พักจากชีวิตประจำวันก็มาอยู่ในโรงหนังนี่แหละครับสำหรับคนอย่างนายแพท วันนี้ เห็นทีจะเปลี่ยนแนวมาดูหนังเบาสมองเสียบ้าง เดี๋ยวชีวิตจะมีแต่ไซไฟแอ็คชั่นแฟนตาซีเสียหมด เดินเข้าโรงหนังเป็นวันแรกของสัปดาห์แถมเปลี่ยนโรงมาดูหนังที่ SFX เซ็นทรัลแกรนด์ พระราม 9 ห้างที่คุ้นเคยแต่ไม่ค่อยได้ถูกใช้สำหรับรอบสื่อสักเท่าไหร่ วันนี้ได้โอกาสละเมื่อได้มาเจอกับ ‘Love The Cooper’ หรือในชื่อไทย ‘คูเปอร์แฟมิลี่ คริสต์มาสนี้ว้าวุ่น’
ผลงานการกำกับของ Jessie Nelson เจ้าของผลงานกำกับอย่าง ‘I Am Sam’ และเคยเขียนบทให้กับ ‘Stepmom’ แต่นี่คือผลงานการกำกับล่าสุดของเขา ที่ได้ดารามีชื่อมากมายมาร่วมงาน
แล้วก็ได้เวลามานั่งคุยถึงหนังคอมิดี้เบาสมองสำหรับครอบครัวเรื่องนี้กันละ
เรื่องย่อหนัง ‘Love The Coopers’
ช่วงเวลาของเหตุการณ์มันเพียงช่วงสั้นๆ ของเทศกาลแห่งครอบครัวสำหรับคนตะวันตก เทศกาลคริสต์มาส คือช่วงเวลาวันหยุดที่ผู้คนในครอบครัวจะเดินทางกลับมาเจอะเจอกัน ทานข้าว พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน
แต่สำหรับครอบครัวคูเปอร์ส พวกเขาคือครอบครัวใหญ่ของสมาชิกที่ต่างคนต่างรูปแบบต่างสไตล์กันไปแบบคนละทิศคนละทาง
ครอบครัว Coopers มีทั้งคนแก่ที่หลงๆ ลืมๆ สร้างความฮาตึงให้กับทั้งครอบครัวได้ มีทั้งคู่รักวัยปู่ย่าที่อยู่กันมานานแต่เหมือนจะหมดรักกันไปแล้ว แม้แต่ความฝันที่จะไปเที่ยวด้วยกันก็ถูกกลบฝังไว้ยาวนานเป็นสิบๆ ปีหลังมีสมาชิกใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา และพวกเขาตั้งใจจะให้คืนคริสต์มาสผ่านไปก่อนจะเปิดความจริง
มีทั้งคนวัยหนุ่มสาวที่ไม่ใช่แค่ล้มเหลวในชีวิตคู่หากล้มเหลวในชีวิตการงานอีกด้วย ต้องตะลอนหางานใหม่พร้อมๆ กันกับที่ต้องโกหกลูกๆ ว่ายังมีการงานที่ดีอยู่ ขณะที่บางคนก็ผิดหวังในความรักและฝังใจอยู่อย่างนั้น แต่การกลับบ้านก็ทำให้นึกถึงว่าถ้าต้องเจอหน้าแม่แบบเดิมๆ เธอคงรับไม่ได้ จึงตัดสินใจควงหนุ่มทหารเข้าบ้านและเตี๊ยมให้เป็นแฟนกันหลอกๆ
ครอบครัวนี้ช่างหลากหลาย มีทั้งผู้ใหญ่ที่ล้มเหลวในชีวิตรัก แต่ก็มีเด็กวัยหนุ่มสาวที่ยังไม่ประสีประสากับความรักอยู่ด้วยเช่นกัน และทุกคนต่างกำลังกลับมารวมตัวกันในเทศกาลแห่งครอบครัว
เทศกาลที่ทุกคนต่างพูดบอกกันและกันว่า … ‘Merry Christmas’
รีวิวหนัง ‘คูเปอร์แฟมิลี่ คริสต์มาสนี้ว้าวุ่น’
ด้วยความที่หนังเล่าเรื่องราวของสมาชิกมากหน้าหลายตาในครอบครัว Coopers นี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แม้จะเป็นหนังที่อบอุ่นฟีลกู้ดพอดูแต่อาจยังไม่เข้าถึงหัวใจของคนดูมากพอ
ครอบครัวคือที่รวมของคนหลายหลาก
ครอบครัว Coopers ดูเป็นครอบครัวใหญ่พอสมควรเมื่อดูจากจำนวนสมาชิก แต่ก็คงไม่ต่างกันนักกับครอบครัวขนาดเล็ก เพราะย่อมต้องประกอบด้วยคนที่แตกต่างกัน หลายครั้งที่ต่างกันอย่างสุดขั้ว แต่ทุกคนจะมีเหมือนกันคือ ต่างก็มีความทรงจำร่วมกัน มีความผูกพันในด้านในด้านหนึ่งร่วมกัน
แน่นอนว่าความแตกต่างอาจทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน จนบางครั้งทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารหรือในบ้านดูเสียกระบวนไปบ้าง จากวันที่ได้กลับมาพร้อมหน้า กลายเป็นวันที่ระเบิดลงตรงหน้า
อาจมีบางคนที่ล้มเหลวในบางสิ่ง เดินไปไม่เจอกับจุดหมายที่ไว้ หลงทางท้อแท้อยู่กลางทาง แต่ครอบครัวก็ยังคอยฉุดดึงรั้งไว้ไม่ให้หลุดวงโคจร
นั่นคือส่วนหนึ่งของคำว่า ‘ครอบครัว’
อดีตหวนคืนไม่ได้ แต่ระลึกถึงได้
หลายๆ สมาชิกของครอบครัว Coopers มักจะมีช่วงเวลาแฟลชแบ็กกลับไปมองเหตุการณ์ในอดีต เหตุการณ์ที่จะไม่มีวันหวนคืนมา แต่จะอยู่ก็แต่เพียงในความทรงจำ วันที่พวกเขายังเป็นเด็กน้อย อยู่กับโลกที่ไร้เดียงสาและไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าความสุข แต่ความสุขในวัยนั้นช่างหาง่ายดายเหลือเกิน
แตกต่างวันนี้ที่ความสุขอย่างแสนห่างไกล
มันก็คงเหมือนหลายๆ คนที่เราได้เจออยู่รอบๆ ตัวเรา รึอาจจะเป็นเราเองก็ได้ที่พบเจอกันทางตันๆ ชีวิตที่ไม่รู้จะเดินไปทางไหน ซึ่ง ‘Love The Coopers’ ก็เหมือนจะบอกให้เราลองหันกลับมามองตัวเองอีกที เราเคยเปิดใจให้ตัวเองบ้างไหม มองคนรอบข้างบ้างไหม เปิดใจแล้วจิตใจอาจจะดีขึ้น
สิ่งหนึ่งที่หนังอาจกำลังจะบอกกับเราก็อาจจะเป็นแค่เรื่องง่ายๆ โกหกตัวเองอยู่รึเปล่า ลืมมองใครไปหรือไม่ อดีตก็แค่สิ่งที่เคยผ่านมาอาจจะยังอยู่ในตัวเรา
แต่เราก็ยังต้องก้าวต่อไปอยู่ไหม?
เหมือนจะเล่าเยอะไป สุดท้ายไม่อินพอ
ตามสไตล์หนังครอบครัว ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรที่ต้องติกันมากนัก ด้วยว่ามักจะทำกันมาค่อนข้างโอเคทั้งในส่วนความตลกเบาสมอง ซึ่งนักแสดงแต่ละคนต่างก็สอบผ่านกันไปได้ ไม่ว่าจะเป็น John Goodman ในบทของแซม Diane Keaton ในบทของชาร์ล็อต สองคู่สามีภรรยาที่อยู่กันมานานจนถึงวันต้องเลิกรา รวมไปถึงตัวละครประกอบอีกหลายทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่สร้างสีสันเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้เป็นอย่างดี
แต่คนที่น่ารักที่สุดคงเป็น Blake Baumgartner ที่เล่นเป็นหนูน้อยเมดิสัน เธอน่ารักมากจริงๆ
แต่ด้วยบทที่ใช้การสนทนาเป็นหลัก ทำให้หลายครั้งตัวละครก็พูดมากเกิน จนคนตามอ่านซับไตเติลอย่างเราถึงกับสมาธิหลุด เนื้อหาที่พูดกันบางส่วนก็ขาดวิ่นไปทันทีจึงจำเป็นอยู่เองที่ต้องคงสติให้อยู่กับบทสนทนาอย่างมาก แต่ยอมรับว่าหลายฉากก็ทำได้ค่อนข้างดี พาเราอินน้ำตาซึมไปด้วยก็มี
หากเมื่อมองดูรวมๆ แล้ว หลายประเด็นมันไม่ได้ถูกขับเน้นให้เด่นชัด ประกอบกับมันมีหลายๆ ประเด็นเกิน เลยทำให้จับต้องอะไรได้ไม่ค่อยเต็มมือ สุดท้าย อาจกลายเป็นหนังครอบครัวฟีลกู้ดที่ไม่รู้จะติอะไรแต่
ก็ไม่ได้สร้างอะไรให้อยู่ในความทรงจำสักเท่าไร
ชื่อภาพยนตร์: Love The Coopers / คูเปอร์แฟมิลี่ คริสต์มาสนี้ว้าวุ่น
ผู้กำกับภาพยนตร์: Jessie Nelson
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Steven Rogers (screenplay)
นักแสดงนำ: Diane Keaton, John Goodman, Ed Helms, Alex Borstein, Timothée Chalamet, Maxwell Simkins, Blake Baumgartner, Amanda Seyfried, Alan Arkin, Marisa Tomei, Olivia Wilde
ความยาว: 107 นาที
แนว/ประเภท: Comedy
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 24 ธันวาคม 2558
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: CBS Films, Groundswell Productions, Imagine Entertainment, Mongkol Major
คูเปอร์แฟมิลี่ คริสต์มาสนี้ว้าวุ่น
Love The Coopers - 6
6
Love The Coopers
ตามสไตล์หนังครอบครัว ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรที่ต้องติกันมากนัก ด้วยว่ามักจะทำกันมาค่อนข้างโอเคทั้งในส่วนความตลกเบาสมอง ซึ่งนักแสดงแต่ละคนต่างก็สอบผ่านกันไปได้ หากเมื่อมองดูรวมๆ แล้ว หลายประเด็นมันไม่ได้ถูกขับเน้นให้เด่นชัด ประกอบกับมันมีหลายๆ ประเด็นเกิน เลยทำให้จับต้องอะไรได้ไม่ค่อยเต็มมือ สุดท้าย อาจกลายเป็นหนังครอบครัวฟีลกู้ดที่ไม่รู้จะติอะไรแต่ก็ไม่ได้สร้างอะไรให้อยู่ในความทรงจำสักเท่าไร