หลังทำเนียบขาวโดนถล่มมาสองครั้งซ้อน หนึ่งในนั้นคือในหนังเรื่อง ‘Olympus Has Fallen’ (2013) เราก็ไม่ได้คาดคิดนักหรอกว่าหนังลักพาตัวประธานาธิบดีอเมริกาจะถูกสานต่อจนมีภาคสอง แต่แล้ววันนี้ก็ได้ไปเห็นด้วยตัวเองว่า มันมีภาคสองแล้วจริงๆ แถมขยายใหญ่ลุกลากไปไกลถึงฝั่งยุโรปอีกต่างหาก หนังเรื่องเปลี่ยนผู้กำกับฯ ก็จริง แต่ทีมนักแสดงก็ยังคงมากันพร้อมหน้าพร้อมตาเช่นเคย
เวลาล่วงเลยผ่านมาเกือบ 3 ปี ก็ได้เวลาที่ภาคต่อจะตามออกมาเข้าฉายในพวกเราได้ชมกัน ‘London Has Fallen ผ่ายุทธการถล่มลอนดอน’ ที่เปลี่ยนจากผู้กำกับฯ Antoine Fuqua ชาวอเมริกัน หันขั้วมาเป็น Babak Najafi ผู้กำกับฯ ชาวอิหร่านกันเลยทีเดียว
แล้วเรื่องราวก็ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
เรื่องย่อหนัง ‘London Has Fallen’
เรื่องราวมันเกิดขึ้นตอนที่ Benjamin Asher (Aaron Eckhart) ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาได้รับจดหมายเชิญจากทางรัฐบาลอังกฤษให้ไปร่วมในพิธีศพของนายกฯ อังกฤษที่จากไปอย่างกะทันหัน ในงานนี้ยังมีผู้นำคนสำคัญของประเทศอีกราว 10 ชาติไปร่วมด้วย โดยไม่ได้รับรู้เลยว่า
นั่นคือการเดินไปสู่กับดักที่ถูกวางเอาไว้อย่างแนบเนียน
ประธานาธิบดีเดินทางไปพร้อมทีมอารักขา ที่นำโดย Mike Banning (Gerard Butler) มือดีและมือเทพที่สุดที่เขาไว้ใจได้ ในครั้งนี้ พวกเขาไม่ระแคะระคายอะไรเลย จนเมื่อไปถึงที่นั่น การเปิดฉากโจมตีทั่วทั่งเมืองได้บังเกิดขึ้น สังหารผู้นำไปหลายชาติ และผู้เหลือรอดคือใครคงเดากันได้ไม่ยาก และพระเอกของเราต้องรักษาความปลอดภัยให้กับผู้นำของตนอย่างถึงขีดสุด แม้ว่ามันจะไม่ได้ง่ายดายเลยก็ตาม
เพราะตัวร้ายของภาคนี้นั้นเขาเก่งมาก
รีวิวหนัง ‘ผ่ายุทธการถล่มลอนดอน’
หลังจากทำเนียบขาวถูกถล่มเสียย่อยยับ คราวนี้ก็ถึงทีกรุงลอนดอนจะโดยขยี้ทั้งเมือง ‘London Has Fallen’ เป็นหนังที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง และเล่าเรื่องไม่ได้เชื่อมโยงอะไรกับภาคก่อนสักเท่าไหร่ จนแทบจะเรียกได้ว่า ไม่ต้องดูภาคแรกก็ไม่ได้เสียหายอะไรเลย
เปลี่ยนผู้กำกับ หนังก็เปลี่ยน
จากคนอเมริกันกลายเป็นคนอิหร่าน แถมตัวร้ายก็ออกไปทางมุสลิม เรื่องราวที่ดูเชิดชูอเมริกันมันเลยดูแปลกดีเมื่อมันมาอยู่ในมือคนอิหร่าน Babak Najafi ผู้กำกับที่เราไม่คุ้นทั้งชื่อและหน้า แต่กลับทำหนังออกมาได้สนุกและบันเทิงอย่างเหลือเชื่อ แต่ก็มีบางเสียงที่แตกออกไป บ้างว่ายังไม่ดีเท่าเก่า แต่บ้างก็ว่าโอเคขึ้นกว่าภาคก่อน
ก็แล้วแต่ใครจะคิดเนอะ
หนังเรื่องนี้ใช้ผู้เขียนบทเปลืองพอดู แต่ละคนก็มาจากคนละชาติคนละภาษา แต่บทของหนังภาคนี้ถือว่าไม่ดูแหม่งๆ เหมือนภาคก่อน อย่างน้อยที่มาที่ไปของเหตุการณ์ก็ดูน่าเชื่อถือขึ้น แม้ว่ามันจะน่าสงสัยอยู่บ้างที่ผู้นำต่างชาติผู้มาเยือนลอนดอนเพื่อร่วมในงานศพของนายกรัฐมนตรีหลายคนต่างชิลล์กันเหลือเกิน เพราะไปอยู่กับคนละที่คนละจุด
เอ้อระเหยไม่ยอมมาร่วมงานสักที
เดาว่าคงเป็นเพราะเขาต้องการให้เรื่องมันมันเดินไปในทางที่ผู้ร้ายทำลายเมืองในหลากหลายจุดทั่วลอนดอน ผู้ร้ายมีเส้นสายและผู้คนทั่วเมืองมากพอจะจัดการก่อเหตุกินพื้นที่บริเวณกว้าง และสามารถที่จะระบุให้บุคคลที่เหลือรอดเป็นใครที่ต้องการก็ได้
หลังจากค่อนข้างใช้เวลาพอสมควรในการปูเรื่อง ก็เริ่มจะเข้มข้นขึ้นในส่วนที่เกี่ยวสถานการณ์ตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้นแต่ก็ยังดูจะไม่หวือหวาอะไรมากนัก จนไปถึงช่วงไคลแม็กซ์ที่เรียกได้ว่า ทำได้บันเทิง สนุก ระทึก และระห่ำมากมายทีเดียว จนภาพรวมของหนังภาคนี้…
สำหรับผมแล้ว มันดูดีกว่าภาคก่อนนะ
ลุ้นระทึกไม่มาก แต่มันระห่ำอย่าบอกใคร
ในภาคนี้ เราอาจจะพบว่า หนังยังคงเดินตามสูตรเดิมนั่นคือ หนึ่ง ประธานาธิบดีจะต้องถูกพาตัว และสอง พระเอกมือดีผู้เก่งกาจเกินคนจะต้องเข้าไปช่วย สิ่งแตกต่างออกไปบ้างก็คงเป็นตัวร้ายที่เปลี่ยนมาเป็นมุสลิม ผู้เคยถูกสั่งสังหารเมื่อสองปีก่อนแล้วกลับมาแก้แค้นอีกครั้งด้วยแผนการอันแยบยลที่หน่วยข่าวกรองใดๆ ก็ไม่สำเหนียก
ในขณะที่พระเอกอย่างแบนนิ่งกลับเก่งกล้าสามารถแถมยังโหดยิ่งกว่าเคยเสียด้วย ‘London Has Fallen’ อาจจะไม่มีช่วงเวลาให้ลุ้นไปกับชะตากรรมของตัวละครฝ่ายดีสักเท่าไหร่ เพราะเน้นหนักไปที่การต่อกรกับตัวร้ายแบบเอามันเสียเยอะ แต่ละฉากที่ใส่เข้ามา บางทีอาจรู้สึกว่าน่าสงสารลูกน้องฝั่งตัวร้ายเสียนี่กระไร ถูกส่งมาให้พระเอกผู้เก่งกาจเชือดเล่นเสียอย่างนั้น
แล้วก็ไม่ใช่แค่พระเอกเท่านั้นที่จะลงมาบู๊ขั้นเทพ ขนาดประธานาธิบดีเองก็มีช่วงบู๊ไม่แพ้กัน จนบางทีก็แอบคิดนะว่า ภาคหน้า แบนนิ่งอาจไม่จำเป็น ประธานาธิบดีอาจลงมาบู๊เองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยก็เป็นได้
ถ้าจะพูดถึงซีจีในเรื่องนี้ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานเดิมที่ ‘Olympus Has Fallen’ ได้ทำไว้ นั่นคือ ซีจีดูไม่เนียนเอาเสียเลย โดยเฉพาะฉากระเบิดที่เห็นจะมุมไกลๆ ทั้งหลาย ขณะที่ฉากของการต่อสู้บนถนนนี่ส่วนใหญ่เป็นเอฟเฟกต์ระเบิดจริงซึ่งก็ค่อนข้างทำได้โอเค แต่ใครจะสนใจเรื่องซีจีกัน ในเมื่อหนังทำให้คนดูสนุกและมันได้ขนาดนี้
แต่หนังสไตล์แมสๆ แบบนี้มีเรื่องที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง นั่นคือ มันมีฉากแอ็คชั่นยิงกันตูมตามด้วยการถ่ายแบบลองเทค กล้องวิ่งตามตัวละครสไตล์เหมือนกับเล่นเกมแอ็คชั่นมันๆ อยู่ มันทำให้หนังที่ตั้งใจทำมาให้คนดูส่วนใหญ่ของโลกได้เห็นว่าหนังเรื่องนี้ก็มีอะไรแปลกใหม่เหมือนกัน แม้ว่ามันจะดูล้นเวอร์เพราะตัวละครเดินหลบห่ากระสุนแบบชิลล์ๆ รู้อย่างนี้ก็คงพอเข้าใจแล้วใช่มั้ยว่า ดูหนังเรื่องไม่ต้องสนใจความสมจริงแต่อย่างใด
แค่มันกับฉากแอ็คชั่นะรเบิดภูเขาเผาปราสาท… ก็บันเทิงมากมายพอแล้ว
ชื่อภาพยนตร์: London Has Fallen / ผ่ายุทธการถล่มลอนดอน
ผู้กำกับภาพยนตร์: Babak Najafi/บาบัค นาจาฟี (Sebbe, Snabba Cash 2)
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Creighton Rothenberger (screenplay), Katrin Benedikt (screenplay)
นักแสดงนำ: Gerard Butler, Morgan Freeman, Angela Bassett, Aaron Eckhart, Radha Mitchell, Alon Aboutboul, Waleed Zuaiter, Adel Bencherif
ความยาว: 99 นาที
แนว/ประเภท: Action, Crime, Thriller
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/น18+, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 3 มีนาคม 2559
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Millennium Films, Gerard Butler Alan Siegel Entertainment, LHF Film
ผ่ายุทธการถล่มลอนดอน
London Has Fallen - 7
7
London Has Fallen
ถ้าจะพูดถึงซีจีในเรื่องนี้ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานเดิมที่ 'Olympus Has Fallen' ได้ทำไว้ นั่นคือ ซีจีดูไม่เนียนเอาเสียเลย โดยเฉพาะฉากระเบิดที่เห็นจะมุมไกลๆ ทั้งหลาย ขณะที่ฉากของการต่อสู้บนถนนนี่ส่วนใหญ่เป็นเอฟเฟกต์ระเบิดจริงซึ่งก็ค่อนข้างทำได้โอเค แต่ใครจะสนใจเรื่องซีจีกัน ในเมื่อหนังทำให้คนดูสนุกและมันได้ขนาดนี้