โอกาสพิเศษ 100 ปีของสตูดิโอภาพยนตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ก่อให้เกิดโปรเจกต์ฉลองเป็นหนังหนึ่งเรื่องที่กลายมาเป็นหนึ่งปรากฏการณ์สำคัญในวงการหนังของประเทศญี่ปุ่น ‘It’s a Flickering Life’ ชื่อไทย ‘แด่ภาพยนตร์ที่ฉันรัก’ คือหนังเรื่องนั้น หนังที่สร้างขึ้นมาในโอกาสฉลอง โชจิกุ (Shochiku) ที่เริ่มต้นจากกิจการคณะละครคาบูกิในปี 1895 ก่อนจะผันตัวมาลุยธุรกิจภาพยนตร์ในปี 1920 สร้างหนังคลาสสิกระดับขึ้นหิ้งมามากกว่า 500 เรื่อง
ภาพยนตร์นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อสดุดีเวทีแห่งภาพยนตร์ พวกเขานำเรื่องราวจากหนังสือของ Maha Harada มาดัดแปลงเป็นบทหนัง และได้ โยจิ ยามาดะ (มือเขียนบทและกำกับหนังชุด ‘Tora-san’) เป็นผู้กำกับ เรื่องราวของชายผู้เคยคลั่งไคล้ไหลหลงการสร้างหนัง แต่กลับไม่เคยทำมันได้สำเร็จ และลงเอยด้วยการเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ไม่เอาไหน แต่หนังและครอบครัวจะช่วยให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อีกครั้ง
ได้เวลาไปดูหนังญี่ปุ่นดีๆ อีกเรื่องกันแล้วล่ะครับ
เรื่องย่อหนัง ‘It’s a Flickering Life’
ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่ง ที่ประกอบไปด้วย โก (เคนจิ ซาวาดะ จากหนังเรื่อง ‘The Man Who Stole the Sun’) พ่อที่วันๆ เอาแต่เล่นการพนันจนติดหนี้นอกระบบ เขามีภรรยาผู้แสนดีอย่าง โยชิโกะ (โนบุโกะ มิยาโมโต้ จากหนังเรื่อง ‘The Tale of The Princess Kaguya’ และ ‘BL Metamorphosis’) ที่ไม่ว่าโกจะทำอะไรก็ไม่เคยดุว่า แต่กลับเป็นอายูมิ (Terajima Shinobu) ลูกสาวของเขาเสียอีกที่ลุกขึ้นมาจัดการกับพ่อของตน ด้วยการยึดเอารายได้ทั้งหมดมาใช้เพื่อชำระหนี้ และส่งให้เขากลับไปอยู่กับโรงหนังที่เคยเป็นทั้งความฝันและความสุขในวัยหนุ่มของโก
ผลพวงนั้น ทำให้โกได้พบกับเพื่อนเก่า หนังเก่า และความทรงจำในอดีตก็ผุดขึ้นมา
หนังพาเราไปพบกับโก (Masaki Suda/มาซากิ สุดะ จากหนังเรื่อง ‘Cube’, ‘Death Note: Light Up The New World’) และโยชิโกะ (Mei Nagano/เมอิ นากาโนะ จากหนังเรื่อง ‘Peach Girl’, ‘Daytime Shooting Star’, ‘PARKS’) ในวัยหนุ่มสาว ทั้งยังได้พบกับ เทระชิน (Yojiro Noda/โยจิโร่ โนดะ นักร้องหนุ่มมาดเซอร์จากวง Radwimps) เพื่อนเก่าแก่ผู้หลงรักภาพยนตร์อย่างสุดหัวใจ
รีวิวหนัง ‘แด่ภาพยนตร์ที่ฉันรัก’
นี่เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 92 แล้วของผู้กำกับอายุครบ 90 ปี นาม Yoji Yamada/โยจิ ยามาดะ คนนี้ และเมื่อจุดประสงค์ของหนังต้องการสดุดีเวทีแห่งภาพยนตร์ มันจึงต้องเล่าเรื่องราวของคนในวงการหนังที่เคยเดินอยู่ในช่วงเวลาที่วงการหนังของญี่ปุ่นกำลังรุ่งเรืองเฟื่องฟู เรียกได้ว่าเป็นยุคทองเลยทีเดียว
หนังเล่าเรื่องของ โก ชายชราที่วันๆ เอาแต่ติดพนันจนมีแต่หนี้ ทั้งยังกินเหล้า วันๆ ไม่ทำอะไร โดยให้เหตุผลว่ามันคือการหนี แท้จริง เขาคือชายที่มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง เอาแต่คิดว่าการพนันมันคือการหลบหนีจากชีวิตอันน่ารันทดของตน ทั้งที่ในอดีต เขาคือชายหนุ่มผู้มีไฟฝัน รักในการเขียนบทหนัง และใฝ่ฝันอยากจะมีหนังของตนเอง เขาเคยช่วยกำกับหนังเสียด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่การดูหนังก็ดูจะเป็นการหนีที่สร้างสรรค์กว่า แต่เขาอยู่มาได้อย่างไร
เหตุใดหนุ่มอนาคตไกล ถึงกลายเป็นผีพนันไปได้?
จนเมื่อลูกสาวที่ใกล้จะตกงานอยู่รอมร่อเพราะบริษัทเลิกจ้าง พอเห็นว่ามีคนมาทวงหนี้พ่อ เธอจึงไม่ยอมที่จะเป็นคนชำระหนี้แทน จึงได้คิดมาตรการขั้นเด็ดขาดขึ้นมาควบคุมเพื่อหวังให้พ่อของตนเปลี่ยนแปลงตัว บีบให้เงินทุกบานทุกสตางค์ที่พ่อได้มาต้องถูกเอาไปใช้หนี้ทั้งหมด และกิจกรรมที่พ่อจะทำได้นั้นก็เหลือเพียงอย่างเดียว นั่นคือ การดูหนังในโรงหนังของเพื่อนเก่าอย่าง เทระชิน
จากนั้น เรื่องราวของโกและโยชิโกะก็พร่างพรูออกมาให้ผู้ชมได้เห็น ความมีชีวิตชีวาของโกในสมัยนั้น หนุ่มนักฝันที่มีพรสวรรค์ด้านการเขียนบท เขาทำงานอยู่ในโรงถ่ายหนัง โชจิกุ (Shochiku) จนสนิทสนมกับทั้งนางเอกชื่อดัง และโยชิโกะที่สมัยนั้นทำร้านอาหารอยู่ใกล้กับกองถ่าย
หนังเล่าเรื่องราวของความฝันที่สะดุดล้มกลางทางของคนรักหนังคนหนึ่ง ส่องสะท้อนให้เห็นว่า มีบางคนที่พยายามจะเดินในเส้นทางสายนี้ แต่ยังไม่ทันจะฉายแสงก็ดับลงไปเสียก่อนแล้ว หนังพาไปพบกับบรรยากาศการสร้างหนังในญี่ปุ่นยุคเก่า ได้เห็นการทำงานตั้งแต่ขั้นตอนการคิดเขียนบท ไปจนถึงการกำกับ การแสดงและการถ่ายทำ นอกจากนี้ ก็ยังเล่าเรื่องรักสามเส้าเคล้าผสมไปกับการเดินทางตามความฝันของคนกลุ่มหนึ่งด้วย
ระหว่างทาง หนังพยายามจะเก็บเอาเหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นสอดแทรกเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬา หรือว่าโรคโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วญี่ปุ่น
ไม่พอ มันยังเล่าเรื่องของครอบครัวที่ต้องเดือดร้อนเพราะการหนีความจริงของพ่อ ได้ลูกสาวที่ต้องออกโรงมาจัดการ ชีวิตของคนที่อับเฉาจนติดเหล้าติดการพนันที่ถูกครอบครัวโอบอุ้ม ชักพาคนที่หลงทางให้หวนกลับสู่เส้นทางที่เขาทำหล่นหาย ลงท้ายได้ซึ้งน้ำตาไหลได้ตามเคย
ภาพยนตร์เรื่องนี้ มีชื่อญี่ปุ่นว่า ‘キネマの神様’ ซึ่งมีความหมายว่า ‘เทพเจ้าแห่งภาพยนตร์’ อันเป็นชื่อหนังที่โกเขียนบทขึ้นมานั่นเอง
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | It’s a Flickering Life / แด่ภาพยนตร์ที่ฉันรัก / キネマの神様 |
กำกับ | Yoji Yamada/โยจิ ยามาดะ |
เขียนบท | Yuzo Asahara, Yoji Yamada |
แสดงนำ | Kenji Sawada, Masaki Suda, Mei Nagano, Nobuko Miyamoto, Keiko Kitagawa, Yojiro Noda, Lily Franky |
แนว/ประเภท | Drama |
เรท | |
ความยาว | 125 นาที |
ปี | 2021 |
ประเทศ | ญี่ปุ่น |
เข้าฉายในไทย | 12 พฤษภาคม 2022 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Kinema no Kamisama Film Partners, Shochiku, M Pictures |
แด่ภาพยนตร์ที่ฉันรัก
พล็อตและบท - 8
การดำเนินเรื่อง - 8
การแสดง - 8
ดนตรีประกอบ - 7.8
งานถ่ายภาพและโปรดักชัน - 8.1
8
It's a Flickering Life
หนังญี่ปุ่นฉลองครบรอบ 100 ปี Shochiku หนังพาเราไปสดุดีคนในวงการหนัง ทั้งนักเขียน ผกก นักแสดงและคนกอง โดยใช้เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่เกือบได้รุ่งโรจน์ในวงการแต่ปัจจุบัน ชีวิตกลับอับเฉาติดพนัน เขาได้รับโอกาสอีกครั้งจากครอบครัว