รีวิวหนัง Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One | มันส์ขึ้นหิ้ง

6 ภาคก่อนหน้า คือบทพิสูจน์ว่าแฟรนไซส์สายลับอีธาน ฮันท์ สร้างตัวตนจนมีกลายเป็นขวัญใจของคอหนังทั่วโลก นอกเหนือจากการมีฉากบู๊แอ็คชันที่สร้างความระทึกใหม่ๆ ได้ไม่หยุดหย่อน แต่เรื่องราวในนั้นก็ยังมีความซับซ้อนปั่นหัวใจคนดูได้ใคร่ครวญตามได้เก่งไม่เบา ในวันที่มันเดินมาถึงภาคที่ 7 เรื่องยิ่งซับซ้อนหนักจนต้องแบ่งเป็นสองตอน และนี่คือ ‘Misson: Impossible – Dead Reckoning Part One’ หรือชื่อไทย ‘มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง‘

มิชชั่นภาคนี้ก็ยังเป็น Christopher McQuarrie เจ้าเดิมที่สานต่อและสร้างความปังให้อย่างต่อเนื่อง หลังเคยกำกับควบร่วมเขียนบทในภาคห้า ‘Mission: Impossible – Rogue Nation’ ก็นั่งกุมบังเหียนในตำแหน่งนี้เรื่อยมา ต้องยอมรับว่า เขาคือคนที่ช่วยยกระดับให้โปรเจกต์นี้ติดลมบนจนยาวมาถึงภาคที่เจ็ด และยังคงจุดเด่นของฉากสตันท์เสี่ยงตายให้ความรู้สึกถึง “ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้” ที่ทุกภาคจะต้องมี โดยในครั้งนี้ ก็ยังคงเป็น ทอม ครูซ และ คริสโตเฟอร์ แมคควอรี ที่ร่วมกันอำนวยการสร้างเหมือนอย่างเคย

แค่เห็นฉากสตันฑ์บนผาสูงชันก็ทำเอาใจสั่นอยากระทึกในโรงกันแล้วล่ะทุกคน!

เรื่องย่อหนัง ‘Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One’

ครั้งนี้ อีธาน ฮันท์ (ทอม ครูซ/Tom Cruise จากหนังเรื่อง ‘Jerry Magguire’ และ ‘Top Gun: Maverick’) มีอันต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยีขั้นสูงชนิดหนึ่งที่โคตรอันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์โลก มันทำให้เขาต้องกลับไปเจอ คู่ปรับหน้าเก่าจากภาคแรก ยูจีน คริดทิดจ์ (เฮนรี่ เซอร์นี่/Henry Czerny จากหนังเรื่อง ‘Scream VI’ และ ‘Ready or Not’) เจ้าหน้าที่ IMF ที่เคยเป็นลิ้นกับฟันของอีธาน และกาเบรียล (อีไซ โมราเลส/Esai Moralez จากหนังเรื่อง ” และซีรีส์เรื่อง ‘Ozark’) อดีตเพื่อนซี้ที่วันนี้เปลี่ยนมาเป็นคู่ปรับ

ภารกิจครั้งใหม่ พาเขาให้กลับไปเจอกับ อิลซ่า ฟอร์ส (รีเบกกา เฟอร์กูสัน/Rebecca Ferguson จากหนังเรื่อง ‘Dune’ และซีรีส์ ‘Silo’) และ เดอะไวท์วิโดว์ (วาเนสซา เคอร์บี้/Vanessa Kirby จากซีรีส์ ‘The Crown’ และหนังเรื่อง ‘The Son’) พร้อมพาให้เขาได้เจอกับสาวคนใหม่ทั้ง เกรซ (เฮย์ลีย์ แอตเวลล์/Hayley Atwell จากซีรีส์ ‘Agent Carter’ และหนังเรื่อง ‘Captain America’) จอมโจรคนสวย และ ปารีส (พอม เคลเมนเทียฟ/Pom Klementieff จากหนังเรื่อง ‘Guardians of the Galaxy Vol. 2’) สาวนักบู๊สุดระห่ำ

งานนี้ อีธาน ฮันท์ ก็ยังคงมีเพื่อนร่วมภารกิจที่คุ้นเคย อย่าง เบนจี้ ดันน์ (Simon Pegg จากหนังเรื่อง ‘Star Trek’ และซีรีส์เรื่อง ‘The Boys’) และลูเธอร์ สติกเคิลล์ (วิง ราเมส/Ving Rhames จากหนังเรื่อง ‘Pulp Fiction’ และซีรีส์เรื่อง ‘ER’)

รีวิวหนัง ‘มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง’

เปิดตัวด้วยการฉายภาพการถ่ายทำฉากแรกในโรงหนัง ฉากเสี่ยงตายบนหน้าผาอันสูงชัน หุบเขา Helsetkopen ในประเทศนอร์เวย์ กับโครงสร้างที่เสริมเพื่อให้กลายเป็นฉากที่ผู้คนจะต้องรู้สึกถึงความลุ้นระทึกจนอะดรินาลีนหลั่งไหล บอกให้รู้ถึงการมาของหนังแอ็คชันสายลับที่โดดเด่นด้วยภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ จากนั้น ผู้คนก็ตั้งตารอคอยให้วันนั้นมาถึง

หลังเคยไต่ระห่ำไปบนตึกระฟ้าเบิร์จ คาลิฟา เคยดิ่งพสุทาที่ความสูง 25,000 ฟุตก่อนกระตุกร่ม เคยเกาะเครื่องบินที่กำลังเทคออฟ การเสี่ยงตายครั้งแล้วครั้งเล่ายังคงเป็นภารกิจที่ ทอม ครูซ ตั้งหน้าตั้งตาทำมันอย่างต่อเนื่อง จนทำให้วันนี้เขากลายเป็นเทพแห่งหนังแอ็คชัน พาแฟรนไชส์หนังสายลับอย่าง ‘Mission: Impossible’ ทะยานสูง ผู้คนต่างรอคอยว่า ภาคใหม่จะมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ยิ่งกว่าอีกหรือเปล่า

ครั้งนี้ หนังพาผู้คนไปเจอกับปมใหม่ที่คล้ายเป็นการพลิกกลับของเงื่อนไขในบทที่ตรงกันข้ามกับภาคเก่า พร้อมกับพาตัวละครเก่ากลับมา และเสริมทัพด้วยตัวละครใหม่ที่โดนใจคนดู เล่าเรื่องราวของเทคโนโลยีที่เป็นได้ทั้งสิ่งดีและร้าย แต่โลกยุคใหม่ทำให้สิ่งที่เป็นได้ทั้งสองหน้านี้สามารถก่ออันตรายระดับสูงจนเกินต้าน แต่ขนาดนั้น ก็เหมือนจะยังให้พื้นที่มนุษย์ได้มีอำนาจควบคุม ใครที่ครอบครองสิ่งนี้ก็จะสามารถควบคุมมันได้ และกลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ทรงอำนาจที่สุดในโลกไปในทันที และมหกรรมชิงสิ่งนั้นจึงได้ถือกำเนิดขึ้น

และก็เช่นเคย อีธาน ฮันท์ ไม่ได้มาเดี่ยวๆ เขายังมีมิตรสหายที่ล่มหัวจมท้ายกันมาโดยตลอด ลูเธอร์และเบนจี้ที่ร่วมปฏิบัติภารกิจ สร้างทั้งเรื่องฮาและเรื่องที่พาทึ่ง นอกจากหนังจะพาคู่ปรับเก่ามาเจอกันในภาคใหม่ หนังก็พาหวานในภาคก่อนกลับมาเจอกับสายลับฮีโร่นักวิ่งด้วย ไม่มีใครคิดว่า พอม เคลเมนเทียฟ จากแมนทิสผู้ใสซื่อจะกลายเป็นปารีส สาวเท่ที่บ้าดีเดือดได้ขนาดนั้น หรืออย่าง เฮย์ลีย์ แอตเวลล์ ที่เข้าคู่กันได้ดีกับอีธาน ฮันท์ โดยเฉพาะในฉากที่ต้องซิ่งเก๋งหลายคันกลางเวนิสซิ่งทั้งใส่กุญแจมือ เมื่อรวมอีกสองคนที่มาก่อน ทำให้ภาคนี้ มีถึง 4 สาวสวยของฮันท์ที่โดนใจผู้ชม

เอาจริงๆ ถ้าแกะเอาพาร์ทสนทนาที่พาคนดูต้องนั่งวิเคราะห์กันหนักๆ ออกไป ก็จะนำพาความซับซ้อนนั้นออกไปด้วย คงเหลือแต่พล็อตที่เข้าใจง่าย เปิดโอกาสให้ได้เล่าแต่ฉากแอ็คชันมันส์ๆ ที่จัดมายาวๆ ให้ผู้ชมได้ลุ้นใจระทึกไปกับซีนระห่ำที่เน้นแสดงจริง ของจริง ไม่เน้นซีจี ตัวแสดงแทน หรือกรีนสกรีน

ไม่เท่านั้น หนังยังพยายามใส่ความเป็นมนุษย์ มีชีวิตจิตใจ มีเจ็บเป็น สูญเสียเป็นให้กับตัวละครที่ผู้คนหลงรัก ทำให้พวกเขาเอาใจช่วยลุ้นให้รอดตลอดทั้งภารกิจ บวกกับมุมมองภาพที่ราวกับผู้ชมไปอยู่ตรงจุดเดียวกับตัวละคร ไม่ก็ไปร่วมผจญภัยเสี่ยงตายอยู่ในเหตุการณ์ด้วย พาให้คนดูลุ้นระทึกตัวเกร็งตลอด 2 ชั่วโมง 45 นาที

หลายคนคงได้เห็นเบื้องหลังมาแล้วกับฉากซิ่งมอไซค์เหินและทิ้งดิ่งลงจากหุบผา ก่อนกระตุกร่มร่อนลงพื้น แต่เพราะเห็นมาบ่อยเลยไม่ค่อยตื่นเต้นมากนัก ซีเควนซ์ที่ลุ้นระทึกกว่ากลับกลายเป็นช่วงบนรถไฟ ที่หนังพาให้ลุ้นหลังไม่ติดเบาะแบบยาวๆ ชนิดที่กว่าจะจบ เล่นเอาหอบและถอนหายใจไปตามๆ กัน

แน่นอน แม้หนังจะจบในตัวเอง แต่ไม่มีใครไม่รอการมาของ “ตอนที่สอง” อย่างใจจดจ่อ…อย่างแน่นอน

มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ภาคก่อนหน้า

• ‘Mission: Impossible’ (1996) กำกับโดย Brian De Palma
• ‘Mission: Impossible II’ (2000) กำกับโดย John Woo
• ‘Mission: Impossible III’ (2006) กำกับโดย J.J. Abrams
• ‘Mission: Impossible – Ghost Protocol’ (2011) กำกับโดย Brad Bird
• ‘Mission: Impossible – Rogue Nation’ (2015) กำกับโดย Christopher McQuarrie
• ‘Mission: Impossible – Fallout’ (2018) กำกับโดย Christopher McQuarrie

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง