วันเสาร์กลายเป็นวันเก็บตกสำหรับหนังที่อยากดูแต่ยังไม่ได้ดู ผมจึงรีดรุดออกจากบ้านมุ่งสู่สยามสแควร์เพื่อพบกับหนังที่มีรอบฉายเพียงสองโรงเท่านั้นในประเทศไทย คือ Lido และ House RCA หนังเรื่องนี้มีรอบเยอะสุดในวันเสาร์และอาทิตย์นี้ ‘I Am Not Madame Bovary’ ผมเลือกรอบเที่ยงครึ่ง พยายามที่จะมาให้ทันแต่ก็ปรากฏว่าพลาดช่วงแรกไปนิดนึง
เป็นธรรมดาที่อาจจะรู้สึกเจ็บใจอยู่บ้าง แต่ก็คิดว่าคงไม่ได้พลาดเยอะจนมีปัญหาต่อการทำความเข้าใจเนื้อเรื่อง ผลงานการกำกับฯ แบบสุดตัวของ เฝิงเสี่ยวกัง จากการดัดแปลงนิยายสุดเจ็บ ‘I Am Not Pan Jinlian’ มาทำเป็นเวอร์ชั่นหนัง
ได้ดูสมใจ เจ๋งดีทีเดียวเลยครับ!
เรื่องย่อหนัง ‘I Am Not Madame Bovary’
ทั้งเรื่องมันเล่าถึงนางเอก หลีสั่วเหลียน (ฟ่านปิงปิง) และสามีที่ได้ทำการ ‘หย่า’ แบบปลอมๆ ด้วยความหวังผลว่าจะได้อพาร์ตเมนต์หลังที่ 2 ที่รัฐบาลจัดเตรียมไว้ให้สำหรับคนโสด
แต่การณ์กลับไม่เป็นไปดังที่คาด เมื่อสามีของเธอกลับหันไปแต่งงานใหม่ ยังความหัวเสียให้แก่หลีสั่วเหลียนเป็นอันมาก เธอตัดสินใจฟ้องศาล แต่เธอกลับพ่ายแพ้หมดรูป
ผู้พิพากษามองว่าทั้งคู่หย่าขาดจากกันอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว
หลีสั่วเหลียนไม่พอใจต่อการตัดสินของศาล พยายามร้องเรียนเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ยื่นเรื่องขออุทธรณ์คดีกี่ครั้งก็ไม่เคยประสบความสำเร็0 ดั้นด้นไปหาสามีเก่า ก็กลับถูกกล่าวหาว่าเป็นคนสำส่อน จนผู้คนโจษจันกันไปทั่วปฐพี ความโกรธแค้นที่มากล้นส่งผลให้เธอก่อการเอาคืนครั้งใหญ่
เพื่อทวงเกียรติยศของตนกลับคืนมา
รีวิวหนัง ‘อย่าคิดหลอกเจ้’
ความสุขของการได้ดูหนังในโรงเล็กๆ อย่างลิโด้ คือการได้นั่งดูหนังอยู่ท่ามกลางคนที่รักหนังในแบบที่แตกต่าง เราอาจจะได้พบเห็นคนแปลกๆ ที่ไม่ค่อยได้พบเห็นอยู่บ้าง แต่รอบข้างเราคือคนที่ชอบดูหนังในแบบเดียวกัน คิดได้แบบนั้น มันก็รู้สึกดีไปอีกแบบ เอาเป็นว่า เข้าเรื่องรีวิวของเรากันดีกว่าครับ
เรื่องเล็กที่กลายเป็นเรื่องใหญ่
มันก็แค่เรื่องการหย่าร้างกันของหญิงกับชายคู่หนึ่ง ที่บริบทและเหตุผลนี้มีแต่ในเมืองจีนเท่านั้น เพราะการแต่งและหย่าจะมีผลต่อการได้มาของบางสิ่งบางอย่าง แต่เมื่อการหย่าปลอมๆ กลับกลายมาเป็นการหย่าจริงๆ แถมเธอยังพบว่าสามีเก่าดันไปแต่งกับคนใหม่เป็นที่เรียบร้อย อพาร์ตเมนต์ที่หวังว่าจะได้กลายเป็นเรือนหอใหม่ของคู่สามีภรรยาคนใหม่ ความเจ็บใจก่อให้เกิดผลที่เธอคาดไม่ถึง
ทั้งหมดเป็นเพราะความดันทุรังของเธอเอง
มันคงเป็นเรื่องบ้าบอสิ้นดี ที่จะมีใครสักคนที่ไม่รับผลอันชอบธรรมของ “ใบหย่า” แล้วไปเรียกร้องและฟ้องเอากับผู้พิพากษา ยันผู้ว่าฯ เมือง ทั้งผลของการดันทุรังของเธอยังส่งผลไปถึงอีกหลายๆ อย่างที่ทำให้ชีวิตเธอไม่มีวันจะกลับมาเหมือนเดิมได้เลย
หนังตลกที่ขำแบบขมขื่นมันเป็นแบบนี้นี่เอง
ความดันทุรังนี่มันผลักให้เราเดินทางจนเรื่องราวมันยุ่งเหยิงใหญ่โตได้ถึงขนาดนี้มั้ยนะ ในชีวิตจริงๆ ก็คงน้อยคนที่มันจะพาไปได้ขนาดนั้น แต่หนังก็ทำให้เราหลงเชื่อความเป็นตุเป็นตะของมันไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตอนจบของเจ้คือนิพพานเลยล่ะ
แต่เรื่องนี้เจ้ฟ่านปิงปิงแกไม่ห่วงสวย แทบไม่แต่งหน้า มาแบบโทรมโทรม ถ้าจะจำเธอไม่ได้ก็อาจจะไม่แปลกนะ
ตลกร้ายจิกกัดทางการจีนเจ็บๆ
นอกไปจากการพูดถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่แสนดันทุรังแล้ว ก็ยังเล่าเชื่อมโยงไปถึงภาครัฐด้วย เพราะหลีสั่วเหลียนเธอเล่นไปนั่งประท้วงอยู่หน้ารถนายอำเภอมั่ง รถผู้พิพากษามั่ง ร้อนไปถึงนายกเทศมนตรี สะเทือนไปถึงผู้ว่าฯ ในระหว่างนั้น เราก็จะได้ยินคำพูดบางอย่างที่บ่งบอกถึงสิ่งที่บุคคลากรในราชการ…
ที่ละทิ้งความจริงในหน้าที่ของตน
ในหนังมีตัวละครมากมายที่บางทีก็มึนว่าใครเป็นใครแม้ เฝิงเสี่ยวกัง ผู้กำกับฯ จะใจดีใส่ตำแหน่งหน้าที่กำกับไว้ก็ตาม
แต่ละตัวล้วนมีตำแหน่งเป็นคนของรัฐบาลคอมมิวนิสต์ หนังถึงขั้นมีฉากการประชุมของพรรคกันเลยทีเดียว งานนี้มีได้ขำกันหึหึเป็นแน่ เมื่อผู้หญิงคนเดียวกับอีแค่คดีหย่าร้างทำให้คนใหญ่คนโตต้องหวั่นสั่นสะเทือนได้ถึงเพียงนี้
ดูเหมือนพวกเขาจะห่วงใยเธอก็จริง แต่ส่วนใหญ่ก็ล้วนกระทำด้วยเพราะห่วงตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองกันทั้งนั้น ทั้งหมดล้วนทำให้เรื่องเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ๆ ได้ทั้งนั้นแหละ
ชื่นชมการจัดวางในเฟรมวงกลม เทพจริงๆ
ถือเป็นอีกประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับการรับชมภาพยนตร์ หลังเราเคยได้พบกับหนังที่ถ่ายทอดด้วยมุมมองภาพแบบแคบๆ สไตล์ฟิล์มหนังยุคเก่า วันนี้ มีหนังเรื่องหนึ่งเลือกจะหยิบมุมมองของภาพมาช่วยเล่าเรื่อง ด้วยการแสดงหน้าจอเป็นช่องกลมๆ ตรงกลางจอ บังคับให้คนดูอย่างเราๆ มองเห็นแค่จุดๆ เดียว ไม่ต้องสอดส่ายสายตาไปมาทั่วทั้งจอเหมือนกับหนังทั่วๆ ไป
แต่นั่นก็ไม่ใช่แค่ภาพแบบเดียวที่ ผกก. ต้องการให้เราเห็น
อีกครึ่งช่วงเวลาของหนังก็เป็นจอสี่เหลี่ยมจัตุรัส และยังเหลือบางส่วนของมัน ไว้แสดงเป็นภาพเต็มจอ ซึ่งถ้าเฝ้ามองอย่างสังเกตก็จะพบว่ามีความตั้งใจเลือกเฟรมของภาพให้เข้ากับเวลาและสถานที่ในหนัง มุมมองของเจ้จะเป็นวงกลม มุมมองของคนอื่นจะเป็นสี่เหลี่ยม ขณะที่มุมมองที่ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าเป็นใคร หรือเป็นมุมมองเฉพาะแบบปกติทั่วๆ ไป
สิ่งหนึ่งที่สังเกตอย่างเด่นชัดก็คือ การจัดวางเพื่อให้รับกับเฟรมภาพวงกลมนี่สวยมาก การจัดวางคือเหมาะเจาะพอดีกับเฟรม องค์ประกอบและรายละเอียดของภาพถูกจัดวางอยู่ภายในนั้น อะไรที่ไม่เกี่ยวข้องพวกเขาจะไม่ต้องใส่ใจมัน สนใจแค่ตรงนั้นพอ
น่าสนใจทีเดียวครับ…
เจ็บๆ แสบๆ แปลบๆ คันๆ ต้องเรื่องนี้เลยล่ะ ใครไม่รู้ว่าจะไปดูเรื่องไหนดี ก็มองเรื่องนี้ไว้บ้างก็แล้วกัน ดูแล้วอาจจะชอบเหมือนกันก็ได้นะเออ
ชื่อภาพยนตร์: I Am Not Madame Bovary / อย่าคิดหลอกเจ้ / Wo bu shi Pan Jin Lian
ผู้กำกับภาพยนตร์: เฝิงเสี่ยวกัง (Feng Xiaogang)
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: หลิวเฉินยุน (Liu Zhenyun)
นักแสดงนำ: ฟ่านปิงปิง (Fan Bingbing), Dong Chengpeng, Fan Wei, เฝิงเสี่ยวกัง (Feng Xiaogang) บรรยาย
ความยาว: 108 นาที
แนว/ประเภท: Comedy
อัตราส่วนภาพ:
ประเทศ: จีน
เรท: ไทย/น13+, MPAA/
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 20 เมษายน 2560
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Beijing Skywheel Entertainment Co., Beijing Sparkle Roll International Culture Industry, Huayi Brothers Media, Sahamongkol Film International
อย่าคิดหลอกเจ้
I Am Not Madame Bovary - 8.1
8.1
I Am Not Madame Bovary
ถือเป็นอีกประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับการรับชมภาพยนตร์ หลังเราเคยได้พบกับหนังที่ถ่ายทอดด้วยมุมมองภาพแบบแคบๆ สไตล์ฟิล์มหนังยุคเก่า วันนี้ มีหนังเรื่องหนึ่งเลือกจะหยิบมุมมองของภาพมาช่วยเล่าเรื่อง ด้วยการแสดงหน้าจอเป็นช่องกลมๆ ตรงกลางจอ บังคับให้คนดูอย่างเราๆ มองเห็นแค่จุดๆ เดียว ไม่ต้องสอดส่ายสายตาไปมาทั่วทั้งจอเหมือนกับหนังทั่วๆ ไป