple TV+, Sony Pictures Thailand |
คะแนนหนัง จักรพรรดินโปเลียน
พล็อตและบท - 7.5
การแสดง - 8.5
การดำเนินเรื่อง - 8
เพลงและดนตรีประกอบ - 8
เทคนิคงานภาพ และโปรดักชัน - 8
8
Napoleon
หนังอัตชีวประวัติของจักรพรรดินโปเลียนผู้เกรียงไกร มีทั้งความเป็นหนังสงคราม หนังประวัติศาสตร์ ที่เล่าเรื่องชีวิตรักของนักรบชื่อก้องโลกคนอื่นเอาไว้ด้วย นอกเหนือจากฉากการสู้รบที่เผยภาพมุมกว้างสร้างความอลังการ หนังก็ทำให้เราเห็นอีกมุมที่มีความเปราะบาง อ่อนไหว ท่ามกลางมุมเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว และทะเยอะทะยานใฝ่สูงของชายผู้รักในฝรั่งเศส บทหนังอาจสร้างความอึ้งที่พบกับการกระทำที่คาดไม่ถึง แม้กระทั่งฉากร่วมรักจนคิดไปว่านี่คงเป็นหนังตลก หนังมีฉากความรุนแรง แต่รวมๆ แล้วฉากสงครามก็ไม่ได้มากอย่างที่คิดไว้ วาคีนและวาเนสซ่าคือสองตัวนำที่แข่งกันเด่น อาจเห็นว่าวาคีนเล่นดีจัด แต่ทว่าวาเนสซ่าคือคนที่ประทับอยู่ในใจ