บัดนี้ ได้เวลาของ ‘John Wick: Chapter 3 – Parabellum’ หรือ ‘จอห์น วิค แรงกว่านรก 3’ ที่หลายคนรอคอยแล้วล่ะครับ เมื่อผมได้โอกาสชมภาพยนตร์ภาคที่สามของหนังแอ็กชันพันธุ์ระห่ำดุดิบถึงใจเรื่องนี้
ในภาคแรก ‘John Wick’ หนังแนะนำให้เรารู้จักกับชายผมยาวประคอ เคราดกดำ นามว่า “จอห์น วิค” กับเรื่องราวที่แรกเริ่มก็ไม่ได้เล่าอะไรมากนักนอกจากชายผู้ซึ่งออกจากวงการนักฆ่า ทว่าต้องมาเสียภรรยา แถมหมาที่เธอทิ้งไว้ต่างหน้าก็ต้องมาถูกคนใจโฉดฆ่า สิ่งที่ตามมาคือการล้างแค้น ก่อนเรื่องราวจะลุกลามในภาคต่อมา ‘John Wick Chapter 2’ มีตัวละครเพิ่มเข้ามา
และแนะนำให้เรารู้จักจักรวาลแห่งจอห์น วิค
เรื่องย่อหนัง ‘John Wick Chapter 3’
ต่อเนื่องกันทันทีทันควัน เมื่อ จอห์น วิค (Keanu Reeves จาก ‘The Matrix’ ทั้งสามภาค , ‘Speed’ และ ’47 Ronin’) ไปก่อเรื่องไว้ในภาคก่อน ด้วยการแหกกฎของคอนติเนนตัลจนเจอดี คราวนี้ใครก็ต้องตามล่าฆ่ากุดหัวมัน
แม้จะมีเวลา 1 ชั่วโมงด้วยความช่วยเหลือของวินสตัน (Ian McShane จากหนัง ‘Jack the Giant Slayer’) ให้เขาได้มีเวลาหลบหนี แต่เพราะค่าหัวระดับ 14 ล้านใครๆ ก็มองตาเป็นมัน เดินไปทางไหนก็มีแต่คนรู้จัก
และพร้อมล่าฆ่าเอาเงินรางวัล!
ในภาคนี้ เราก็ยังจะได้พบกับตัวละครสำคัญที่พบเจอในภาคก่อนอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ราชาบาวเวอรี่ (Laurence Fishburne จาก ‘The Matrix’ ทั้งสามภาค และล่าสุด ‘Ant-Man and the Wasp’) หรือจะเป็นชารอน (Lance Reddick จากหนังเรื่อง ‘White House Down’) ชายรีเซ็ปชันของคอนติเนนตัลผู้แสนสุภาพ
เสริมทัพด้วย โซเฟีย (Hally Berry จากหนังเรื่อง ‘X-Men: Days of Future Past’) สาวผู้รักหมาผู้ที่จอห์นเคยรู้จักมาก่อน, ซีโร่ (Mark Dacascos จากซีรีส์เรื่อง ‘Hawaii Five-0’) นักฆ่าฝีมือฉกาจ อีกทั้งยังมี ตุลาการ (Asia Kate Dillon จากซีรีส์ ‘Orange Is the New Black’) แล้วก็ยังมี เดอะไดเรกเตอร์ (Anjelica Huston จากเรื่อง ‘Isle of Dogs’)
คนเหล่านี้เกี่ยวข้องยังไงกับจอห์น วิค คงเล่ามิได้ ต้องไปดูเอาเอง
รีวิวหนัง ‘จอห์น วิค แรงกว่านรก 3’
ในตัวอย่าง เราอาจจะพบเห็นคำว่า “ตัดหางปล่อยวัด” ซึ่งนั่นก็ดูจะตรงกับความจริงที่จอห์น วิค ต้องเจอะเจอในหนัง แต่เมื่อไปดูในโรงคำๆ นี้ถูกแทนที่ด้วยคำว่า “อัปเปหิ” เป็นคำที่แทบไม่เคยได้ยินสักเท่าไหร่ แต่มันสั้นและดูแรงกว่า
‘จอห์น วิค แรงกว่านรก 3’ เปิดเรื่องมาก็เล่าต่อกันทันทีทันใด โจนาธานผู้วิ่งไปกับหมากลางสายฝน เขากำลังจะถูกรุมทึ้งรอบด้านด้วยค่าตัวมหาศาล 14 ล้านเหรียญ แน่นอนว่าภาคนี้ ได้เจอฉากบู๊แอ็กชั่นสุดดิบในหลากหลายโลเกชั่นแน่ๆ
สิ่งสำคัญที่มองเห็นก็คือ โจนาธานในวันนี้ไม่ได้เสียหมา เพราะหมาตัวล่าสุดยังมีชีวิตอยู่กับเขา แต่สิ่งที่เรายังเห็นต่อเนื่องมาก็คือ เขาเป็นชายผู้ซึ่งไม่เคยมีเวลาจะกิน แต่ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ต่อสู้กับคนโน้นคนนี้ไม่มีหยุดหย่อน สะบักสะบอมจนเดินแทบเดินไม่ไหว เก่งกาจเหนือใครทำได้ทุกอย่าง ทั้งขับรถ ขี่ม้า ขี่มอเตอร์ไซค์ รักหมา รักเมีย รักรถ รู้เรื่องปืนชนิดลึกซึ้ง ครบครันด้วยศิลปะป้องกันตัว จะมือเปล่า หรือใช้ดาบ ทั้งยิงปืนก็แม่นยิ่งกว่าตัวประกอบทุกตัว
แถมอะไรอยู่ใกล้ๆ ก็สามารถหยิบจับมาเป็นอาวุธได้หมด
ใครจะคิดว่า โครงเรื่องที่เกิดจากหมาตัวเดียวจะพาลากมาได้ไกลถึงเพียงนี้ เพิ่มนู่นเพิ่มนี่จนกลายเป็นจักรวาลของจอห์น วิค ที่ซ้อนทับโลกจริงเอาไว้ จากแค่นิวยอร์ก ก็พาเราข้ามไปไกลหลายประเทศ ทำให้เราได้รู้จักโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลอันเป็นดังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่จะไม่มีการทำงานฆ่าแกงกันในนั้น ทว่ามันไม่ได้มีอยู่เดียว มันมีอยู่ในประเทศอื่นด้วย
ทำให้เรารู้จักกับตราเลือด และตราต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างสังคมในอีกรูปแบบหนึ่ง มีตุลาการ (The Adjudicator) ผู้ตัดสินทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง แล้วก็ยังมีอะไรอีกหลายๆ อย่างไม่ได้มีอยู่ในโลกจริง แต่เขาช่างสรรหาเอามาเติม
ยอมรับเลยว่า การออกแบบซีนแอ็กชั่นช่วงครึ่งแรกนี่ชวนอึ้งมาก ทั้งดิบ หวาดเสียว ทั้งมันสะใจ ระคนกันจนแบบ โห เอางี้เลยนะ เรียกได้ว่ากะ ‘เอาให้สุด’ จริงๆ ช่างสรรหาโลเกชั่นและสถานการณ์ใหม่ๆ มากำนัลคนดูเสียเหลือเกิน พระเอกก็เราก็ฉกาจยิ่ง เอาชนะได้ทุกรูปแบบแม้จะเสียเลือดไปบ้างแต่ก็แสดงให้เห็นว่า เก่งรอบด้านหาตัวจับยากจริงๆ
ภาคนี้ อาจไม่ค่อยมีฉากไล่ล่าบนถนนเท่าภาคก่อน สิ่งที่มาแทนคือ ฉากต่อสู้ตัวต่อตัวแบบยาวๆ นี่แหละ
แต่พอผ่านไปถึงครึ่งหลัง กลับรู้สึกว่าหนังมีความหย่อนคล้อยไปพอสมควร ด้วยการเล่าที่ไม่ชอบตื่นตาเท่าเดิม กับฉากบู๊ที่เนิ่นนานแต่ไม่ได้ชวนอึ้ง มันและเสียวไส้เท่าตอนแรก กับพล็อตบางส่วนที่ไม่ชวนให้เข้าใจและคล้อยตามตัวละคร ทำให้เหมือนถูกทิ้งอยู่กลางทางในบางส่วน
เราจึงว่า ภาคแรกนั้นแม้จะไร้ซึ่งความลึก มีบางฉากชวนตะขิดตะขวงแต่ก็กลมกล่อมมากพอ ขณะที่ภาคสองเหมือนเอาหนังสองเรื่องมาเรียงต่อกัน ยาวไปนิดแต่ฉากที่ชวนตะขิดตะขวงแบบภาคแรกก็หดหายไป ภาคที่สามเหมือนความพยายามจะทำให้ใกล้เคียงภาคก่อน และเติมแต่งสิ่งใหม่เข้าไป ทว่า ยังไม่กลมกล่อมเท่า
…เท่านั้นเอง
ชื่อภาพยนตร์: John Wick: Chapter 3 – Parabellum / จอห์น วิค แรงกว่านรก 3
ผู้กำกับภาพยนตร์: Chad Stahelski
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Derek Kolstad, Shay Hatten
นักแสดงนำ: Keanu Reeves, Halle Berry, Ian McShane, Laurence Fishburne, Asia Kate Dillon, Lance Reddick
ความยาว: 130 นาที
ปี: 2019
แนว/ประเภท: Action, Crime, Thriller
อัตราส่วนภาพ: 2.39 : 1
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
เรท: ไทย/, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 16 พฤษภาคม 2562
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Summit Entertainment, 87Eleven, Lionsgate
จอห์น วิค แรงกว่านรก 3
พล็อตและบท - 6
แอ๊กชันมันระห่ำ - 8
การแสดง - 7
ดนตรีประกอบ - 7
การดำเนินเรื่อง - 7
7
John Wick: Chapter 3 - Parabellum
การออกแบบซีนแอ็กชั่นช่วงครึ่งแรกนี่ชวนอึ้งมาก ทั้งดิบ หวาดเสียว ทั้งมันสะใจ ช่างสรรหาโลเกชั่นและสถานการณ์ใหม่ๆ มากำนัลคนดูเสียเหลือเกิน แต่พอผ่านไปถึงครึ่งหลัง กลับรู้สึกว่าหนังดร็อปลงไป ทั้งการเล่าเรื่องที่ชวนสงสัยในความคิดตัวละคร ทั้งฉากแอ็กชันยาวๆ ที่ไม่มันสะใจเท่าครึ่งแรก และแน่นอน มันยังไม่จบแค่นี้
