รีวิวหนัง Gold ทองกู | เมื่อ Zac Efron เจอทองในดินแดนรกร้าง

ขึ้นชื่อว่าทอง (Gold) ผู้คนคงตาโตเมื่อได้รู้ว่าตนค้นพบ เพราะมันจะนำพาความร่ำรวยมาให้ แต่สิ่งล้ำค่าพวกนี้ก็นำพาด้านมืดของคนมาพร้อมกันด้วย เรื่องราวที่สะท้อนจิตใจของมนุษย์ในมุมนี้กำลังถูกถ่ายทอดลงในหนังที่ชื่อ ทั้งสั้นและตรงตัวว่า ‘Gold’ ชื่อไทยก็คือ ‘ทองกู’ ผลงานการแสดงเรื่องล่าของชายหนุ่มหล่อหุ่นงาม แซค เอฟรอน

แต่ครั้งนี้ เราจะไม่ได้เห็นภาพหล่อๆ ของแชคอีกแล้ว เพราะเขาต้องรับบทชายโทรมๆ ที่หวังจะไปหางานที่ใหม่ แต่ดันไปเจอทองคำเข้า และเขาต้องอยู่เฝ้าทองอย่างเดียวดายกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ไม่มีทางหล่ออย่างแน่นอน ครั้งนี้เป็นผลงานของนักแสดงและผู้กำกับอย่าง Anthony Hayes ที่เคยกำกับหนัง ‘Cargo’ ลงใน Netflix มาแล้วนั่นไง

ว่าแล้วก็ไปเริ่มกันที่เรื่องย่อหนังกันเล้ย!

เรื่องย่อหนัง ‘Gold’

หนังพาเราไปรู้จักโลกในอนาคตอันใกล้ ที่พื้นดินแห้งแล้งจนกลายเป็นทะเลทราย มองไปทางไหนก็มีแต่ความแห้งแล้ง พื้นที่แห่งนั้นมีรถไฟสายหนึ่งวิ่งอยู่ ชายหนุ่มคนหนึ่ง (Zac Efron จากหนังเรื่อง ‘Neighbors’, ‘Baywatch’ และ ‘The Greatest Showman’) เดินทางมารถไฟขบวนนี้ เขาลงแล้วถามหาชายที่จะพาเขาไปยังแคมป์แห่งหนึ่ง ที่ซึ่งเขามุ่งหวังจะหางานใหม่ทำ แผ่นพับใบนั้นมันชวนให้เขามีความหวัง

เขาต้องการให้ชายคนนั้น (Anthony Hayes จากหนังเรื่อง ‘Cargo’ และ ‘The Light Between Oceans’) พาเขาไปยังแคมป์ แต่ระหว่างทาง ทั้งสองก็บังเอิญไปเจอทองคำก้อนใหญ่มากจนไม่อาจขนได้

ความโลภเข้าครอบงำเสียแล้ว พวกเขาต้องเอาทองไปให้ได้แต่ขนาดของมันใหญ่เกินไป ชายคนแรกตกลงจะเฝ้าทองไว้ระหว่างที่ชายคนที่สองขับรถไปหาเครื่องมือขุดที่อาจจะใช้เวลาหลายวัน ชายคนแรกต้องอยู่คนเดียว เฝ้าทองไว้ไม่ให้ใครมาพบและไม่ให้ใครเอาไป รอวันที่ชายคนที่สองจะกลับมาและรวยไปด้วยกัน

รีวิวหนัง ‘ทองกู’

หนังบอกกับเราว่ามันเป็นอนาคตที่ไม่ไกลจากปัจจุบันนัก แต่สำหรับคนดูรู้สึกว่ามันไม่ค่อยจะใกล้ปัจจุบันสักเท่าไหร่ ดินแดนที่แห้งแล้งจนเป็นทะเลทราย อาหารและน้ำกลายเป็นสิ่งที่ต้องประหยัด ชายคนหนึ่งดั้นด้นมาทางรถไฟเพื่อมาหาชายที่จะขับรถพาเขาไปยังแคมป์แห่งหนึ่ง เขามาพร้อมโบรชัวร์เก่าๆ ใกล้ขาด กับข้อความโฆษณาเสียเลิศเลอว่าเขาจะกลายเป็นคนใหม่

กับเสียงของชายที่เป็นคนขับรถ สำเนียงของเขา พาให้นึกไปถึงคาวบอยในหนังของเควนตินอะไรแบบนั้น

หนังเริ่มต้นมาได้น่าสนใจ เปิดให้เห็นวิวทิวทัศน์ทะเลทรายในแบบออสเตรเลีย และทัศนียภาพอันแปลกตายามที่รถคันนั้นวิ่งตะลุยฝ่าไปพร้อมกับฝุ่นที่ลอยฟุ้ง ชายสองคนบนรถคันเดียวกันที่ฝ่ายหนึ่งว่าจ้างอีกฝ่าย แม้ฟังแล้วไม่ค่อยจะเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ก็พอรู้ว่า มันคงเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก น้ำเป็นสิ่งหายาก และมันมีค่ามากพอจะคิดบวกไปในค่าจ้างได้

จนมาถึงช่วงเวลาที่ทั้งสองมีเหตุต้องหยุดพักกลาง และพบเจอกับก้อนทองคำขนาดเขื่องที่ไม่อาจลากยกออกไปได้ จึงต้องตกลงแยกกันทำงาน คนนึงเฝ้าทองไว้ อีกคนขับรถไปหาอุปกรณ์ขุด

ตรงนี้นี่แหละที่เราจะเห็นแววตาแห่งความละโมบผุดขึ้นในตัวละครของแซค เอฟรอน

ช่วงกลางของหนังเน้นชีวิตกลางทะเลทรายที่ทั้งน้ำและอาหารมีจำกัด อากาศที่ร้อนระอุ หน้าตาเนื้อตัวเหงื่อโทรม แมลงตอมหน้า (ซึ่งเป็นภาพที่ชวนกระอักกระอ่วนมาก) แค่นั้นมันยังไม่พอ เพราะเขาต้องเจอทั้งสุนัขที่ชอบมารังควาน และยังมีคนแปลกหน้าที่ผ่านมาให้เขาคอยระแวงจะมาแย่งทองไป

น่าเสียดายว่าช่วงนี้มันค่อนข้างจะน่าเบื่ออยู่สักหน่อย แม้อุปสรรคต่างๆ นานาที่เข้ามาจะไม่เหมือนกันเลย และพอจะทำให้หนังดำเนินไปโดยคนดูไม่รู้ว่าจะเจออะไรต่อ แต่โดยรวมมันค่อนข้างดร็อป ไม่มีอะไรเร้าใจ ไม่มีอะไรชวนลุ้นได้มากพอ กลายเป็นช่วงเวลาทดสอบความอดทนของคนดู

แล้วหนังเดินมาถึงช่วงท้าย

แต่น่าสนใจที่หนังค่อนข้างเปิดให้ แชค เอฟรอน ได้เล่นอะไรที่แตกต่างไปจากที่เคยเห็น ภาพลักษณ์ของเขาในหนังคือชายหนุ่มโทรมๆ มีหน้ารอยแผลบนใบหน้า หนวดเครารุงรัง ที่ต้องเอาตัวรอดกลางทะเลทราย ถูกความละโมบในทองคำเข้าครอบงำ จะทำอะไรก็ไม่เว้นต้องหนีบเอาทองไว้กับตัว ห่วงก้อนทองจะถูกใครมาเอาไว้ ไม่ได้สนใจตัวเองที่ใกล้ตายเข้าไปทุกวัน

หนังที่เริ่มต้นมาได้โอเค ก่อนจะเข้าสู่ช่วงน่าเบื่อตรงกลาง และค่อยตีตื้นขึ้นมาในช่วงท้าย บอกยากเหมือนกันว่าควรจะรู้สึกยังไงกับมัน

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง