หลังจากวันก่อนเปิดดู ‘มะหมา 4 ขาครับ’ ประทับใจมากพอดู กับการกำกับหมาให้แสดงหนัง แล้วให้คนพากย์ใส่เสียงคนพูดแทนหมาไป ลงทุนไม่มาก แต่ทำออกมาได้น่าดู น่าเสียดายที่หน้าหมาแสดงอารมณ์ไม่ได้ ทำให้เวลาดู รู้สึกว่าพากย์ไม่ตรงฟีลลิ่งของหมา (หรือหมาแสดงได้ไม่เก่งก็ไม่รู้นะ)
วันนี้ เกิดอารมณ์อยากดูหนังครับ แม้ว่าเปิดรายการหนังออกมา ยังไม่มีเรื่องไหนโดนสักเท่าไหร่ในช่วงนี้ ในที่สุดก็เลือกหนังไทยครับ สัปดาห์นี้ ‘คนหิ้วหัว’ เข้าฉาย เอาละ มีบัตรฟรีของเมเจอร์-อีจีวีอยู่ ขอใช้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ก็แล้วกัน
ผมจัดการโทรไปจองที่นั่งของ ‘คนหิ้วหัว’ กับเมเจอร์ฮอตไลน์ จองไว้ที่โรง Grand EGV เพราะมีธุระไปถ่ายภาพงาน HitZ Concert ที่สยามฯ นานมากแล้วที่ไม่ได้ดูหนังที่โรงนี้ เพราะติดหรูดูพารากอนซะจนเคยชิน
เอาละในที่สุดก็ได้ตั๋วหนังมาเก็บไว้ ที่เหลือก็จัดการไปถ่ายภาพงาน รอจนน้องมาเปลี่ยนมือ ก็จัดการไปหาอาหารญี่ปุ่นกิน เจ้ากรรมนายเวรที่ไหนไม่ทราบ รู้สึกว่าปวดท้องขึ้นมากระทันหัน แต่ก็คิดว่าเดี๋ยวคงหาย
ปรากฏว่า ไปถึงโรงหนัง Grand EGV…
โอ… ไม่น่าเชื่อ เข้าไปในโรงเจอคนดูแค่ 2 คนนั่งอยู่แถวหน้าเราเท่านั้นเอง แต่พอหนังจะฉายจริง คนก็เข้ามาเพิ่มขึ้นละ แต่ก็เรียกได้ว่าน้อยมาก ไม่น่าจะเกิน 10 คนได้ แอร์ก็หนาวน่าดู คิดในใจว่า จะทนไปได้นานขนาดไหนนะ นี่ขนาดฉี่ก่อนเข้าโรงมาแล้ว 2 รอบนะเนี่ย (กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย)
แล้วหนังก็เริ่มฉาย…
หนังจตุภาคเรื่องที่สองของ พิง ลำพระเพลิง เรื่องนี้ ไม่ใช่หนังรัก แต่เป็นหนังดรามา ปนตลก แถมตลกแต่ละมุก แรงๆ ทั้งนั้น ดูแล้วก็ขำดี แต่ขำแปลกๆ เพราะในใจมันก็เฝ้าแต่คิดว่า “โห เอาขนาดนี้เลยเหรอ”
หลายฉากไม่มีในชีวิตจริงหรอกครับ (ก็แหงละ เอาแค่คนคอขาด แต่ยังเดินได้พูดได้นี่ก็ผิดธรรมชาติแล้ว … เออ จริง) บางฉากนี่เกินจะรับ โดยเฉพาะฉากกรีดแขน เออ ใส่เข้าไปได้สินั่น ทำเอาความรู้สึกดีๆ จาก ‘โคตรรักเอ็งเลย’ หดหายไปเกือบหมดแน่ะ
หลักใหญ่ใจความ คือประเด็นด้านครอบครัว เรื่องราวของครอบครัวไม่เอาไหน ที่ไม่เอาไหนกันทั้งผัวทั้งเมียนั่นแหละ “เตี้ย” (พิง) เป็นทหารเรือเก่า ชีวิตผกผันยังไงไม่ทราบ ตกอับไร้งาน ได้แต่ทำตัวไม่เอาไหนไปวันๆ กลับมาบ้านบ้างบางวัน และไม่ชอบที่จะให้ใครเรียกตัวเองว่า “ไอ้เตี้ย!” ขณะที่ “หงส์” (ไหม) ขี้เหล้าสิงห์พนัน มีลูกชาย “เต้ย” อยู่คนเดียว ที่ดูจะเป็นคนปกติที่สุดในบ้าน
ในวันที่ลูกต้องการค่าเทอม แต่ผู้เป็นพ่อไม่มีให้ จิตสำนึกยังดี (แม้อย่างจะเลวหมด) ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ยอมตาย จะหาเงินมาให้ได้
แล้วชีวิตก็มาพบพานพวกเลวๆ ในวันปล้นโรงจำนำ ชีวิตผกผันหนัก โดนตัดคอขาดแต่ไม่ตาย หัวไปทาง (ภูริ) ตัวไปทาง (กระแต) ตัวกับหัวต้องหาทางเจอกัน
หลังจากนั้น …
พอเหอะๆ ไม่เล่าละ อยากรู้ที่เหลือก็ไปดูเอาเอง
หนังตัดต่อแบบไม่ตามลำดับของเวลา แต่ดูไม่ยากเกินจะปะติดปะต่อให้เข้าใจ น่าเสียดายที่ไม่เห็นฉาก ‘คนหิ้วหัว’ ตามชื่อแต่อย่างใด แถมช่วงเวลาแห่งการแยกกันระหว่างหัวกับตัวช่างน้อยนิด ไม่สมกับชื่อแม้แต่น้อย
เอาเป็นว่า เป็นหนังที่สนุกพอประมาณ ดูเพลินพอทำเนา ซึ้งมั้ย? บางคนอาจว่าซึ้ง แต่สำหรับผม แม่งไม่โดนว่ะ ไร้น้ำตาสักหยดจากคน sensitive คนนี้จริงๆ
ที่แย่กว่านั้น ด้วยแรงแอร์ที่เย็นมหาศาล ทำให้ผมปวดฉี่ในช่วงท้าย แถมเจ็บแขนขาเพราะเอ็นมันหด (แสดงให้เห็นเลยว่าแอร์หนาวมากๆ) เท่านั้นไม่พอ ผมยังรู้สึกปวดขี้อีกต่างหาก (แสดงว่า อาการปวดท้องก่อนหน้า ไม่ใช่ธรรมดาเสียแล้ว ผมกำลังท้องเสียครับท่าน) โอย… โดนกระหน่ำซัมเมอร์เซลจริงๆ เลยเรา
สุดท้าย หนังจบ ทุกคนวิ่งเข้าห้องน้ำกันหมด (ก็คงจะหนาวกันหมดแหละท่าน) แต่ผมสิ ต้องรีบรุดกลับบ้าน (แต่ไม่ถึงบ้าน) เพื่อไป “ขี้”
ถ้าให้เลือกว่า ชอบเรื่องไหนมากกว่า ระหว่าง ‘คนหิ้วหัว’ และ ‘โคตรรักเอ็งเลย’
ผมขอเลือกเรื่องหลังครับ!
อยากมีเวลาว่างไปดูหนังบ้างจัง
ผมว่าเรื่องนี้ตรงคอขาดมันไม่ค่อยเนียนเอาซะเลย
ขอนอกเรื่องครับ ขยันเปลี่ยน Theme ดีจัง
ทำไมไม่ขี้ที่นั่นล่ะครับ ของบางอย่างเก็บกลับบ้านบางทีก็ไม่ทันนะ ผมเองนานแล้วที่เลิกทนปวดหนักปวดเบาแล้วรอให้ถึงบ้านก่อนค่อยถ่ายน่ะ
ห้องน้ำห้างหรือโรงหนังเดี๋ยวนี้สะอาดมากเลยล่ะ ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว
ก็ผมคิดว่า พอไหวนี่ครับ ปรากฏว่า มันเริ่มหนักข้อเมื่อใกล้ถึงบ้าน ในที่สุดต้องแวะเข้าห้างก่อน เหอๆ (จะมาเล่าทำไมเนี่ยยยย)