และแล้วสัปดาห์แรกของศักราชใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น พร้อมๆ กับหนังเรื่องใหม่ที่เตรียมเข้าฉายในวันพฤหัสบดี วันนี้ ผมมุ่งหน้าสู่โรงหนังอีกครั้งเพื่อจะได้พบกับ ‘Goodbye Christopher Robin‘ หนังที่สร้างจากแรงบันดาลใจเรื่องจริงของ วินนี่ เดอะ พูห์ หมีสีน้ำตาลอารมณ์ดีในป่าร้อยเอเคอร์ตัวนั้น
หนังได้ชื่อไทยแบบตรงไปตรงมาว่า ‘แด่ คริสโตเฟอร์ โรบิน ตำนานวินนี เดอะ พูห์’ เพราะมันเล่าย้อนกลับไปถึงที่มาของเรื่องเล่าที่คนรู้จักไปทั่วโลก เล่าถึงครอบครัวต้นกำเนิด เด็กชายผู้เป็นต้นกำเนิด และเรื่องราวภายในที่เราไม่เคยได้รู้มาก่อน
ก่อนจะมีหมีพูห์ให้เรารักมันในวันนี้…
เรื่องย่อหนัง ‘Goodbye Christopher Robin’
เรื่องราวที่ย้อนไปยังวัยหนุ่มของพลทหารอลัน มิลน์ (Domhnall Gleeson) สงครามที่แสนโหดร้ายทำให้เขามีอาการบางอย่างที่ไม่เคยหายไป เขาแต่งงานกับสาวสวยอย่าง แดฟเน่ (Margot Robbie) ด้วยความหวังว่าเขาจะหายจากอาการนั้น พวกเขาย้ายไปอยู่บ้านนอก
เธอจึงมีลูกให้เขาหนึ่งคน
เด็กชายคริสโตเฟอร์ (Will Tilston) เติบโตขึ้นมาในครอบครัวดูพ่อแม่ดูจะชอบเที่ยวกันมาก แต่พอวันหนึ่ง ความสัมพันธ์ของเขากับพ่อก็เกิดแน่นแฟ้นขึ้น ความน่ารักช่างจินตนาการและช่างเจรจาของคริสโตเฟอร์สร้างแรงบันดาลใจให้พ่อของเขาสร้างผลงานเขียนที่กลายมาเป็นตัวละครที่ผู้คนรู้จัก
และรักมากที่สุดตัวหนึ่งในวันนี้
รีวิวหนัง ‘Goodbye Christopher Robin’
ผลงานการกำกับของ Simon Curtis ที่เคยมีผลงานอย่าง ‘Woman in Gold’ และ ‘My Week with Marilyn‘ ดูท่าเขาจะนิยมชมชอบการสร้างหนังแนวชีวประวัติเสียจริงๆ
แรกเริ่ม หนังก็เล่าเรื่องของอลัน มิลน์ สุดยอดนักเขียนผู้เคยต้องไปรับราชการทหารในสงครามครั้งใหญ่ รอดกลับมาได้แต่มันก็ส่งผลให้เขาเกลียดและกลัวมัน มักจะพูดเพื่อปลอบใจตัวเองว่า สงครามมันสงบลงแล้ว ที่เขาไปร่วมรบนั่นเพื่อให้มันเป็นสงครามครั้งสุดท้าย มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้อีก
แต่ผู้เป็นเมียไม่ได้เชื่อเช่นนั้น
นอกจากเขาจะมีบาดแผลที่ฝังลึกมาจากสงคราม แดฟเน่ เมียของเขาเองมีบาดแผลเช่นกัน เธอยอมรับไม่ได้ที่จะต้องมีบุตรชายที่โตไปในสักวัน ก็ต้องไปเป็นทหารที่ร่วมรบในสงคราม และไม่มีใครรู้ว่าเขาจะกลับมาหรือไม่ ลูกชายของเธอจะโชคดีเหมือนพ่อไหมที่รอดกลับมา และเธอต้องนั่งนับรอคอยคนที่รักกลับมาจากสงครามอีกคราอย่างนั้นหรือ
ดังหนังอยากจะสื่อว่าสงครามส่งผลกระทบต่อครอบครัวๆ หนึ่งแค่ไหน
โชคดีที่พวกเขาเลือกจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่ท่ามกลางป่าเขา ชีวิตที่สงบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติน่าจะช่วยกล่อมเกลาให้เขาหายจากอาการหลอนจากสงครามลงได้บ้าง ระหว่างทางของการบำบัดตัวเอง อลันก็ได้พบกับการสร้างความสุขในรูปแบบที่เขาไม่ทันได้นึกถึง
ลูกชายของเขาเรียกเขาว่า บลู และเขาก็เรียกลูกชายว่า บิลลี่ ผู้ซึ่งมีแม่เลี้ยงอย่างโอลีฟ (Kelly Macdonald) มาช่วยแบ่งเบา ชีวิตที่ดูยุ่งเหยิงของพวกเขาเริ่มดีขึ้นเมื่อเขาเข้ากับลูกชายได้มากขึ้น และนำมันมาสร้างแรงบันดาลใจการงานเขียนชิ้นใหม่ก่อนที่มันจะโด่งดังกลายเป็นงานเขียนระดับโลก
ในหนังสือบิลลี่มีตัวตนในฐานะ Christopher Robin เด็กผู้ชายที่มีเพื่อนเป็นสิงสาราสัตว์ ซึ่งล้วนเป็นตุ๊กตาที่เป็นเพื่อนเล่นของบิลลี่ แต่ดูเหมือนบิลลี่เองจะรับไม่ได้กับการมีชื่อเสียงในแบบนี้ เขาเจ็บปวดกับการต้องถูกลากไปโน่นมานี่ และไม่ได้มีสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกอย่างที่พ่อลูกคู่หนึ่งควรจะเป็น
ช่วงกลางของหนังนี่มันถูกเล่าอย่างค่อนข้างยุ่งเหยิงเล็กน้อย มีบางจุดที่คนดูอย่างผมไม่ค่อยเข้าใจสภาวะของครอบครัวนี้เท่าใดนัก บางช่วงสองสามีภรรยาก็หนีเที่ยวเป็นว่าเล่น บางช่วงภรรยาก็เหมือนจะรับไม่ได้กับสามีตัวเองจนต้องหนีกลับไปหาแสงสีในเมือง หนังบางช่วง ไดอะล็อกบางไดอะล็อกก็เหมือนจะออกจากปากของนักแสดงบนละครเวทีมากกว่าจะอยู่ในหนังชีวประวัติ
อาจจะมีความฟุ้งอบอวลอยู่ในเรื่องราวเหล่านั้น
วรรณกรรมที่โด่งดัง ผู้คนรู้จักทั่วโลก หลายเรื่องมักกำเนิดขึ้นมาเถ้าแห่งสงคราม ความปวดร้าวก่อเกิดแรงพลังสร้างสรรค์งานยิ่งใหญ่ หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่าก่อนมันจะกำเนิดมานั้นมันได้ผ่านความปวดร้าวอะไรมาก่อน
หนังเรื่องอาจจะสอนคนในหลายสิ่ง พ่อแม่ที่เลือกสร้างชื่อเสียงจากลูกโดยไม่ได้แคร์ความรู้สึกของพวกเขา, การมองโลกที่วันนี้มองอย่างหนึ่ง พอผ่านประสบการณ์อะไรมา เราก็มักจะเปลี่ยนไปมองอีกแบบ
และแน่นอน “สงคราม” มันมีหลายมุมมอง ทั้งดีและร้าย และคำถามที่ว่า มนุษย์ไม่อาจหลุดพ้นจากมันได้นั้นมันเป็นจริงหรือเปล่า?
อย่างไรก็ดี หนังเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางเมื่อเดินมาถึงช่วงท้าย ด้วยพลังแห่งการแสดงของทั้ง Domhnall Gleeson, Margot Robbie, Kelly Macdonald รวมเข้ากับ Alex Lawther (‘The Imitation Game’) นักแสดงที่เล่นเป็นบิลลี่วัยหนุ่ม ทำให้เราได้อินไปกับดราม่าของครอบครัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ งานนี้ถือว่านักแสดงที่ถูกคัดเลือกมานั้นทำหน้าที่ได้ดี
รวมไปถึงดาราเด็กที่เล่นเป็นบิลลี่วัยแปดขวบอย่าง Will Tilston ด้วย แม้ว่าผมจะไม่ค่อยชอบแคสต์เด็กในเรื่องนี้เท่าไหร่ เนื่องด้วยบิลลี่วัยเด็กแม้จะน่ารักและเล่นดี แต่หน้าตาไม่ได้คล้ายคลึงกันใครสักคนเลย ยิ่งมาโตขึ้นมาก็แทบจะต่างเกินกว่าจะเป็นคนเดียวกันไปอีก แถมการแต่งหน้ายังส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของตัวละคร
โดยรวม ผมว่าเขาทำไว้ได้ดีทีเดียว ภาพของแสงในป่านั้นงานดีมาก การตัดต่อใส่ชั้นเชิงเล็กๆ เข้ามา รวมเข้ากับความอินในช่วงท้าย
ถือว่าหนังพอผ่านได้อย่างไม่ยากเย็น
ชื่อภาพยนตร์: Goodbye Christopher Robin / แด่ คริสโตเฟอร์ โรบิน ตำนานวินนี เดอะ พูห์
ผู้กำกับภาพยนตร์: Simon Curtis
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Frank Cottrell Boyce, Simon Vaughan
นักแสดงนำ: Domhnall Gleeson, Margot Robbie, Kelly Macdonald, Will Tilston
ดนตรีประกอบ:
ความยาว: 107 นาที
แนว/ประเภท: Biography, Family, History
อัตราส่วนภาพ:
ปี: 2017
เรท: ไทย/, MPAA/PG
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย:
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: DJ Films, Fox Searchlight Pictures
แด่ คริสโตเฟอร์ โรบิน ตำนานวินนี เดอะ พูห์
Goodbye Christopher Robin - 7
7
Goodbye Christopher Robin
หนังที่เล่าเหตุการณ์จากเรื่องจริงของครอบครัวผู้ให้กำเนิดตัวละครที่คนทั้งโลกรัก วินนี่ เดอะ พูห์ และผองเพื่อน โดยรวม Goodbye Christopher Robin ทำไว้ได้ดีทีเดียว ภาพของแสงในป่านั้นงานดีมาก การตัดต่อใส่ชั้นเชิงเล็กๆ เข้ามา รวมเข้ากับความอินในช่วงท้าย ถือว่าหนังพอผ่านได้อย่างไม่ยากเย็น