ภาพยนตร์สไตล์ซูเปอร์ฮีโร่นี่มีมานานมากแล้วนะครับ มีมาก่อนเราจะเกิดกันเสียด้วยซ้ำ แต่การสร้างใหม่หลายหนก็ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่าดีกว่าของเก่า บ้างก็ว่าอีกอย่าง บ้างก็ลุ่มๆ ดอนๆ แต่ก็เอาตัวรอดได้เสมอมาจนมีภาคทิ้งทวนของตัวเองได้สำเร็จ ‘Logan’ เป็นหนึ่งในบรรดาหนังพวกนั้นครับ
ในบรรดาหนัง X-Men นั้น Wolverine นับเป็นตัวละครเด่นที่ประสบความสำเร็จเพราะผู้คนจดจำ โดยเฉพาะคนทั่วโลกจะต้องนึกหน้าของ Hugh Jackman ที่ขนเครารุงรัง แยกเขี้ยว พร้อมกางเอาเหล็กสามอันที่ออกมาจากง่ามมือทั้งสองข้าง ใครเลยจะรู้ว่าเขาใช้ชีวิตกับบทนี้มากว่า 17 ปี มันคงถึงเวลาที่จะทิ้งทวนปิดท้ายการรับบทนี้เสียที
หนังก็เลยจัดช่วงสุดท้ายของวูล์ฟเวอรีนให้เราดูกันซะเลย!
เรื่องย่อหนัง ‘Logan’
เรื่องราวที่เล่าข้ามไปถึงยุคที่มนุษย์กลายพันธุ์แท้จะหมดสิ้นไปจากโลก ที่ยังหลงเหลืออยู่ก็มีแค่เพียง วูล์ฟเวอรีน หรือ โลแกน (Hugh Jackman) ที่พยายามทำตัวกลมกลืนด้วยการเป็นพนักงานขับรถหรูคอยรับส่งคน และปิดบังการมีอยู่ของมนุษย์กลายพันธุ์ในตำนานอีกคนเอาไว้ ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ เซเวียร์ (Patrick Stewart) ที่ชราและมีปัญหาด้านสุขภาพรุมเร้า เขาเริ่มจะเป็นอัลไซเมอร์และควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งยาที่โลแกนหามาให้ ในโกดังร้างแห่งนั้นยังมีมนุษย์กลายพันธุ์อีกหนึ่ง
การหลบซ่อนตัวไม่อาจรอดพ้นจากการถูกติดตามไปได้ เมื่อวันหนึ่งเขาก่อคดีฆ่าคนตาย ภัยร้ายก็กลับเข้ามา มีหญิงสาวมาขอให้เขาช่วย
กับมีกลุ่มคนร้ายติดอาวุธที่ถามเขาถึงผู้หญิงคนดังกล่าว
วูล์ฟเวอรีนในวัยชรา ความสามารถในการฟื้นตัวของร่างกายไม่ดีเท่าเดิม แถมยังติดเหล้างอมแงม ได้พบข่าวเซอร์ไพรซ์ เมื่อได้รู้ความจริงว่าโลกนี้ยังมีมนุษย์กลายพันธุ์รุ่นใหม่ เป็นเด็กสาวนามลอร่า (Dafne Keen) ที่เหมือนกับเขาอย่างมาก และเขาคือคนเดียวที่จะต้องช่วยเหลือให้เธออยู่รอด รอดจากการตามล่าของพวกติดอาวุธเหล่านั้นให้ได้
ภารกิจสุดท้ายที่วูล์ฟเวอรีนจะต้องทำให้สำเร็จ!
รีวิวหนัง ‘โลแกน เดอะวูล์ฟเวอรีน’
นี่มันไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่หนังมนุษย์กลายพันธุ์เอ็กซ์เม็นแบบที่เคยๆ พบมา มันแทบจะไม่มีสเปเชียลเอฟเฟกต์ปล่อยพลังเข้าห้ำหั่นกัน ไม่มีฉากทำลายล้างครั้งใหญ่ ไม่มีพล็อตจับยัดที่หวังจะสร้างให้เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่เล่นใหญ่ มันเหลือแค่หนังซูเปอร์ฮีโร่แก่ๆ ที่กำลังสิ้นหวังในชีวิตเท่านั้น
นี่มันหนังดราม่าของซูเปอร์ฮีโร่ชัดๆ
หนังทำให้เห็นแง่มุมของซูเปอร์ฮีโร่ว่าจริงๆ พวกเขาก็มีความรู้สึกมีจิตใจไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ดั้งเดิมอย่างเราๆ นี่หรอก แม้พวกเขาจะมีพลังพิเศษที่ทำอะไรได้มากและอเมซิงกว่า แต่พวกเขาก็สูญเสียบางอย่างไปเช่นกัน
เราอาจไม่รู้มาก่อนเลยว่าวูล์ฟเวอรีนและมนุษย์กลายพันธุ์ตัวอื่นๆ ไม่ได้มีชีวิตง่ายๆ อาศัยในบ้านกับครอบครัวคนรักเหมือนอย่างพวกเรา พวกเขาไม่เคยมีเวลานอนพักผ่อนบนเตียงนุ่มๆ ไม่เคยนั่งชิล
และน่าจะเป็นไปได้ว่า พวกเขาไม่เคยเป็นพ่อแม่คน
แต่ใน ‘โลแกน เดอะวูล์ฟเวอรีน’ ตัวละครอย่างโลแกนจะได้พบกับทุกสิ่งที่ว่ามาทั้งหมด ผสมเข้ากับความรู้สึกที่ต้องอยู่กับการฆ่ามาตลอด เขาเจ็บปวดและฝันร้ายกับเรื่องพวกนี้มานานเกินจะนึกภาพออกได้
สำหรับคนธรรมดา การเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของใครสักคนก็เป็นตราบาปติดตัวไปจนตายแล้ว แต่มิวแทนต์ต้องฆ่าทั้งที่ไม่ต้องการฆ่า ฆ่าเพราะต้องช่วยเหลือคนอื่น ฆ่าด้วยความจำเป็น พวกเขาจะต้องอดทนกับความเจ็บปวดภายในจิตใจมากแค่ไหน
มากจนไม่อยากมีชีวิตต่อเลยก็ว่าได้แหละมั้ง…
ในวันหนึ่ง วูล์ฟเวอรีนที่กำลังจะดิ้นรนและหลบซ่อนตัวอยู่กับศาสตราจารย์เซเวียร์ ได้พบว่ายังมีเด็กสาวที่เหมือนกับเขามากปรากฏตัวขึ้น ก่อนจะได้รับรู้ว่าเธอเกี่ยวข้องกับเขาอย่างลึกซึ้งแค่ไหน มันก็อาจจะเปลี่ยนใจที่สิ้นหวังให้มีพลังที่จะอยู่ต่อเพื่อใครสักคน
จากไร้เป้าหมายก็กลับกลายเป็นพบเป้าหมายในการมีชีวิต
ไม่เหมือนกับหนัง X-Men ภาคใดที่ได้ดูกันมา
นอกจากวูล์ฟเวอรีนภาคนี้จะไม่เน้นอะไรที่เหนือธรรมชาติมากเกินแล้ว ผกก. เลือกจะใส่ความเรียลลงไปในหนังแฟนตาซีได้อย่างแนบเนียน ทำให้โลกในตอนนั้นเสมือนว่าเคยมีมนุษย์กลายพันธุ์จริงๆ ที่ผ่านช่วงเวลารุ่งโรจน์มาถึงช่วงเวลาโรยรา เหลือจำนวนเพียงน้อยนิดและต้องปิดบังตัวเอง
วูล์ฟเวอรีนรักษาตัวเองได้อยู่แต่ก็ช้าลง มีร่องรอยแผลตามตัวมากมาย เดินก็ยังเป๋ๆ แถมยังติดเหล้า ขณะที่ชาร์ลส์ก็แก่ชราไม่อาจเคลื่อนไหวอะไรได้มากกว่าพูด มนุษย์กลายพันธุ์ที่สมองของเขามีพลังพิเศษสูงมาก กลายเป็นมนุษย์ที่อันตรายเพราะสมองเสื่อม และไม่อาจควบคุมพลังได้อย่างที่ต้องการ
เหตุการณ์ในหนังนั้น ทำให้โลแกนต้องงัดเอาอาวุธในกายมาใช้ฟาดฟันอีกครั้ง ภาพของการต่อสู้นั้นเน้นให้ชัดๆ ฟัน แทง อย่างจะๆ มันจึงรุนแรงระดับที่สตูดิโอต้องเน้นเลยว่าเป็นหนังเรต R
พ่อแม่คงต้องเลือกหน่อยว่าควรจะให้เด็กๆ ดูกันหรือไม่
นอกจากนี้ มนุษย์กลายพันธุ์คนใหม่ยังเป็นเด็กสาว ความลึกลับก็คือ ลอร่ามีความสามารถที่ใกล้เคียงมากกับโลแกน ไม่ต้องบอกก็คงเดาได้ว่าเธอกับเขาต้องมีอะไรร่วมกันสักอย่าง แต่แปลกอยู่หน่อยที่เธอไม่ค่อยจะพูดอังกฤษ ตรงกันข้ามเธอมักจะพ่นแต่สแปนิชออกมา
ที่ขัดใจอยู่บ้างก็คือ มีภาษาสเปนด้วยแต่ซับไม่มีแปลให้
คนไทยคงไม่ทุกคนหรอกที่จะเข้าใจภาษาสเปน ก็ได้แต่เดากันไปได้เพียงบางคำ ยังดีอยู่บ้างที่ลอร่าพูดบางประโยคเป็นภาษาอังกฤษ
มีจุดเริ่มก็ต้องมีจุดจบ
แม้ว่า ‘Logan’ จะดูไม่เหมือนกับหนัง X-Men เรื่องใดๆ ที่เคยได้ดูมา ด้วยลักษณะที่มันเหมือนแอ็คชั่นที่เล่นจริงเจ็บจริงไม่ใช้ตัวแสดงแทนไม่ใช้เอฟเฟกต์อะไรประมาณนั้น คือ ไม่เล่นอภินิหาร ใช้ทักษะการต่อสู้ที่มีเพียงกงเล็บจากกำปั้นทั้งสองข้าง ภาพที่ออกมาก็เรียกว่า “โหดได้ใจ”
แม้แต่ตัวละครเด็กที่มีรหัสว่า X-23 เห็นตัวเล็กๆ ยังเป็นเด็กอยู่ แต่พอโกรธขึ้นมาก็จัดการเสียเรียบ หิ้วหัวที่ขาดมาสดๆ โยนกลิ้งหลุนๆ ให้ตะลึงกันไปตามๆ กัน
รวมถึงหนังยังมีช่วงเวลาพิเศษที่คารวะหนังคาวบอยเลื่องชื่ออย่าง ‘Shane’ (1953) ปรากฏอยู่ด้วย แถมหนังยังมีเรื่องราวประหนึ่งเป็นหนังจีนกำลังภายในเรื่องหนึ่ง
แต่กระนั้น หนังก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ไปกว่านั้น
หลังเดินทางผาดโผนโจนทะยานทว่าก็ระหกระเหินในหนังภาคแยกของตนเองมาหลายปี ก็คงได้เวลาที่วูล์ฟเวอรีน มนุษย์กลายพันธุ์ผู้ถูกดัดแปลงเป็นอาวุธสังหารที่แทบจะคงกระพันด้วยความสามารถในการฟื้นฟูตัว จะได้พบกับบทสรุปเสียที
ถือเป็นเรื่องดีที่สตูดิโอยอมให้ James Mangold สร้างสรรค์ตำนานบทสุดท้ายของโลแกน ผ่านลีลา หน้าตา และการแสดงของ Hugh Jackman ที่ประกาศจะไม่รับบทนี้อีกแล้ว แถมยังปรับหน้าตาให้หนังซูเปอร์ฮีโร่ภาคสุดท้ายให้กลายเป็นแอ็คชั่นดราม่าที่โหดสุดติ่ง
โดยเฉพาะช่วงดราม่าที่อาจมากกว่าหนึ่งหน แต่มีหนเดียวที่ทำเอาผู้ชมอย่างผมน้ำตานองหน้า
…หนังซูเปอร์ฮีโร่อะไรมันจะดราม่าขนาดนี้เนี่ย!
ชื่อภาพยนตร์: Logan / โลแกน เดอะวูล์ฟเวอรีน
ผู้กำกับภาพยนตร์: James Mangold
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: James Mangold (story by), Scott Frank (screenplay)
นักแสดงนำ: Hugh Jackman, Patrick Stewart, Dafne Keen, Stephen Merchant, Boyd Holbrook
ดนตรีประกอบ: Marco Beltrami
แนว/ประเภท: Action, Drama, Sci-Fi, Thriller
ความยาว: 137 นาที
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/, USA/R
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 2 มีนาคม 2017
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Donners’ Company, Kinberg Genre, Marvel Entertainment
โลแกน เดอะวูล์ฟเวอรีน
Logan - 8.1
8.1
Logan (2017)
หลังเดินทางผาดโผนโจนทะยานทว่าก็ระหกระเหินในหนังภาคแยกของตนเองมาหลายปี ก็คงได้เวลาที่วูล์ฟเวอรีน มนุษย์กลายพันธุ์ผู้ถูกดัดแปลงเป็นอาวุธสังหารที่แทบจะคงกระพันด้วยความสามารถในการฟื้นฟูตัว จะได้พบกับบทสรุปเสียที ถือเป็นเรื่องดีที่สตูดิโอยอมให้ James Mangold สร้างสรรค์ตำนานบทสุดท้ายของโลแกน ผ่านลีลา หน้าตา และการแสดงของ Hugh Jackman ที่ประกาศจะไม่รับบทนี้อีกแล้ว แถมยังปรับหน้าตาให้หนังซูเปอร์ฮีโร่ภาคสุดท้ายให้กลายเป็นแอ็คชั่นดราม่าที่โหดสุดติ่ง
1 คอมเมนต์