รีวิวหนัง Jojo Rabbit ต่ายน้อยโจโจ้ | ยุวชนนาซีเสียดสีฮิตเลอร์

จากการมีชื่อเข้าชิง 6 รางวัลออสการ์ปีล่าสุด หนังเรื่องนี้คว้ามาได้เพียง 1 รางวัล แต่นั่นก็มีค่าเพียงพอให้ลุกออกจากบ้านไปดูหนังเรื่องนี้แล้วล่ะ โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นผลงานการเขียนบท กำกับ และแสดงของผู้ชายที่ชื่อ Taika Waititi และได้รับในสาขา Best Adapted Screenplay จากเวทีออสการ์ ใช่แล้ว หนังเรื่องนี้ชื่อ ‘Jojo Rabbit’ หรือ ‘ต่ายน้อยโจโจ้’ ในชื่อไทย

หนังที่ว่าด้วยเรื่องของสงคราม แต่ไม่ได้อ้างอิงจากเรื่องจริงแบบหนังที่เล่าเรื่องสงครามโลกแต่อย่างใด แต่แต่งเติมเสริมใส่ความจิกกัดให้ฮิตเลอร์ผู้ล่วงลับไปแล้วให้ต้องเจ็บแสบๆ คันๆ ด้วยลีลาการเล่าที่แซ่บถึงใจ

ว่าแล้วก็ได้เวลาไปทำความรู้จักหนังเรื่องนี้กันละครับ

เรื่องย่อหนัง ‘Jojo Rabbit’

เจ้าหนูโจโจ้ (Roman Griffin Davis) เด็กน้อยวัยสิบขวบที่เติบโตมาในยุคสมัยแห่งลัทธิความเป็นนาซีรุ่งเรืองในช่วงเวลาที่สงครามโลกยังคงระอุ ความเกลียดชังในชนชาติยิวถูกปลูกฝังจนฝังหัว ทุกวันเขาต้องเข้าเรียนและฝึกอะไรก็ตามที่จะทำให้เขากลายเป็นทหารที่รักชาติสุดชีวิต

แต่เขามีเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวคือ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (ที่แสดงโดย Taika Waititi ผู้เขียนบทและผู้กำกับ)

เขาอยู่อาศัยกับแม่โรซี่ (Scarlett Johansson จาก ‘Marriage Story’, ‘Avengers: Endgame’ และ ‘Ghost in the Shell’) เพียงสองคนในบ้านเพราะผู้เป็นพ่อยังรบอยู่ในสงคราม แต่วันหนึ่ง โจโจ้ กลับได้พบว่าพื้นที่ลับในบ้านตัวเองนั้นซุกซ่อนยิวสาวคนหนึ่งเอาไว้ เอลซ่า (Thomasin McKenzie จาก ‘The King’, ‘Leave No Trace’ และ ‘The Hobbit: The Battle of the Five Armies’) คือชื่อของเธอคนนั้น

จากความเกลียดยิวแบบฝังหัว กับการได้รู้จักกับยิวตัวเป็นๆ ในบ้านจะเปลี่ยนความคิดเขาไปอย่างไรกันนะ

รีวิวหนัง ‘ต่ายน้อยโจโจ้’

ความโดดเด่นของหนังเรื่องนี้มันมีหลายอย่างจริงๆ นะครับ เรื่องราวของโจโจ้เด็กชายชาวเยอรมันในครอบครัวที่พ่อหายไปอยู่ในสงคราม จึงต้องอาศัยอยู่กับแม่แต่ก็กลับได้พบว่าที่บ้านตัวเองมีหญิงสาวชาวยิวแอบอาศัยอยู่ โจโจ้คงสับสนอยู่ในใจ ในเมื่อแม่ที่ดูจะพยายามผลักดันให้เขาเดินหน้าไปตามวิถีแห่งนาซี

แต่กลับเลือกช่วยเหลือชาวยิวที่หมิ่นเหม่ยิ่ง

มันไม่ใช่หนังที่สร้างจะส่วนเสี้ยวของเหตุการณ์จริง แต่เลือกใช้เหตุการณ์โดยรวมที่เคยเกิดขึ้นมาผูกสร้างเรื่องราว เล่าผ่านตัวละครทั้งที่เป็นคนและทั้งที่เป็นจินตนาการ ใส่ความล้อเลียนจิกกันเชิงเย้ยหยันได้เจ็บแสบ โดยเฉพาะกับ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ที่กลายมาเป็นเพื่อนในจินตนาการของเด็กน้อยโจโจ้ ผู้ซึ่งไม่ได้มีจิตวิญญาณนักฆ่าใดๆ อยู่จนถูกตั้งฉายาล้อเลียน

หนังหยิบมุมเล็กมุมน้อยมาขยี้ทั้งในบทพูดและในการกระทำ ดูหนังแล้วก็นึกไปถึงเรื่องจริง เหตุการณ์ล้างสมองเด็กให้คิดเหมือนผู้ใหญ่โดยที่พวกเขายังไม่มีประสบการณ์มากพอ พวกเขาก็ย่อมจะเชื่อตาม ต่อเมื่อวันหนึ่งเขาได้พบเจอเหตุการณ์อะไรมากขึ้น พวกเขาก็จะมีมุมมองของตัวเองและรับรู้ได้ว่าที่ผ่านมา ที่ถูกปั่นหัวมาตลอดนั้น มันยังจริงอยู่หรือไม่และตัดสินใจได้ควรทำเช่นไร

ความโดดเด่นของ ต่ายน้อยโจโจ้ นั้นมิได้หยุดอยู่แค่บทหนังที่ทำออกได้น่าชื่นชม หากมันยังโดดเด่นในอีกหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น…

งานถ่ายภาพ ย้อมสีได้ดูเก่าสมกับช่วงเวลาของหนัง แถมการจัดองประกอบภาพยังดีมากมาก การแสดงก็ยอดเยี่ยม เมื่อทุกคนพร้อมใจกันขับเอาพลังของตนออกมาฟาดฟันกันอย่างไม่ยอมน้อยหน้าใคร ความไหลลื่นและสมบทบาทยิ่งทำให้เรื่องราวดูมีพลัง ผสานกันไปกับเพลงประกอบที่แตกต่างหลากหลายส่งเสริมอารมณ์ให้เต็มอิ่ม

ภาพของสงครามที่มีเด็กอยู่ในนั้นนี่สร้างความสะเทือนใจกับผมมาก

น้ำตาหลั่งไหลรินเป็นทางยาวเพราะมันสะเทือนใจยิ่ง เด็กน้อยต้องเผชิญกับความโหดร้ายที่เขาไม่อาจทนรับได้ไหว เยาวชนที่ควรจะได้พบสิ่งดีที่จะสร้างให้เขาได้เติบโต อาจไม่พร้อมจะรับสิ่งเหล่านี้

ความหนังล้อเลียนเสียดสีเผด็จการที่ล้างสมองความเยาว์วัยของโลกใบนี้ สดุดีบทที่แสนคมคาย การแสดงที่ไร้ที่ติ องค์ประกอบที่แจ่มจรัส สะเทือนใจน้ำตาไหลอาบแก้ม ภาพของความรุนแรงแห่งสงครามที่มีเด็กอยู่ในนั้น คือความน่ารัก ตลกและความเย้ยหยันที่แสนรันทด

ยินดีเทใจให้กับหนังที่บอกเล่าความรู้สึกเลวร้ายของสงครามที่สะเทือนใจยิ่งเลยครับ

ชื่อภาพยนตร์: Jojo Rabbit / ต่ายน้อยโจโจ้
ผู้กำกับ:  Taika Waititi
ผู้เขียนบท: Taika Waititi (screenplay), Christine Leunens (novel)
นักแสดง: Roman Griffin Davis, Thomasin McKenzie, Scarlett Johansson, Taika Waititi, Sam Rockwell, Rebel Wilson, Alfie Allen, Archie Yates
ความยาว: 108 นาที
แนว/ประเภท: Comedy, Drama, War
อัตราส่วนภาพ: 1.85 : 1
ดนตรีประกอบ: Michael Giacchino
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 12 มีนาคม 2563
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: TSG Entertainment, Piki Films, Defender Films