หนังญี่ปุ่นคงเป็นหนังสายพันธุ์หนึ่งที่ค่อนข้างถูกจริตกับผม แม้หลายคนมักบ่นว่ามันช้าเนิบ แต่หลายครั้งมันดีจนถึงขั้นร่ำไห้ได้จริงๆ วันนี้ผมลองพาตัวเองมาพบกับหนังญี่ปุ่นอีกเรื่องที่แตกต่างออกไป ‘Japanese Girls Never Die’ หนังที่ Yu Aoi กลับมารับบทนำครั้งแรกในรอบ 7 ปี
เธอเคยแสดงนำในซีรีส์ร้านอาหารญี่ปุ่นอย่าง ‘Osen’ เคยเล่นหนังอย่าง ‘Hula Girl’ และ ‘Hana & Alice’ แม้ว่าจะมีอายุมากขึ้นแต่ก็ยังคงน่ารักอยู่
รู้แค่นี้ก็ตื่นเต้นอยากจะดูกันแล้วช่ายม้าย?
เรื่องย่อหนัง ‘Japanese Girls Never Die’
มันเกิดอะไรขึ้นในเมืองที่เราก็ไม่รู้ว่าเมืองอะไร รู้แต่เพียงว่า มีป้ายตามหาฮารุโกะ อาซุมิ (ยู อาโออิ) ติดอยู่เต็มไปหมด และต่อมาก็มีป้ายที่ใช้สีสเปรย์พ่นตามกำแพงไปทั่ว ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน
ฮารุโกะ อาซุมิ เธอเป็นคนสวยแต่ก็ยังคงเป็นสาวโสด มีชีวิตมาจนถึงวัย 27 แล้ว แต่ก็ยังไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะคบกันจนถึงขั้นตบแต่งกัน และต้องนกไปโดยตลอด นั่นคือสิ่งที่เรารู้ก่อนที่เธอจะหายตัวลึกลับ
นอกจากการหายตัวไปของเธอส่งผลให้เกิดกระแสพ่นกราฟิตี้โปสเตอร์ตามหาเธอไปทั่วเมืองจนกลายเป็นไวรัล ก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น เมื่อมีเหตุกลุ่มวัยรุ่นหญิงที่ทำร้ายผู้ชายที่เดินคนเดียวยามค่ำคืนจนบาดเจ็บสาหัส เป็นการเอาคืนที่ผู้ชายหักอกผู้หญิง เรื่องราวในหนังจะบ่งบอกเราถึงสาเหตุของเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะการหายไปของฮารุโกะ!
รีวิวหนัง ‘โมเอะ ไม่เคยตาย’
จะว่าไป นี่มันไม่เชิงจะเป็นหนัง Comedy ได้สักเท่าไหร่เลยนะ เพราะเพียงเริ่มเรื่องไปไม่นาน ก็รู้สึกได้เลยว่าหนังเล่นสับและสลับไทม์ไลน์ซะไม่มีชิ้นดี ชนิดที่ยิ่งดูก็ยิ่งใช้พลังงานสมองมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะข้อมูลที่ได้รับมาจะไม่มีอะไรสมบูรณ์สักอย่าง ขาดวิ่นจนแทบจับต้นชนปลายไม่ถูก แม้ว่าจะพอจับต้องเรื่องราวได้พอจางๆ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนมากพอ
และต้องปะติดปะต่อเช่นนี้ไปจนฉากสุดท้ายของเรื่อง…
ผมว่าหลายคนน่าจะเป็นเหมือนผมคือ หนังจบ เดินออกมายังมึนๆ อยู่เลยว่า ฉากนั้นคืออะไร ฉากนี้จริงๆ มันอยู่ตรงไหน มันเชื่อมกับฉากนั้นยังไง มันจะเหลือจุดเล็กจุดน้อยที่สมองยังประกอบภาพรวมไม่เสร็จ และอาจต้องใช้เพื่อนร่วมชมเป็นตัวช่วยอีกที
ข้อความหลังจากนี้อาจจะดูสปอยล์ไปบ้าง มันก็อาจจะจำเป็นเพราะด้วยตัวการดำเนินเรื่องแล้ว การหยิบอะไรมาพูดถึงมันก็พร้อมจะกลายเป็นสปอยล์ไปได้ในทันที
จะเห็นว่าตัวอย่างเองก็เล่นประเด็นชักชวนให้พวกเราสงสัย เกิดอะไรขึ้นกับสาวสวยอย่างฮารุโกะ เกิดอะไรขึ้นกับไวรัลกราฟิตี้ที่ตามหาตัวเธอ และมันเกี่ยวอะไรกับการที่มีกลุ่มเกิร์ลแก๊งออกมาอาละวาดทำร้ายผู้ชาย
แต่เมื่อเราไปดูหนังจริงๆ ก็จะพบว่ามันมีนัยยะของการระบายอารมณ์อยู่พอตัว น่าจะเกี่ยวด้วยในสังคมญี่ปุ่นยังคงมีแนวคิดที่มองว่าผู้ชายคือผู้นำ และผู้หญิงกลายเป็นทาสหรือผู้รับใช้ ความรู้สึกถูกกดขี่ทำให้ผู้หญิงต้องการแสดงออกบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการรวมแก๊งกันออกมาทำร้ายผู้ชายด้วยเหตุผลว่าพวกเขาหักอกผู้หญิง โดยเฉพาะการหายไปตัวไปจนเกิดการประกาศตามหาตัวของฮารุโกะ
ก็ดูจะเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกเหล่านั้นด้วย
การอยู่ในสังคมที่กลายเป็นคนรับใช้คนเดียวในบ้านเพียงเพราะเป็นลูกผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน การกลายเป็นลูกน้องที่เงินเดือนแสนน้อยในบริษัทเล็กๆ ที่เจ้านายเอาแต่สำราญ ชี้นิ้วสั่ง และเอาแต่จิกกัดความเป็นหญิงที่หาแฟนรึสามีไม่ได้สักที
สังคมที่ผลักให้ผู้หญิงต้องรีบหาแฟน ใครไม่มีเหมือนจะกลายเป็นตราบาป ทั้งนี้ การจะเดินเรื่องด้วยไทม์ไลน์ปกติ มันคงทำให้ ‘โมเอะไม่เคยตาย’ ดูเป็นหนังปลดปล่อยและสะใจการแก้แค้นเอาคืนธรรมดาๆ เรื่องหนึ่ง มันจึงตัดต่อมาในรูปแบบที่สลับไทม์ไลน์กันจนคนดูต้องใช้สมาธิและสมองในการจะดูให้รู้เรื่องอย่างสุดๆ
ฟังดูเหมือนการดูหนังในรูปแบบที่ว่ามาน่าจะไม่บันเทิงเท่าที่ควร
ทว่า ‘โมเอะ ไม่เคยตาย’ ก็พยายามที่จะเซอร์วิสผู้ชมมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการเอานำ ยู อาโออิ (ที่น่ารักมากโดยเฉพาะเมื่อหลายปีก่อน) มาเจอกับ มิตสึกิ ทาคาฮาตะ (ที่เป็นดาวรุ่งมาแรงที่สุดในปี 2016) รวมด้วยตัวละครสาวๆ ญี่ปุ่นที่พกพาความโมเอะมากำนัลคนดู หนังยังมีหนุ่มๆ อีกหลายคนรวมทั้ง โชโนะ ฮายามะ (จาก ‘The World of Kanako’) ที่มาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ด้วย แม้โดยรวม หนังจะค่อนข้างโอเค ไม่ได้ถึงกับน่าประทับใจเท่าไหร่ แต่เพลงประกอบตอนเครดิตจบของหนัง
ผมยอมรับเลยว่าชอบ มันเพราะมากจริงๆ
ชื่อภาพยนตร์: Japanese Girls Never Die / โมเอะ ไม่เคยตาย / Haruko Azumi Is Missing
ผู้กำกับภาพยนตร์: Daigo Matsui
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Mariko Yamauchi (based on the novel), Misaki Setoyama (screenplay)
นักแสดงนำ: Yû Aoi, Mitsuki Takahata, Shôno Hayama, Ryo Kase
ดนตรีประกอบ:
แนว/ประเภท: Comedy, Drama
ความยาว: 101 นาที
อัตราส่วนภาพ:
เรท: ไทย/น15+, USA/
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 9 มีนาคม 2560
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Fukuoka Broadcasting System (FBS), Itoh Company, The Klockworx
โมเอะ ไม่เคยตาย
Japanese Girls Never Die - 6
6
Japanese Girls Never Die
การจะเดินเรื่องด้วยไทม์ไลน์ปกติ มันคงทำให้ 'โมเอะไม่เคยตาย' ดูเป็นหนังปลดปล่อยและสะใจการแก้แค้นเอาคืนธรรมดาๆ เรื่องหนึ่ง มันจึงตัดต่อมาในรูปแบบที่สลับไทม์ไลน์กันจนคนดูต้องใช้สมาธิและสมองในการจะดูให้รู้เรื่องอย่างสุดๆ ฟังดูเหมือนการดูหนังในรูปแบบที่ว่ามาน่าจะไม่บันเทิงเท่าที่ควร