นับว่าบล็อกนี้ห่างหายจากการหยิบหนังไทยมาเล่าสู่กันฟังได้พักใหญ่แล้วนะครับ วันนี้ ดูจะเป็นโอกาสที่ได้ดูหนังไทยอีกครั้ง กับผลงานที่เรียกได้ว่าชักชวนให้สนใจอยากจะได้ดู อยากรู้ว่างานหนังที่ออกจะดูโบราณแต่แต่งแต้มด้วยสีสันแบบปัจจุบันของ ผกก. อย่าง ก้องเกียรติ โขมศิริ จะออกมาเป็นยังไง ก็เลยไปดู ‘ขุนแผน ฟ้าฟื้น’ ด้วยตาตัวเอง
เป็นการกลับมาเล่นหนังที่เล่าเรื่องด้วยสไตล์ไทยย้อนยุคอีกครั้งของ มาริโอ้ เมาเร่อ เท่านั้นยังไม่พอ มันยังเป็นหนังที่ใช้เพียงสภาพบ้านเมืองในยุคนั้นเป็นพื้นหลัง แต่ว่า การพูดการจา และเรื่องราวมันออกจะผิดยุค ไม่ต่างมากนักกับตอนที่มาริโอ้เล่นเรื่อง พี่มากพระโขนง เอาไว้
แต่ครั้งขุนแผนสร้างสีสันเฉพาะตัวให้เกิดหนังของตัวเอง
เรื่องย่อหนัง ‘ขุนแผน ฟ้าฟื้น’
เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อเมืองยูท่าห์ หรือ อยู่ท่า(น้ำ) มีชายไทยชื่อแก้ว (มาริโอ้ เมาเร่อ) ผู้จดจำอดีตของตนมิได้ จำพ่อของตนเองมิได้ ได้แต่ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกกบฏ ชีวิตของเขาไม่มีคำว่าทาส ไม่มีคำว่าไพร่ เป็นชีวิตที่ต้องระหกระเหินไปมา จนวันหนึ่ง เขาก็ได้พบว่า (ต๊อก ศุภกรณ์) หมอเวทคนสำคัญที่เห็นแววในตัวแก้ว จึงชักพามาพร่ำวิชาอาคมให้
แม้ตัวมันจะมิรู้ว่าชีวิตนี้หามีจุดหมายใดไม่ หากแก้วมันมิได้พานพบ พิม (ฟ้า ยงวรี) หญิงงามที่เป็นเพื่อนกับมันมาแต่เล็กแต่น้อย แต่มันกลับจำอะไรเกี่ยวกับเธอไม่ได้ แต่กลับจำได้เพียงว่า
“นางสวย ข้าชอบข้า” ก็เท่านั้น
แต่ไม่แค่นั้นหรอก แก้วยังได้พบเพื่อนอีกคน ช้าง (ณัทธนพล ทินโรจน์/ฟิลลิป เดอะเฟซเมน) ที่เติบโตด้วยกันมา ทั้งคู่ได้สมัครเข้าเป็นทหารและได้พบว่า เมืองยูท่าห์กำลังประสบเคราะห์กรรมเมื่อมีวายร้ายตาเดียวกำลังแทรกซึมเพื่อก่อการบางอย่าง
งานนี้ แก้วและช้างจะต้องร่วมกันเพื่อกำจัดเสี้ยนหนามของแผ่นดิน เพื่อนรักที่ต้องฟาดฟันกันด้วยเพราะรักหญิงคนเดียวกันอีกด้วย
แล้วเหตุการณ์จะเป็นเช่นไร ติดตามในโรงหนังใกล้หรือไกลบ้าน… ก็แล้วแต่คุณ
รีวิวหนัง ‘ขุนแผน ฟ้าฟื้น’
อันที่จริง ตัวอย่างหนังก็มีบางช็อตที่ไม่ได้อยู่ในหนัง มันคงมีการตัดไปตัดมากันหลายรอบนั่นแหละ
ไทยโบราณสายพันธุ์ใหม่ ใส่ CG พาโรดี้ไปทั่ว!
แว้บแรกที่หนังเปิดเรื่องขึ้นมา ตื่นตะลึงในซีจีของหนังเรื่องนี้ยิ่งนัก มิใช่เพราะด้วยความคมเนียนของมันหรอก เป็นหนังที่จัดเต็มเทคนิคพิเศษเสียนี่กระไร แทรกซึมไปแทบจะตลอดเรื่อง
มุมมองของภาพและดนตรีประกอบนี่ชวนให้นึกไปถึงซีรีส์ดังเรื่องหนึ่งซะจริงๆ
แล้วมันก็ไม่ใช่แค่นั้นหรอก เมื่อดูไปเรื่อยๆ ทั้งเรื่องนี้นี่ใช้แรงบันดาลมาจากหนังหลายต่อหลายเรื่องจนแทบเรียกได้ว่าเป็นหนังสไตล์ parody คือตั้งใจจะล้อเลียนฉากสำคัญ สไตล์ เทคนิคพิเศษ และโดยเฉพาะดนตรีประกอบ หลายฉากหลายช็อตนี่ดูรู้เลยว่าเขาตั้งใจจะล้อเลียน และมันก็ทำให้ต้องนั่งฮาว่าเขา “ทำไปได้”
พื้นหลังดูโบราณ แต่จิกกัดสังคมปัจจุบัน
วิถีทางในการเดินเรื่องนั้นให้ความรู้สึกว่าหนังมีความ “กาว” มากตั้งแต่ต้นยันท้ายเรื่อง ไปให้สุดในลู่ทางของตนเอง
เป็นหนังที่เล่าเรื่องอดีต บ้านเมืองที่ยังใช้ดาบรบพุ่งกัน มีคาถาอาคมและใช้มันขับเคลื่อน แต่หนังก็สาดใส่มุกล้อเลียนสังคมปัจจุบันอยู่ไม่น้อย เล่นเอาฮาไปหลายดอก มันก็เรื่องจริงทั้งนั้น
ทั้งวิธีพูดก็ดูสมัยใหม่ การละเล่น เพลงประกอบ อะไรๆ ก็ดูไม่ใช่ของยุคนั้นเลยสักนิด แต่กลับเป็นหนังที่ถูกจริตเพราะความที่มันขัดแย้งกัน มันเลยดูแปลกตา เคล้าไปกับการล้อเลียนทุกสิ่ง และหยิบเอาวรรณคดีไทยมาเติมต่อจนคนดูอย่างผมนั้น ระหว่างดูแทบไม่ทันคิดว่านี่เขาเล่าเรื่องขุนช้างขุนแผนแดนสุพรรณกันอยู่
วรรณคดีไทยที่ตีความเสียใหม่
ด้วยความที่ไม่อยากจะแตะประวัติศาสตร์มากนัก คิดว่างั้น เขาเลยเปลี่ยนชื่อเมืองเสียง ทั้งๆ ที่เราก็รู้กันอยู่ว่านี่มันคือเมืองไทย แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ออกแบบเสียใหม่ให้ดูคล้ายว่าโบราณ
เมืองนี้กำลังจะมีงานเอ็กซ์โป งานใหญ่ยักษ์ที่กำลังจะมีคนก่อกวนด้วยการแทรกซึมเข้ามา ประจวบเหมาะพอดีกับที่สองตัวเอกอย่าง แก้ว-ช้าง เข้าไปเป็นทหาร
แต่ในระหว่างนั้น แก้วก็ได้ฝึกวิชาอาคมกับอาจารย์คนหนึ่งด้วย มันจึงกลายเป็นคนเถื่อนที่ทำได้มากกว่าต่อสู้แลฟันดาบ ส่วนเหตุผลของการเป็นทหารของมันก็เพื่อค้นหาอดีต ค้นหาพ่อของมันที่จดจำไม่ได้ รู้เพียงพ่อเป็นกบฏจากคำบอกเล่าของใครหลายคน แก้วยังจดจำคำอาจารย์ที่สั่งสอนมันไว้ได้เป็นอย่างดี
มันไม่สำคัญหรอกว่าพ่อเจ้าจะเป็นใคร มันอยู่ที่เจ้าเป็นใครมากกว่า
เมื่อมันและช้างต้องเจอกับศัตรูตัวฉกาจ ต่างก็ร่วมกันฝ่าฟันต่อสู้ หากอีกด้านของความสัมพันธ์ ทั้งคู่ต่างก็เป็นคู่แข่งในเชิงความรัก ด้วยพิมคือคนที่มันรักร่วมกันแต่ก็ขัดแย้งกับความเป็นเพื่อนที่ต้องทำเพื่อกัน เรื่องราวมันแฟนตาซีเพราะมีพ่อมดหมอผีเข้ามาเกี่ยวข้อง มีคาถาอาคม
และที่สำคัญก็คือการล้อเลียนหนังและซีรีส์เรื่องอื่นๆ นี่แหละ
ยังมีปัญหาอยู่บ้างในบางส่วน
ไม่ใช่ว่าหนังเรื่องนี้จะดีไปเสียทุกอย่าง เพราะบางจุดก็ยังรู้สึกไม่ชอบใจ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อแต่ละฉากที่ดูไม่แนบเนียน บางฉากก็ทิ้งไว้ยาวทั้งที่น่าจะกระชับกว่านี้ได้ บางช็อตที่ยังรู้สึกไม่ดีพอราวกับยังไม่ถึงขั้นแต่จำต้องเอาแล้วล่ะ อะไรประมาณนี้ และก็พบบางฉากว่าทำให้รู้สึก “อิหยังวะ?” ก็ได้แต่ปล่อยผ่านมันไปเพราะส่วนอื่นก็ชวนบันเทิงไปได้หมด หนังค่อนข้างยาวแต่ก็ไม่ได้มีช่วงน่าเบื่อแต่อย่างใด
การเลือกมาริโอ้มาเล่นบทนี้น่าจะด้วยเพราะคาแรกเตอร์ของชายผู้เคยเล่นเป็นบทพระเอกในยุคอโยธาที่มีทีท่าทะเล้นได้ ชวนคนฮาได้ อะไรประมาณนี้
หากจะถามว่าผมชอบอะไรบ้างจากหนังเรื่องนี้ ผมชอบในไอเดียการเล่า ใส่ความกาวเข้ามาทุกมิติของการเล่า เอาเรื่องจริงในสังคมยุคปัจจุบันมาจิกกัด ล้อเลียนหนังและซีรีส์เรื่องอื่นๆ แบบเอาฮา เทคนิคภาพใส่มาเยอะมากแม้ไม่เนียนแต่ก็รู้ถึงความพยายามและความทะเยอะทะยาน เล่าวรรณคดีไทยในมุมมองใหม่ไปไกลจนแทบจำไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องในวรรณคดี นางเอกก็สวยแบบไทยมีเสน่ห์ชวนมองยิ่ง พาร์ทโรแมนติกก็ทำได้ดีชวนอินได้ประมาณหนึ่งเลยทีเดียว เรื่องราวที่ดำเนินไปอย่างมีชั้นเชิงในการเล่าพอสมควร บางสิ่งที่ชวนสงสัยจะค่อยคลี่คลายปมให้รู้กันทีหลัง
นอกจากนี้ ผมยังพบอีกด้วยว่า เรื่องราวบางส่วนยังคงหลงเหลือและมากพอจะสร้างภาคต่อออกมาได้อีก
หนังมีฉากแถมช่วงเอนด์เครดิตด้วยนะ อย่าเพิ่งรีบลุกไปฉี่
ชื่อภาพยนตร์: ขุนแผน ฟ้าฟื้น / Khun Phaen Begins
ผู้กำกับภาพยนตร์: ก้องเกียรติ โขมศิริ
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: ก้องเกียรติ โขมศิริ, ทรงพล วงษ์คนดี, มนชยา พานิชย์สาส์น
นักแสดงนำ: มาริโอ้ เมาเร่อ, ฟิลลิปส์ ทินโรจน์, ฟ้า ยงวรี, ต๊อก ศุภกรณ์, เจด-แองเจลิน่า, ปราโมทย์ แสงศร, น้องรถบัส – ภคพล, โจเซฟ-ศิริณัฎร์, หรั่ง-อภิวิชท์, โมนีค-มณีชญา
ความยาว: 138 นาที
ปี: 2019
แนว/ประเภท: Action, Comedy, Romance
อัตราส่วนภาพ:
เรท: ไทย/น13+, MPAA/
ประเทศ: ไทย
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 10 ตุลาคม 2562
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: M Pictures
ขุนแผน ฟ้าฟื้น
พล็อตและบท - 7.3
การแสดง - 6.9
เพลง/ดนตรีประกอบ - 6.4
การดำเนินเรื่อง - 7.8
งานภาพ - 7.3
7.1
Khunphaen Fahfuen
หนังไทยที่ใช้พื้นหลังเป็นบ้านเรือนยุคอโยธยา แต่จิกกัดสังคมปัจจุบันไม่พอ ยังเล่นใหญ่ใส่ซีจีและพาโรดี้หนังซีรีส์ชาวบ้านเขาไปทั่ว วรรณคดีไทยที่จับมือเขียนใหม่จนแทบจำไม่ได้ว่าคือขุนแผนเมืองสุพรรณ แฟนตาซีมาก แถมยังตลกมากด้วย แม้บางฉากจะดูอิหยังวะ แต่โดยรวมคือบันเทิงมากเพ่!