หนังเรื่องนี้ถูกสร้างมาหลายหนมาก หลายคนอาจจะได้เคยดูหนังจากนิยายเรื่องนี้ในเวอร์ชั่นเก่าก่อน เวอร์ชั่นปี 1994 น่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่คนนึกถึงมากที่สุดเป็นแน่ ถ้ามีโอกาสจะหามาดูเสียหน่อย แต่วันนี้ ได้ดูแล้วครับ หนังเรื่องแรกของปีที่ยอมรับโดยดีกว่าอยากดูมากที่สุด ‘Little Women’ หรือชื่อไทย ‘สี่ดรุณี’ นั่นแหละครับ
ด้วยการรวมเอาดาราสาว 4 คนมาเล่นเป็นพี่น้องกัน บวกด้วยอีกหนึ่งหนุ่มหล่อที่เล่นเป็นคนบ้านใกล้ที่ทำหัวใจสาวบ้านนี้มีปัญหา ยังมีดารารุ่นใหญ่ที่ใครๆ ก็รู้จักมาร่วมเล่นด้วยอีก ผลงานการเขียนบทและกำกับของ Greta Gerwig ผู้มีผลงานอย่าง ‘Lady Bird’ ค่อยช่วยการันตี
แต่ดูๆ ไปแล้ว เหมือนเธอจะทำงานดีขึ้นเรื่อยๆ นะ
เรื่องย่อหนัง ‘Little Women’
มันเรื่องราวที่ธรรมดาๆ ของครอบครัวที่ไม่เล็กไม่ใหญ่นักครอบครัวหนึ่ง ในช่วงเวลาแห่งสงคราม ผู้พ่อไปอยู่ช่วยรบ ทิ้งไว้แต่ผู้หญิงห้าคนในบ้านหลังนั้น สี่ศรีพี่น้องหญิงล้วนแห่งครอบครัวมาร์ช เม็ก (Emma Watson) โจ (Saoirse Ronan จาก ‘Hanna’, ‘Lady Bird’) เอมี่ (Florence Pugh) และ เบธ (Eliza Scanlen) กับแม่มาร์มี (Laura Dern) ในยุคหนึ่งที่ผู้หญิงยังมิได้มีเสรีภาพอะไรมากนัก แถมสังคมของพวกเธอยังตัดสินคุณค่าของผู้หญิงที่การแต่งงานเสียอีกนี่สิ
สาวทั้งสี่ล้วนมีความเก่งและความชอบที่แตกต่างกันไป ไม่เท่านั้น พวกเธอเองก็ยังมีความคิดและความเชื่อที่แตกต่างกันด้วย
โดยเฉพาะที่เธอค่อนข้างเด็ดเดี่ยว เธอไม่มองว่าตัวเองนั้นจะต้องแต่งงานกับชายสักคนเหมือนขนบที่ใครๆ เขาเป็นกัน ทั้งเธอยังรักที่จะเขียนนิยายที่ไม่ค่อยเป็นไปตามสิ่งที่สำนักพิมพ์อยากได้อยากให้เป็น
นอกจากสาวๆ แล้วก็ยังมีหนุ่มข้างบนอย่างลอรี่ (Timothée Chalamet) ที่ทำให้หัวใจของสาวบ้านนี่ต้องมีปัญหา
ว่าแต่เรื่องราวของพี่น้องทั้งสี่สาวจะเป็นยังไงต่อไปนะ ต้องเข้าไปดูหนังแล้วสิ
รีวิวหนัง ‘สี่ดรุณี’
แค่เริ่มต้นที่ได้รู้ว่าจะมีหนังเรื่องนี้ ก็รู้สึกตื่นเต้นแล้วที่จะได้ดู ด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น การที่หนังนำนิยายสุดคลาสสิคของลุยซา เมย์ อัลคอตต์ มาดัดแปลงใหม่ การที่หนังกำกับโดย Greta Gerwig ที่ผันตัวมากำกับหนังและสร้างผลงานน่าประทับใจอย่าง ‘Lady Bird’ ไป หรือการที่หนังมีหวานใจอย่าง Emma Watson และ Saoirse Ronan ร่วมแสดงนำ ทำให้ยิ่งเป็นหนังที่น่าดูมากขึ้นไปอีก
ไม่พอ มันยังเป็นหนังที่รีเมกหนังเก่าที่เคยคิดไว้ว่าอยากจะหามาดู แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้มีโอกาสนั้นสักที นี่คงเป็นโอกาสที่จะได้เสพเรื่องราวในแบบฉบับปี 2019 ถ้ามีโอกาสคงได้ไปเสพของเก่านั่นอีกที
ในโลกที่ผู้หญิงยังถูกกดให้อยู่ในกรอบ ก็จะมีผู้หญิงบางคนที่พยายามจะออกมาจากกรอบใบนั้น แต่หญิงสี่คนนี้อาจเป็นตัวแทนทางความคิดต่อกรอบอันนั้น โจ อาจเป็นหญิงที่มีความคิดแข็งกร้าวมากที่สุด เธอรักในการเป็นนักเขียน เธอจึงพยายามจะเขียนนิยายที่ไม่ใช่สิ่งที่สำนึกพิมพ์หรือตลาดต้องการ เธอไม่ต้องการเขียนให้ตอนจบของตัวละครหญิงทุกเรื่องต้องแต่งงาน รวมทั้งตัวเธอเองก็ไม่ต้องการจะแต่งงานด้วย แต่เธอกลับเป็นคนที่รักพี่น้องเป็นที่สุด ทุกสิ่งที่ทำเธอจะทำเพื่อพี่น้องของเธอเสมอ
และบทๆ นี้ Saoirse Ronan ก็เล่นเอาไว้ได้ดีเหลือเกิน
ผมว่าเธอดูจะได้อิทธิพลทางความคิดมาจากป้ามาร์ช (Meryl Streep) หญิงผู้ร่ำรวยและไม่แต่งงานนะ
เม็ก พี่สาวของเธอกลับมีความคิดที่แตกต่าง เธอมีความรักให้กับครูจนๆ คนหนึ่งที่ก็รักเธอมากเช่นกัน แม้เธอจะรักในอาชีพการแสดงแต่เธอมุ่งมั่นใฝ่ฝันจะมีชีวิตคู่ที่ดี สิ่งที่เธอเลือกต้องแลกมากับการต้องแบกหน้าไปเจอใครๆ ด้วยชุดเดิมๆ คำพูดที่เธอพูดกับโจไว้น่าจะเป็นไดอะล็อกที่ผู้คนจะจดจำ
“เพียงเพราะความฝันของพี่ไม่ได้เป็นแบบเดียวกับเธอไม่ได้ทำให้มันไม่สำคัญ”
บทของเม็กที่สวมโดย Emma Watson อาจจะไม่ได้ดูโดดเด่นนักแต่สำหรับผม มองว่าเธอสวยมากในทุกฉากที่เธอปรากฏในหนัง แม้เธอจะไม่ได้สู้เพื่อแสวงหาความแตกต่างแปลกใหม่หรือหลุดออกไปจากกรอบ แต่เธอก็เป็นตัวแทนของคนที่พยายามทำหน้าที่ของภรรยาและแม่ของลูกๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม
มาถึงเอมี่บ้าง เธอคนน้องมีพรสวรรค์ด้านการวาดรูปนะ แต่ดูเหมือนเธอไม่ค่อยรุ่งสักเท่าไหร่จนถอดใจไปหลายต่อหลายที อาจจะขี้เอาแต่ใจไปสักนิด อาจกลายคาแรกเตอร์ที่ดูน่ารำคาญไปสักหน่อย และ Florence Pugh ก็สวมบทบาทเอาไว้ได้โดยที่ไม่ได้ดูน่ารำคาญหากยังดูน่ารักไปพร้อมกันด้วย
ส่วนเบธ เธอเป็นสาวเรียบร้อยอ่อนหวานที่มีความสามารถด้านการเล่นเปียโน แต่เป็นผู้หญิงที่น่าสงสารเพราะโรคบางอย่างรุมเร้าตั้งแต่เธอยังเป็นสาว เธอไม่มีโอกาสได้พบเจอความรักแต่ดนตรีทำให้เธอได้พบกับคุณปู่ข้างบ้านผู้ร่ำรวยที่มีความหลังกับเครื่องดนตรีชิ้นนี้ Eliza Scanlen สวมบทบาทนั้น สาวน้อยผู้อยู่หลังเปียโนในบ้านหลังใหญ่ที่เธอได้รับอนุญาตให้เข้าไปเล่นได้ตลอดเวลา
ส่วนตัวแล้วผมชอบมากมายกับบทของเบธที่แม้จะรู้สึกว่าไม่มากไม่มายเท่าพี่น้องคนอื่นๆ แต่เพลงคลาสิกต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้นั้นไพเราะและเป็นตัวบ่งบอกอารมณ์ที่ซับซ้อนได้ดีอย่างยิ่ง
หลายช็อตที่น้ำตาไหลเป็นทางก็เพราะบทเพลงที่เล่นด้วยเปียโนตัวเดียว
นี่คือการดัดแปลงนิยายให้กลายเป็นหนังได้อย่างละเมียด ทุกพาร์ทต่างโดดเด่นใกล้เคียงกันไปหมด ทั้งกลุ่มนักแสดงที่จัดแต่คนดีๆ สวยๆ เก่งๆ กันมาเพียบจอ หรือบทหนังที่ปรับแต่งให้เข้ากับยุคสมัย สำหรับผมนั้น ชื่นชอบในบทบาทของเบธมากที่สุดในเรื่อง อาจเพราะเป็นตัวละครที่รักในเสียงดนตรีไม่ต่างอะไรกับตัวผม อีกทั้งเพลงที่ใช้เล่นก็สื่อความรู้สึกได้ลึกซึ้งโดนใจเอามากๆ ส่วนดนตรีประกอบในฉากอื่นก็นับได้ว่าล้วนประณีตทั้งสิ้น พอๆ กับฉากย้อนยุค เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ล้วนทำได้ดีหมดทั้งสิ้น
แม้การดำเนินเรื่องจะเป็นการสลับล้อกันไประหว่างอดีตกับปัจจุบัน อาจจะมีบางช่วงที่ทำเราสับสนไปบ้าง หากแต่ความละเมียดในการบอกเล่า บทสนทนาสื่อความรู้สึก การแสดงที่เข้าถึง ดนตรีประกอบสุดไพเราะที่ช่วยส่งเสริมอารมณ์
ที่น่าสนใจก็คือการเล่าเรื่องของหนังที่เหมือนเป็นหนังซ้อนหนัง หนังที่เล่าเรื่องที่มาที่ไปของหนังสือเล่มหนึ่ง ที่เกิดขึ้นมาจากเรื่องราวของครอบครัวๆ หนึ่ง เรื่องราวของสี่พี่น้องที่ต่างแนวความคิด อัดแน่นรวมอยู่ในหนังสือเล่มหนึ่ง ที่สุดท้ายมันกลายหนังที่ชักชวนให้รู้สึกอิ่มเอมแก่คนรักหนังสือ
เรื่องราวของสี่พี่น้องก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาที่ดูไม่น่าสนใจ แต่เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดานี่แหละเราจึงเข้าถึงมันได้โดยง่าย และเรื่องธรรมดาเช่นนี้เมื่อถูกนำมาเล่า
มันจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญยังไงล่ะ
ชื่อภาพยนตร์: Little Women / สี่ดรุณี
ผู้กำกับภาพยนตร์: Greta Gerwig
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Greta Gerwig
นักแสดง: Saoirse Ronan, Emma Watson, Florence Pugh, Eliza Scanlen, Laura Dern, Timothée Chalamet
แนว/ประเภท: Drama, Romance
ความยาว: 135 นาที
อัตราส่วนภาพ: 1.85 : 1
ปี: 2019
เรท: ไทย/, MPAA/PG
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 9 มกราคม 2020
ผู้สร้าง/ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย: Columbia Pictures, Instinctual VFX, New Regency Pictures
สี่ดรุณี
พล็อตและบท - 9.1
การแสดง - 9.3
เพลง/ดนตรีประกอบ - 9.5
การดำเนินเรื่อง - 8.9
งานภาพ - 9
9.2
หนังแนะนำ
ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายดังเวอร์ชั่นล่าสุด เรื่องราวของสี่พี่น้องก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาที่ดูไม่น่าสนใจ แต่เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดานี่แหละเราจึงเข้าถึงมันได้โดยง่าย และเรื่องธรรมดาเช่นนี้เมื่อถูกนำมาเล่า มันจึงกลายเรื่องสำคัญ