ถ้าคนเรามีรักที่ดีอยู่แล้วแต่ไม่ยอมรักษา สวรรค์อาจลองกลั่นแกล้งดูให้ได้รู้สำนึก อะไรๆ แบบนั้นถูกหยิบมาบอกเล่ากันอีกครั้งในหนังฝรั่งเศสเรื่องนี้ ‘Love at Second Sight’ เรื่องราวที่เขียนบทเอง-กำกับเองของ อูโก เชแลง เจ้าของผลงานอย่าง ‘Two Is a Family’ และ ‘Just Like Brothers’
อาจจะไม่ผู้กำกับที่คนไทยรู้จักมากนัก ข้อมูลบอกมาว่า อูโก เชแลง กำลังจะอายุครบ 40 ปี เขาเกิดในครอบครัวศิลปิน พ่อของเขาเป็นโปรดิวเซอร์หนัง เขาเปิดบริษัททำหนังและรายการทีวีกับเพื่อนตั้งแต่อายุ 21 ปี เนื่องจากเป็นคนสนุกสนาน เขาจึงสนใจและถนัดหนังตลกเป็นพิเศษ
วันนี้เขากลับมากับหนังที่ยังตลกอยู่เหมือนเดิม แต่ละมุนกว่าทุกๆ ครั้ง
เรื่องย่อหนัง ‘Love at Second Sight’
เรื่องราวของชายผู้ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายเมื่อเขาดันได้ใช้ชีวิตอยู่ในสองโลก เขาชื่อ ราฟาเอล รามิส (François Civil) เขาเป็นนักเขียนนิยายชื่อดัง คบรักกับโอลิเวีย (Joséphine Japy) ตั้งแต่วัยเรียนแล้ววันหนึ่งก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต
แต่ดูเหมือนชีวิตคู่ของทั้งสองจะไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไหร่ หลังๆ เขาสนใจแต่งานของตัวเองจนเริ่มระหองระแหงกับภรรยาสาวนักเปียโน
วันหนึ่ง เขาตื่นมาพบว่าตัวเองอยู่ในโลกคู่ขนาน
ในโลกนั้น เขาไม่ใช่นักเขียนชื่อดังแต่กลับเป็นแค่ครูในโรงเรียนหนึ่ง และในโลกนั้น ภรรยาแสนดีของเขากลับเป็นนักเปียโนชื่อดัง มีการแสดงของตัวเอง เท่านั้นยังไม่พอ โอลิเวียยังไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ทั้งกำลังจะแต่งงานกับชายคนอื่น ทุกสิ่งรอบตัวแปรเปลี่ยนไปทุกอย่าง
เขาจะทำอย่างไรเพื่อให้โอลิเวียกลับมารักเขาอีกครั้ง
รีวิวหนัง ‘Love at Second Sight’
นานเท่าไรแล้วที่เราไม่ได้ดูหนังรอมคอมในโรงหนัง หลังจากการระบาดของไวรัส หลังการห่างหายจากโรงหนัง หลังเริ่มกลับมาฉายหนังในโรงอีกครั้ง แต่หนังแนวนี้ก็ไม่ค่อยได้ลงฉายโรงสักเท่าไร วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่มีหนังฝรั่งเศสเรื่องนี้เข้ามา หนังที่ไม่มีชื่อไทย แต่ชื่ออังกฤษก็แปลได้ความประมาณว่า ‘รักสองพบ’
เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่ถูกโลกคู่ขนานให้บททดสอบว่า หากคนหนึ่งพบเจอคนรักที่ไม่รู้จักตัวเองเลย เขาจะสร้างโอกาสให้เธอรักเขาได้อีกครั้งหรือไม่
หนังรอมคอมที่ส่วนผสมค่อนข้างกลมกลืน
หนังฝรั่งเศสที่เรื่องราวในนั้นไม่ได้แปลกใหม่อะไรมากนัก ดูจะได้แรงบันดาลและหยิบหลายส่วนจากหนังหลายๆ เรื่องมาเคล้ารวมกันอยู่ ทำให้กลายเป็นหนังรักที่มีความแฟนตาซีโลกคู่ขนาน เล่าเรื่องราวของคู่รักที่พลัดพราก ความรักที่หลุดสลายและตัวละครต้องกอบกู้สร้างมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
หนังมีทั้งตัวตลกขโมยซีนอย่างเฟลิกซ์เพื่อนพระเอก (ที่สวมบทบาทโดย Benjamin Lavernhe) เล่าเรื่องของความสัมพันธ์/ชีวิตคู่ได้เข้าใจง่ายและชวนอิน ผ่านภาพที่สวยงาม ดนตรีและเพลงประกอบที่มาในจังหวะที่เหมาะเจาะ
ทำให้มันเป็นหนังรอมคอมฟีลกู้ดที่ผู้ชมจะอินน้ำตาไหลพรากได้อย่างง่ายดาย
และหนังก็ไม่ทิ้งความรอมคอมที่ผูกเอาความแฟนตาซีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ หนังค่อยๆ เล่าดูไม่รีบไม่ร้อน กว่าพระเอกจะรู้ตัวว่าอยู่ในโลกคู่ขนาน กว่าพระเอกจะบอกเพื่อนให้เข้าใจว่าเขากำลังเจอกับอะไรก็ผ่านไปหลายฉากอยู่
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเมื่อเข้าไปดูแล้วจะรู้สึกน่าประทับใจไปเสียทุกส่วน ชอบในการเล่าเรื่องช่วงเริ่มต้นที่ร่ายยาวชีวิตความรักของคู่พระนาง อาจจะดูประดักประเดิดเล็กๆ ในระหว่างทางแต่ดูเป็นช็อตที่ “เออ ก็น่ารักดี” ก่อนจะเดินไปถึงจุดหักเหที่ทำให้รู้สึกว่าฉากนั้นดูจงใจเกินไปหน่อย เหมือนพยายามจะรวบรวมทุกสิ่งมาไว้ในฉากยาวๆ ฉากเดียว เป็นฉากที่ดูกลมกล่อมน้อยที่สุดแล้วในเรื่อง
หนังบอกเล่าเรื่องชีวิตคู่ได้เข้าใจและอินง่ายดี
ชีวิตคู่ของคนที่มีความฝันกันคนละอย่าง คนหนึ่งรักการเขียนนิยาย ขณะที่อีกรักการเล่นเปียโน ในโลกที่ทั้งคู่พบรักและคบกันยืดยาวไปจนแต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ฝ่ายชายกลับประสบความสำเร็จมากกว่าและใช้เวลาไปกับงานโดยไม่ได้สนใส่ใจในฝ่ายหญิง เมื่อเขาไปอยู่อีกโลกหนึ่ง นอกจากกลุ่มเพื่อนที่แตกต่างออกไปแล้ว ชีวิตของคนทั้งคู่ก็แตกต่างไปอย่างชัดเจนด้วย นั่นคือ เขาเป็นแค่ครูในโรงเรียน(ที่ตัวเองมองว่ากระจอก) แต่เธอเป็นนักเปียโนที่มีชื่อเสียง
และในครั้งนี้ที่เขาจะทำให้เธอรักเขานั้น เขาได้กลับมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่เธอทำอย่างจริงจัง อย่างที่เขาควรจะทำมันมากที่สุด เหมือนกับการที่ฟ้าส่งเขามาอยู่ในโลกใหม่นี้
จะเป็นการสั่งสอนให้เขาวางตัวเองให้ถูกให้ควรในการใช้ชีวิตยังไงยังงั้น
สิ่งที่เราจะตะขิดตะขวงใจหน่อยในเหตุการณ์เหล่านี้ก็คือ การที่เขาจะสมหวังกับเธอนั้น มันมีการที่เขาแย่งเธอมาจากคนรักของเธอด้วย แต่ถ้ามองว่ามันคือโลกปกติธรรมดา รักคือการแย่งชิงก็อาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก
พระนางที่เคมีเข้ากันดี และนางเอกก็โคตรสวย
อีกจุดหนึ่งที่น่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หนังออกมางดงามและชวนอิน นั่นก็คงเพราะคู่พระนางที่ดูมีเคมีที่เข้ากันดี หลายๆ ฉากที่เล่นด้วยกันมันเหมือนพวกเขารักกันจริงๆ และทำให้คนดูอยากจะลุ้นให้พวกเขาได้กลับมารักกันอีกครั้งเหลือเกิน
ฉากแรกที่ชวนน้ำตารื้นๆ ก็น่าจะเป็นฉากที่พวกเขาเล่นเปียโนด้วยกัน มันมีความนัยเล็กๆ ที่แฝงอยู่ในนั้นว่า การจะเป็นคนรักหรือการจะเป็นคู่ชีวิต มันต้องมีการสอดประสาน การเดินไปด้วยกันอย่างสอดคล้อง คนหนึ่งกำกับจังหวะ อีกคนกำกับทำนอง
เราไม่อาจเติบโตไปด้วยตัวคนเดียวและทิ้งอีกคนไว้ให้หงอยเหงาเปล่าเปลี่ยว เพราะนั่นไม่ใช่ชีวิตคู่
อาจเป็นหนังรอมคอมที่ทำได้ค่อนข้างกลมกล่อม เดินเรื่องเข้าใจง่าย ใส่ดนตรีและเพลงประกอบมาอย่างเหมาะเจาะ 117 นาทียังดูเร็วเกินไปด้วยซ้ำ
ดูแล้วย้อนกลับมามองตัวเองได้ ครองชีวิตคู่ได้เหมาะเจาะดีหรือยัง?
ชื่อภาพยนตร์: Love at Second Sight / Mon Inconnue
ผู้กำกับภาพยนตร์: อูโก เชแลง/Hugo Gélin
ผู้เขียนบท: อูโก เชแลง/Hugo Gélin
นักแสดงนำ: François Civil, Joséphine Japy, Benjamin Lavernhe
ดนตรีประกอบ: Ambroise Willaume
ความยาว: 117 นาที
ปี: 2019
แนว/ประเภท: Comedy, Drama, Fantasy
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
ประเทศ: ฝรั่งเศส
เรท: ไทย/-, MPAA/
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 24 กันยายน 2020
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Zazi Films, Mars Films, Chapka Films
Mon Inconnue
บทและพล็อต - 7.8
การแสดง - 7.9
เพลง/ดนตรีประกอบ - 7.4
การดำเนินเรื่อง - 7.5
งานภาพ - 7.5
7.6
Love at Second Sight
หนังรอมคอมจากฝรั่งเศสที่รวมเอาความแฟนตาซีเข้ามาไว้ เมื่อชายที่ไม่ใส่ใจคู่ชีวิตเท่าที่ควรต้องมาอยู่ในโลกอีกใบที่เธอไม่ได้รู้จักเขา ประสบความสำเร็จและมีคนควงอยู่แล้ว คนต๊อกต๋อยอย่างเขาต้องทำตัวใหม่และหวังให้เธอกลับมารักเขาอีกครั้ง โอกาสใหม่หนสองในแบบของฝรั่งเศส กลมกล่อมใช้ได้ เพลงประกอบไพเราะ เนื้อหาเดินเรื่องเข้าใจง่ายและชวนอิน