หนังญี่ปุ่นหลายเรื่องที่สร้างไลท์โนเวลชื่อดัง และสร้างกระแสรายได้โดดเด่นไปทั่วญี่ปุ่น แถมยังแผ่ขยายความสำเร็จมาถึงเมืองไทย มันเคยเป็นทั้งนิยายและมังงะ ทั้งเป็นอะนิเมะซีรีส์ (ที่ใกล้ฉายในเน็ตฟลิกซ์) แล้วตอนนี้ มันกลายเป็นหนังคนแสดงไปเรียบร้อย แถมยังกวาดรายได้ไปเพียบ ถึงเวลาที่เราจะได้ดูกันด้วยตาตัวเองซะที ‘My Happy Marriage‘ หรือชื่อไทย ‘ขอให้รักเรานี้ได้มีความสุข‘ นั่นล่ะครับ
หนังเรื่องนี้มีชื่อญี่ปุ่นว่า ‘Watashi no Shiawase na Kekkon’ ดัดแปลงจากไลท์โนเวลเรื่องดัง ผลงานของ อาคุมิ อากิโทกิ ที่วาดภาพประกอบโดย สึฮิโกะ สุกิโอกะ ได้รับการตีพิมพ์ทั้งเวอร์ชั่นนิยายและมังงะในปี 2019 ทำยอดขายมากกว่า 7 ล้านก๊อปปี้ เมื่อมันกลายมาเป็นเวอร์ชันภาพยนตร์ ทำรายได้อันดับ 1 ในญี่ปุ่น แถมในปัจจุบัน หนังก็กวาดรายได้ไปแล้วกว่า 2.8 พันล้านเยนแล้วด้วย
ผลงานการกำกับของ อะยูโกะ สึกะฮาระ ที่ว่าเรื่องราวความรักในโลกที่มีพลังวิเศษ พร้อมกับเอฟเฟ็กต์สุดตระการตา
เรื่องย่อหนัง ‘My Happy Marriage‘
ท่ามกลางภัยคุกคามต่างๆ นานาในดินแดนญี่ปุ่นยุคที่กำลังเปิดรับอารยธรรมตะวันตกนั้น เหล่าจักรพรรดิ ชนชั้นนำ และตระกูลใหญ่ ที่มีพลังพิเศษ ต่างก็สืบเชื้อตระกูลต่อๆ กันมาจากรุ่นสู่รุ่น บ้างก็จัดเกมประลองส่งเสริมกำลังซึ่งกัน และบางครั้งก็จัดการแต่งงานต่างตระกูลด้วยเหตุผลทางการเมือง
มิโยะ ไซโมริ (มิโอะ อิมาดะ/Mio Imada จากหนังเรื่อง ‘Tokyo Revengers’) ลูกสาวคนโตจากตระกูลผู้ดี ที่สืบเชื้อสายมาจากผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่เธอกลับเกิดมาอย่างคนไร้พลัง หลังสูญเสียแม่ไปแต่เล็ก พ่อก็แต่งงานใหม่ เธอถูกปฏิบัติราวกับเป็นคนรับใช้ในบ้านของตัวเอง ทั้งยังถูกกดขี่ข่มเหงโดยแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างมารดา แม้กระทั่งพ่อแท้ๆ ก็ยังหาว่าเธอเป็นพวกไร้ประโยชน์
ในที่สุด เธอก็ถูกส่งไปยังบ้านตระกูลคุโด เพื่อหวังให้แต่งงานการเมืองกับ คิโยกะ คุโด (เร็น เมกุโระ/Ren Meguro จากซีรีส์ยอดนิยมเรื่อง ‘My Love Mix-Up!’) นายทหารแห่งตระกูลคุโด ผู้ได้รับสมญาว่าเหี้ยมโหด คู่หมั้นแต่ละคนของเขามักใช้ชีวิตด้วยไม่เกิน 3 วันก็หนีไป
ในครั้งแรกที่หนุ่มสาวพบหน้ากัน แม้คิโยกะจะปฏิบัติตัวเย็นชากับเธอ แต่มิโยะกลับค่อยๆ เริ่มมองเห็นภายในของเขาไม่ได้โหดร้ายเย็นชาอย่างคำร่ำลือ ส่วนคิโยกะเองก็พบว่า มิโยะแตกต่างจากคู่หมั้นคนที่ผ่านๆ มาอย่างสิ้นเชิง และเมื่อเขาเริ่มเปิดใจ ทั้งสองก็เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น ในช่วงเวลาเดียวกันที่เกิดเหตุร้ายขึ้นทั่วเมืองหลวง คิโยกะจึงต้องรับมือและจัดการทำทั้งเรื่องหัวใจและบ้านเมืองไปพร้อมๆ กัน
รีวิวหนัง ‘ขอให้รักเรานี้ได้มีความสุข‘
แม้จะยังไม่เคยได้อ่านมังงะหรือไลท์โนเวลอะไรมาก่อนเลย ก็ต้องรู้สึกว่า นี่เป็นการเซ็ตสร้างโลกให้ญี่ปุ่นยุคสมัยเก่ามีสีสันความเป็นแฟนตาซี ญี่ปุ่นที่ยังคงปกครองโดยจักรพรรดิ และมีตระกูลใหญ่ที่ล้วนทรงอิทธิพลด้วยพลังพิเศษที่แตกต่างกันไป ทั้งสืบทอดพลังนั้นให้กับลูกหลาน ราวกับการสืบทอดความมั่งคั่งรุ่งเรืองสู่สายของตระกูล
แม้องค์ประกอบมันจะบอกเล่าในเชิงแฟนตาซี แต่เนื้อหนังกลับอบอวลด้วยกลิ่นไอแห่งความโรแมนติก เรื่องราวความรักระหว่าง คิโยกะ นายทหารผู้ควบคุมพลังไฟ กับ มิโยะ หญิงสาวผู้อาภัพที่ไร้ซึ่งพลัง
ส่วนตัวละครอย่าง คิโยกะ เขาคือนายทหารแห่งกองกำลังพิเศษที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อต่อกรกับผู้มีพลังวิเศษ โดยตัวเขาเองก็เป็นผู้ที่มีความสามารถในการควบคุมไฟ แต่เพราะความเย็นชา ทำให้หญิงคนใดที่ถูกส่งมาหมั้นหมายต่างทนอยู่ได้ไม่กี่วันก็หนีไป นานวันกลายเป็นคำร่ำลือว่าเขาเป็นคนโหดเหี้ยม…ซะงั้น
เรื่องราวตอนต้นชวนให้รู้สึกเศร้าสะเทือนใจกับชะตากรรมของ มิโยะ เป็นอันมาก นอกจากจะสูญเสียแม่ที่แสนสวย (ได้นักแสดงรับเชิญ ทาโอะ ทสึจิยะ มาร่วมเล่นด้วยอีกต่างหาก) ไป พ่อก็มีภรรยาใหม่ที่ให้กำเนิดลูกสาวอีกคน แม่กับลูกเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย กดขี่ข่มเหงสาระพัด จนลูกสาวคนโตของตระกูลกลายเป็นเหมือนคนรับใช้ ขนาดพ่อเองก็ยังไม่ดูดำดูดี ด้วยเพราะเห็นว่าไม่มีพลัง ช่างไร้ประโยชน์ โคตรอาภัพ สุดท้ายถูกส่งไปให้เป็นภรรยาของชายผู้ถูกร่ำลือว่าเหี้ยมโหด
เมื่อได้มาเจอตัวจริงหลายวันเข้า มิโยะถึงได้ล่วงรู้ตัวตนจริงๆ ว่าจิตใจของเขาไม่ได้เย็นชาอย่างเขาว่ากัน และเพราะสิ่งดีดีที่เธอได้จากเขานั้น เธอไม่เคยได้เลยในชีวิต ตั้งแต่เกิดมา นอกเหนือจากความรักของแม่ที่จากไป เธอไม่เคยได้รับความรัก และได้แต่เติบมาเพียงลำพัง ความปลื้มปิติทำให้เธอถึงกับสะอึกสะอื้นด้วยความดีใจ ด้วยการสื่อสารถ่ายทอดที่ดีของ มิโอะ อิมาดะ กระมัง พาให้น้ำตาของนายแพทไหลหลั่งไม่ต่างกัน แม้ว่าบทจะดูน้ำเน่า แต่ถ้ามองว่ามันอยู่ในมังงะสายญี่ปุ่น มันก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร
แต่ในระหว่างนั้น เมืองหลวงของญี่ปุ่นก็กำลังเกิดภัยคุกคามครั้งใหม่ “แมลงปีศาจ” ที่ทำให้ผู้คนที่ได้รับเชื้อจากมันมีอาการประหลาดและคลุ้มคลั่ง น่าเสียดายที่แม้แต่กองกำลังพิเศษก็ยังไม่รู้วิธีแก้ไข หากในฐานะทหารผู้รับใช้ชาติ แม้ต้องสละชีวิตพวกเขาก็ยินดีทำ
ไม่ว่าใครก็คงได้เห็นถึงความน่ารักของ มิโอะ อิมาดะ เธอเล่นได้ดี เคมีเข้ากับพระเอกอย่าง เร็น เมกุโระ อย่างยิ่งยวด แม้เรื่องพลังของเธอ จะไม่ใช่เรื่องที่เดายากเย็น แต่ด้วยความที่หนังไม่ได้เล่นแค่เรื่องรักโรแมนติก ทำให้ยังมีหลายจุดที่ชวนให้ต้องเซอร์ไพรส์
เรื่องราวที่เริ่มต้นอย่างรันทด พาไปสู่ความโรแมนติก จากนั้นก็เล่าผ่านไปถึงพาร์ทแฟนตาซี ที่แฝงเรื่องการเมืองได้อย่างแนบเนียน รวมกันอยู่ในหนังเรื่องเดียวกันอย่างลงตัวได้ยังไงไม่รู้ ทุกพาร์ทต่างทำกันได้ค่อนข้างดี หนังที่เดินเรื่องได้สนุก ดนตรีประกอบดี เคมีคู่พระนางโดดเด่น แม้จะเนิบบ้างตามประสาหนังญี่ปุ่นแต่ก็ไม่ได้รู้สึกน่าเบื่อแต่อย่างใด
เช่นเคยหนังหยิบเพลงประกอบสุดไพเราะมาไว้ตรงเครดิตปิดท้าย ทีมงานใส่คำแปลให้อ่านกันเพลินๆ ก่อนจะได้รู้ว่า ยังมีอีกฉากที่บอกใบ้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | My Happy Marriage / ขอให้รักเรานี้ได้มีความสุข / Watashi no Shiawase na Kekkon |
กำกับ | Ayuko Tsukahara (สึกะฮาระ อายูโกะ) ผู้กำกับหนังเรื่อง ‘Café Funiculi Funicular’ (2018) |
เขียนบท | Akumi Agitogi, Tomoe Kanno, Tsukiho Tsukioka |
แสดงนำ | อิมาดะ มิโอะ/Mio Imada, เมกุโระ เร็น/Ren Meguro, Ryoko Kobayashi, Yuki Ogoe, Tao Tsuchiya |
แนว/ประเภท | ดราม่า, แฟนตาซี, โรแมนติก, ประวัติศาสตร์ |
เรท | |
ความยาว | 115 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | ญี่ปุ่น |
เข้าฉายในไทย | 22 มิถุนายน 2023 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Kadokawa, TBS Sparkle, Toho, Tokyo Broadcasting System (TBS), Mongkol Major |
คะแนนหนัง ขอให้รักเรานี้ได้มีความสุข
พล็อตและบท - 8
การแสดง - 7.5
การดำเนินเรื่อง - 7.5
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.5
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 8
7.7
My Happy Marriage
เป็นความลงตัวของหนังที่สร้างจากไลท์โนเวล เซ็ตญี่ปุ่นยุคที่รับอารยธรรมชาติตะวันตกเข้ามา ยังมีการปกครองโดยจักรพรรดิ และตระกูลใหญ่ต่างครอบครองพลังวิเศษที่สืบทอดสู่ลูกหลานได้ หนังอบอวลด้วยความโรแมนติก แต่ก็เสริมด้วยเรื่องแฟนตาซีและการเมืองสังคม กลมกล่อมใช้ได้เลย และแน่นอน นางเอกน่ารักมากกก