รีวิวหนัง Midway อเมริกา ถล่ม ญี่ปุ่น | ขับเครื่องบินไปทิ้งระเบิด ตูม ตูม!

ถ้าพูดถึงหนังฟอร์มยักษ์ที่ต้องใช้ซีจีมาช่วยเยอะๆ มีฉากแอ็คชันมันๆ อลังการๆ หนึ่งในนั้นต้องมีหนังของผู้กำกับคนนี้ Roland Emmerich วันนี้เขาฉีกจากหนังมหันตภัย หนังถล่มทำเนียบขาว หนังมนุษย์ต่างดาว หันมาทำหนังสงครามดูบ้าง คือผมกำลังพูดถึง ‘Midway’ หรือในชื่อไทยแบบตรงๆ ทื่อๆ ไปเลยว่า ‘อเมริกา ถล่ม ญี่ปุ่น’ นั่นแหละ

หากไล่เรียงภาพยนตร์ที่ชายผู้นี้กำกับ คงมีคนไทยมากมายที่เคยดูผลงานของเขาไปเกือบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น White House Down, The Day After Tomorrow, Independence Day, 2012, The Patriot และอีกหลายเรื่อง เราลองมาดูกันซิว่า

ถ้าเขาจะทำหนังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อ้างอิงมาจากเรื่องจริงๆ นี่มันจะออกมาเป็นยังไง

เรื่องย่อหนัง ‘Midway’

เรื่องราวเล่าอ้างอิงจากเรื่องจริงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เกี่ยวกับยุทธการมิดเวย์ ที่สืบต่อเนื่องมาหลังเกิดเหตุญี่ปุ่นปูพรมถล่มเพิร์ลฮาร์เบอร์

จากชาติที่ติดต่อค้าขาย กลายเป็นการตอบโต้กันระหว่างสองชาติที่เป็นศัตรูกันในสงคราม สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น

รีวิวหนัง ‘Midway’

เรื่องราวที่เล่าผ่านตัวละครหลากหลายตัวที่มีอยู่ในจริง และกลายเป็นบุคคลสำคัญของชาติ เรื่องราวที่เล่าถึงกองทัพ ความกล้าหาญ เสียสละ และความเป็นผู้นำ

หนังที่รวบรวมเอานักแสดงที่มีชื่อเสียงไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Ed Skrein ในบทของดิค เบสต์ นักขับเครื่องบินรบที่กล้าหาญชาญชัยที่สุดในกองทัพสหรัฐ Patrick Wilson ในบทของเอ็ดวิน เลย์ตัน หัวหน้าฝ่ายข่าวกรองที่มีหน้าที่สำคัญในการสืบข้อมูลของฝั่งญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีอีกมากมายอัดรวมกันอยู่หนังเรื่องเดียวกัน

ไม่ว่าจะเป็น Woody Harrelson ในบทผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองเรือสหรัฐ, Patrick Wilson, Luke Evans, , Mandy Moore, Dennis Quaid, Aaron Eckhart,​ Nick Jonas รวมทั้ง Alexander Ludwig แล้วก็ยังมีอีกหลายตัวที่สวมบทบาทนายทหารจากจักรวรรดิญี่ปุ่น เยอะจนไล่เรียงได้ไม่หมด

ผมเคยได้ยินว่ามีการทำหนังเกี่ยวกับยุทธนาวีมิดเวย์นี่มาก่อนแล้ว ไปค้นดูก็พบว่าเคยมีเวอร์ชั่นปี 1976 แต่ก็นั่นแหละ ไม่เคยได้ดู จึงไม่รู้จะเปรียบเทียบยังไง

ถ้าไม่ได้ศึกษาเรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงหลังญี่ปุ่นถล่มเพิร์ลฮาร์เบอร์ ก็อาจจะมีบ้างตามเรื่องราวไม่ค่อยทันเท่าไหร่นัก รายละเอียดบางจุดก็มีค่อนข้างสูง แต่โดยรวมแล้วเราจะเข้าใจเรื่องได้พอประมาณ อีกสิ่งหนึ่งที่จะเป็นปัญหาคือเรื่องราวทางภูมิศาสตร์ ถ้าเราไม่รู้ว่าฮาวายอยู่ตรงไหน เพิร์ลฮาร์เบอร์อยู่ที่ใดในมหาสมุทรแปซิฟิก เราอาจสับสนว่าใครจะมาทางไหน แม้ตัวละครจะวางแผนการรบกันบนโต๊ะก็ใช่จะมองออกแล้วเข้าใจ

ความเพลี่ยงพล้ำเพราะพวกเขาไม่คาดคิด ทำให้กองทัพสหรัฐต้องถูกจักวรรดิญี่ปุ่นถล่มราบคาบทั้งอ่าวในพริบตา และชักชวนให้พวกเขาให้เข้าสู่สงคราม ด้วยกำลังพลอันน้อยกว่า แต่ห้าวหาญพอ เพื่อพลิกเกมรบพลิกหน้าประวัติศาสตร์ให้กลายเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่า เรื่องราวที่เล่าผ่านตัวละครมากมายหลายตัว

จนทำให้การเล่าเรื่องมีความไม่เป็นเอกภาพ

เรื่องราวที่ควรจะมุ่งเน้นไปที่หัวหน้าฝ่ายข่าวกรองผู้เคยทำผิดพลาดและกลับมาแก้ตัวใหม่ในเกมรบแห่งยุทธการมิดเวย์ หรือเรื่องราวที่ควรจะมุ่งเน้นไปที่นักบินผู้ซึ่งเติบใหญ่จากเพียงนักบินทิ้งระเบิดกลายมาเป็นผู้นำฝูงบินที่ห้าวหาญ หากมือเขียนบทและผู้กำกับกลับเลือกเล่าให้พวกเขาสำคัญมากพอๆ กัน ไม่รู้จุดประสงค์ที่แน่นอนว่าจะขับเน้นคนไหน พยายามเล่าละเอียดในทุกเหตุการณ์รวมไว้ในเรื่องเดียวจนคล้ายหนังสารคดีมากกว่าที่จะเป็นภาพยนตร์

อีกทั้งบทที่ใส่ให้พวกเขาพูด ผสมกับวิธีการกำกับการแสดงทำให้พาร์ทของคนและเรื่องราวดูแห้งไปถนัดใจ

ต่างกับพาร์ทแอ็คชันสงครามไปอย่างสิ้นเชิง

งานกำกับในพาร์ทนี้ยังถือว่าเชื่อน้ำยาของเขาได้ว่ามันออกมาสนุกอลังการอย่างแน่นอน กับงานของสงครามที่มีทั้งบนฟ้าและในน่านน้ำ ช่วงต้นเรื่องงานภาพอาจจะดูหลอกตาหน่อยๆ แต่หลังจากนั้นก็นับว่าดีขึ้นเป็นลำดับ

เป็นงานภาพที่ให้มุมมองทั้งบนฟ้า ให้คนดูรู้สึกเหมือนนั่งเครื่องบินทิ้งระเบิดร่วมไปกับตัวละคร ยามทิ้งดิ่งลงมาจะรู้สึกได้ถึงความเสียวที่ตนถูกระดมยิงจากเรือรบ บางส่วนก็เป็นมุมมของของลูกเรือที่ต้องหนีเอาตัวรอดจากเครื่องบินที่อยู่บนฟ้า ไฟจากระเบิดที่ลุกท่วม

เป็นช่วงเวลาที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดของหนัง

อเมริกา ถล่ม ญี่ปุ่น จึงกลายเป็นหนังที่สนุกมันให้ฉากรบ แต่แห้งสนิทในฉากอื่นๆ

ชื่อภาพยนตร์: Midway / มิดเวย์ อเมริกา ถล่ม ญี่ปุ่น
ผู้กำกับภาพยนตร์: Roland Emmerich
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Wes Tooke
นักแสดง:  Ed Skrein, Patrick Wilson, Luke Evans, Woody Harrelson, Mandy Moore, Dennis Quaid, Aaron Eckhart,​ Nick Jonas
แนว/ประเภท: Action, Drama, History 
เรท: ไทย/ , USA/15
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
ความยาว: 138 นาที
อัตราส่วนภาพ: 2.39 : 1
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: AGC Studios, Centropolis Entertainment, Entertainment One , สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชันแนล
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 7 พฤศจิกายน 2562