รีวิวหนัง May December รัก ร่าน ร้าย | เปิดแผลอดีต ทดสอบศีลธรรมในใจ

นี่คือภาพยนตร์ชิงออสการ์บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมปีล่าสุด จากโครงเรื่องที่ Samy Burch และ Alex Mechanik ที่ช่วยกันเขียนขึ้นมา ก่อนที่ Samy Burch จะนำมาเขียนเป็นบทหนัง ‘May December’ หรือชื่อไทย ‘รัก ร่าน ร้าย’ ผลงานการกำกับของ Todd Haynes ที่พาคุณไปสำรวจแง่มุมจริงของคนวงการบันเทิงและคนธรรมดาที่เคยอื้อฉาว

ความเห็นส่วนตัวของนายแพท

ได้ชมกันเสียทีกับหนังที่เล่าเรื่องของดาราผู้เข้าหาครอบครัวที่เคยเป็นเรื่องฉาว ครูสาวกับศิษย์หนุ่มที่แอบคบกัน แล้ววันหนึ่งก็กลายเป็นครอบครัว จนเมื่อจะมีการสร้างหนังจากเรื่องจริง นักแสดงผู้ที่จะสวมบทเป็นอดีตครูสาวจึงเดินทางมาเพื่อศึกษาตัวละคร หนังที่มีบทโดดเด่นเล่าหลากประเด็นที่พาให้เรามองเห็นหลายมุมมอง ไม่ว่าจะเป็นของรักต่างวัยที่สร้างแผลใจให้กับคนบางคน การตอบรับต่อสังคมที่มีต่อพวกเขา คนบันเทิงที่ใส่ใจแต่การเล่าเรื่องที่คนสนใจและสวมบทบาทที่ท้าทาย ค่อยกระเทาะเปลือกให้เราได้มองเห็นความจริงที่ถูกปิดไว้

ใดๆ คือ การได้เห็นลีลาการแสดงของ 3 ตัวละครนำที่วาดลวดลายออกมาฟาดฟันกันบนจอหนัง

เรื่องย่อหนัง ‘May December’

เรื่องราวของครูสาวที่ลักลอบมีความสัมพันธ์กับลูกศิษย์ของเธอเอง ย้อนไปในปี 1992 เกรซี (Julianne Moore จากหนังเรื่อง ‘Still Alice’ และ ‘The Kids Are All Right’)​ ครูสาววัย 36 โดนจับข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ โจ เด็กชายอายุ 13 ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นลูกชายของเธอ และเกรซีก็ให้กำเนิดลูกระหว่างถูกขังในเรือนจำ หลังพ้นโทษออกมา เกรซีใช้ชีวิตคู่กับโจ (Charles Melton จากหนังเรื่อง ‘Bad Boys for Life’ และซีรีส์ ‘Riverdale’) จนเวลาผ่านมายาวนาน 24 ปี

ก่อนที่ปี 2015 เอลิซาเบธ แบร์รี (Natalie Portman)​ นักแสดงสาวที่เตรียมจะถ่ายทำหนังอินดี้ที่สร้างมาจากชีวิตจริงของเกรซี และด้วยเพราะเธอต้องการทำความเข้าใจตัวละครให้มากขึ้น จึงขอเข้ามาคลุกคลีกับเกรซีตัวจริง ทั้งยังขอสัมภาษณ์คนที่เกี่ยวข้องใกล้ชิด แต่ดูเหมือนเอลิซาเบธจะแทรกซึมมากเกินไปนิด จนอาจซอกซอนไปถึงจุดที่ลึกลับที่สุดของชีวิตรักของเกรซีและโจ

รีวิวหนัง ‘รัก ร่าน ร้าย’

จากบทหนังที่เกือบจะไม่มีอนาคต หลังถูกแขวนไว้ในช่วงโควิดระบาดโลก แต่ในที่สุด มันก็ได้ออกเดินทาง เมื่อ นาตาลี พอร์ตแมน ส่งต่อมันไปยังผู้กำกับอย่าง ทอดด์ เฮย์นส์ ผู้มีผลงานโดดเด่นอย่าง ‘Dark Waters’, ‘Carol’, ‘Far From Heaven’ และ ‘Wonderstruck’ ที่เขาได้ถ่ายทำและกำกับจนสำเร็จกลายมาเป็นภาพยนตร์ที่คว้ารางวัลบทภาพยนตร์เรื่องแรกยอดเยี่ยม จากเวทีอินดี้สปิริต ก่อนที่ล่าสุด จะสามารถแทรกตัวไปมีชื่อเข้าชิง 1 รางวัลอะคาเดมี่อะวอร์ด ในสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม

เรื่องราวของหญิงสาวสองคนที่ต้องมาพบเจอกัน เพราะคนหนึ่งเป็นดาราที่ต้องการสวมบทบาทให้สมจริงที่สุด ในภาพยนตร์ที่มีที่มาจากคนจริง เลยต้องแทรกตัวเองเข้าไปอยู่ในชีวิตของคนจริงคนนั้น แต่แทนที่มันจะเป็นแค่การแทรกตัวเข้าไปเพื่อเรียนรู้และเข้าใจ มันกลับกลายเป็นอะไรที่มากกว่านั้น

ครอบครัวตัวต้นเรื่อง เป็นเกรซี่ หญิงวัย 36 ที่เคยก่อเหตุอื้อฉาว ทั้งที่มีสามี แต่ก็กลับมาความสัมพันธ์กับโจ ลูกศิษย์ของตนเองจนเป็นข่าวดัง ทั้งติดคุก ทั้งตั้งท้อง แต่ในที่สุดก็ออกมาใช้ชีวิตคู่กับลูกศิษย์หนุ่มของตนเอง จนผ่านมา 24 ปี ปัจจุบันทั้งสองมีลูกด้วยกันแล้ว 3 คน ชีวิตของพวกเขาผ่านการย้ายที่อยู่มาหลายหน โดนสื่อรุมทิ้งจนแทบไม่เหลืออะไรให้ขุดคุ้ย ชีวิตที่เหมือนจะดีขึ้นแล้ว (แต่ก็ไม่เคยดีเท่าที่คนอื่นเป็น) ก็กลับถูกขุดคุ้ยอีกครั้งโดยนักแสดงสาวคนสวยที่ชื่อ เอลิซาเบธ

หนังเรื่องนี้มันมีหลายแง่มุมที่หยิบมาเป็นประเด็นพูดคุยซะเหลือเกิน นอกเหนือจากเรื่องของสื่อที่ชอบขุดคุ้ยเรื่องฉาว และเรื่องของคู่รักที่ต่างวัยกันมากจนกลายเป็นขี้ปากสังคมแล้ว ก็ยังมีประเด็นของฝ่ายชายผู้เป็นลูกครึ่งเอเชีย มีลูกสาวลูกชายที่ต้องเติบโตท่ามกลางสายตาดูแคลน ซึ่งก็อาจทำให้เขารู้สึกอึดอัดและไม่ค่อยสนิทใจกับพ่อแม่ของตน และแน่นอน มันมีเรื่องของคนแวดวงบันเทิงที่ยังหากินกับชีวิตจริงสุดอื้อฉาวของคนอื่นอยู่ในนั้น

หลายหลากประเด็นที่ถูกขุดขึ้นมาชี้เป้าให้มองเห็นและฉุกคิด ไม่ว่าจะครอบครัวที่มีปัญหาอยู่ก่อนแล้วและจำต้องต้อนรับนักแสดงที่หมายจะเข้าใจก้นบึ้งของตัวละครนั้นอย่างถึงกึ๋น สิ่งที่ต้องการฝังกลับถูกขุดขึ้นมา หรือเรื่องความรักในแบบ pedophilia ที่ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ใหญ่ แต่อีกฝ่ายเป็นผู้เยาว์ที่ยังผ่านโลกมาไม่มากพอ ไม่พร้อมและก็ไม่อาจปฏิเสธ ทั้งยังเหมือนถูกกักขังและควบคุมไว้ ทุกอย่างคือเก็บซ่อนความลับเทาๆ ไว้ที่คนในครอบครัวไม่อยากเปิดเผยสู่ภายนอก

อีกสิ่งหนึ่งที่มองว่าเด่นไม่แพ้กัน คือ ความกระหายอยากของดาราที่ต้องการรู้ตื้นลึกหนาบางในชีวิตของคนอื่นขั้นสุด จนมันไปสร้างผลกระทบต่อชีวิตจริงของเขานั่นแหละ มันจึงเป็นหนังที่ตั้งใจกระทบกระเทียบวงการการแสดงอยู่ในที

หลายจุดในหนังก็นับว่าน่าสนใจ อย่างเช่น การถ่ายทำออกมาสไตล์หนังเก่า มีซูม มีแพนกล้องอะไรแบบนี้ เช่นเดียวกับวิธีการเล่นก็ชวนให้รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน ในพาร์ทดนตรีประกอบนั้น หลายหนเลยแหละที่คอยชี้นำอย่างโจ่งแจ้ง

อีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนคาดหวังและน่าจะสมหวังก็คือ การฟาดฟันฝีมือการแสดงของสองตัวแม่อย่าง นาตาลี พอร์ตแมน และ จูลีแอนน์ มัวร์ ที่เล่นเอาไว้อย่างดี พร้อมกับ ชาร์ลส์ เมลตัน เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่สอดแทรกมาอยู่ระหว่างกลางความโดดเด่นของดาราทั้งสอง

สำคัญสุด ก็คงเป็นบทหนังที่หยิบหลากมุมมาหลอมรวมเล่าไว้ในหนังเรื่องเดียวกัน ทั้งยังค่อยๆ เปิดเปลือกให้เผยสิ่งที่ถูกปิดซ่อนเรื่อยมาให้เราได้เห็น สำรวจพร้อมตั้งคำถามและท้าทายศีลธรรมในใจผู้ชมไปพร้อมๆ กันว่า คุณจะคิดเห็นเช่นใดกับเรื่องฉาวของคนครอบครัวนี้ หรือพฤติกรรมของดาราที่อยากได้บทท้าทายแต่ไร้ความเห็นใจเช่นนี้

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง