ในช่วงชีวิตของคนหนึ่งคน คงได้ดูหนังก็อดซิลล่ากันไปหลายเรื่อง บ้างก็ทำเป็นภาคต่อ บ้างก็ทำเป็นภาคเดี่ยว และก็มีบางเรื่องที่สร้างมาเพื่อย้อนเล่าไปยังจุดก่อนหน้า ‘Godzilla Minus One’ คือเรื่องนั้น มันเป็นหนังญี่ปุ่นที่ไม่เคยได้รับการนำเข้ามาฉายในไทย แม้คอหนังบ้านเราจะเรียกร้องและรอคอยเพียงไหนก็ตาม จนในที่สุด ก็ได้รับรู้แกมเซอร์ไพรส์ว่า เราจะได้ดูมันผ่านจอทีวีจากเน็ตฟลิกซ์
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
ในที่สุด ก็ได้ดูหนังญี่ปุ่นที่เล่าเรื่องต้นกำเนิดสัตวประหลาดยักษ์ ก็อดซิลล่า จนได้ แม้จะไม่ใช่บนจอยักษ์ก็ตาม หนังที่เล่าถึงการปรากฏตัวของมันในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่สุด ที่เหล่าพลเรือนต้องร่วมมือกันเพื่อสังหารก็อดซิลล่าให้สิ้นซาก หนังมาพร้อมกับบทที่น่าติดตาม วิชวลและเทคนิคด้านภาพที่สมจริง พร้อมการเล่าเรื่องที่ชวนตื่นตา แค่อาจต้องแลกมากับท่วงทีการเดินที่เชื่องช้าขัดใจ
อีกส่วนหนึ่งมันก็เหน็บแนมญี่ปุ่นที่ส่งคนไปรบในสงคราม แต่ไม่เคยสร้างอะไรมาปกป้องคนของตัวเองเลยแม้แต่น้อย แถมยังเลือกจะปิดบังความจริงกับประชาชนอีกต่างหาก
เรื่องย่อหนัง ‘Godzilla Minus One’
ในช่วงท้ายสงครามโลกครั้งที่สอง โคอิจิมะ ชิกิชิมะ (Ryunosuke Kamiki จากหนังเรื่อง ‘Summer Wars’) ทหารอากาศหน่วยจู่โจมพิเศษ ผู้ละทิ้งหน้าที่ลงจอดที่ลานบินเกาะโอโดะ ก่อนได้ประจันหน้ากับสัตว์ประหลาดยักษ์ที่ถูกเรียกกันว่า ก็อตซิลล่า แต่เขารอดชีวิต หลังถูกส่งกลับมายังบ้านเกิดที่พังพินาศยับเยิน เขาก็ได้พบกับเด็กน้อยอากิโกะที่มากับโนริโกะ (Minami Hamabe จากหนัง ‘Silent Love’) และเลือกรับเลี้ยงไว้ โดยประกอบอาชีพเก็บทุ่นระเบิดหาเงิน
แต่ในระหว่างที่เขาออกไปทำงาน ก็ได้คุณซูมิโกะ โอตะ (Sakura Ando จากหนังเรื่อง ‘Monster’) เป็นป้าจ๋าที่คอยช่วยเลี้ยงอากิจังมาตลอด
ภัยร้ายที่กำลังจะมาเยือนอีกครั้ง ก็อดซิลล่า เคลื่อนไหวอยู่กลางสมุทร กำลังกลับมาคุกคามแผ่นดินญี่ปุ่น พวกเขาไม่อาจหันไปพึ่งพาใครได้ จำเป็นต้องรวมพลังกันอีกครั้งเพื่อรับมือและสังหารก็อดซิลล่าเพื่อ
รีวิวหนัง ‘ก็อตซิลล่า ไมนัส วัน’
มันเป็นหนังก็อดซิลล่าที่อยากจะได้ดูในโรง แต่สุดท้าย ความต้องการนั้นก็ไม่เคยกลายเป็นความจริง และก็ต้องมารับชมในทีวีจนได้ กับผลงานจากญี่ปุ่นที่ตั้งใจจะย้อนกลับไปยังวันแรกๆ ที่พวกเขาเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์
ช่วงเวลานั้น เป็นช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง ความเจริญที่รุดหน้าขึ้นแต่มนุษย์ก็ยังคงเอามันมาใช้พัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อสู้รบกัน แต่ในยามที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความยากลำบากหลังสงคราม แม้แต่อเมริกากับโซเวียตก็กำลังมีปัญหา ต้องระวังตัวถ้าจะดำเนินการทางทหาร ญี่ปุ่นคงหันหน้าพึ่งใครไม่ได้ จำเป็นต้องรวมพลังคนในชาติรับมือกันเอง
หนังมันค่อนข้างจะมีแมสเสจด้านลบต่อภาครัฐของญี่ปุ่นอยู่หลายจุดเหมือนกันนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงคราม ที่ญี่ปุ่นส่งทหารไปร่วมรบ บอกให้พวกเขา ‘ตายเพื่อชาติ’ แต่พอรอดตายกลับมาก็เจอแต่บ้านเมืองที่พังพินาศและมองไม่เห็นความหวัง เมื่อวันหนึ่ง ประชาชนต้องเจอกับสัตว์ประหลาดยักษ์ที่ย่างเข้ามาทำลายบ้านเมือง รัฐบาลกลับปกปิดและจำกัดข่าวสาร เพราะไม่ต้องการให้เกิดความโกลาหล ซึ่งกลายเป็นงานถนัดของประเทศนี้
แน่นอนว่า หนังไม่ลืมที่จะสร้างภาพของสงครามที่มีแต่ความเลวร้าย มันได้สร้างบาดแผลในใจผู้คน ไม่เว้นแม้แต่ชิกิชิมะที่ไม่เคยร่วมรบอย่างจริงจังแม้สักครั้ง ความไม่กล้าของตัวเองจึงต้องทนมองดูคนแล้วคนเล่าที่ตายไปต่อหน้าต่อตา สร้างแรงผลักดันให้เขาลุกขึ้นมาร่วมรบและกำจัดสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ที่บุกขึ้นฝั่งในเวลาต่อมา
ด้วยขนาดอันมหึมา พละกำลังทำลายล้างสูง แล้วก็ยังมีพลังฟื้นฟูตนเอง ทำให้มันเหมือนจะไร้จุดอ่อน อีกทั้งญี่ปุ่นที่เพิ่งผ่านสงครามมา จึงขาดแคลนยุทโธปกรณ์ บวกกับรู้จักก็อดซิลล่าน้อยเอามากๆ จนไม่รู้เลยว่าแผนที่วางมาจะได้ผลจริงหรือไม่
“สงครามของผมเองมันยังไม่จบ”
แผนกำจัดก็อดซิลล่าแบบพลเรือนที่เป็นแบบลับๆ ทำให้ต้องขอให้พวกเขาที่เคยผ่านการรบมาก่อน ให้กลับมาลำบากด้วยกันอีกครั้ง แต่อย่างน้อยครั้งนี้ก็เป็นสงครามครั้งใหม่ที่ชิกิชิมะเต็มใจจะร่วมรบ เพราะว่าครั้งนี้ไม่ได้เป็นการต่อสู้เพื่อตาย หากเป็นการสู้เพื่อมีชีวิตต่อไปในอนาคต
ก็อดซิลล่าในภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจพาผู้ชมย้อนกลับไปเจอกับสัตว์ยักษ์ที่เคลื่อนไหวเชื่องช้าอีกครั้ง กลายเป็นก็อดซิลล่าในแบบฉบับญี่ปุ่น มีเพียงการก้าวทีละก้าวที่ดูแข็งๆ นอกนั้นก็ถือว่าทำได้ดี ทั้งการเคลื่อนไหวทำลายเมืองและซากปรักหักพัง แม้เราจะรู้ดีว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องแฟนตาซีสัตว์ประหลาดเท่านั้น และอาจมีบางมุมที่ชวนให้นึกสงสัย แต่หนังก็พยายามอธิบายมันในแบบของตัวเอง
เท่าที่สัมผัส รู้สึกได้ว่าดนตรีประกอบมีความเป็นญี่ปุ่นอย่างมาก และเมื่อดูโดยรวมถึงบท มันก็เล่าและผลักดันสร้างแรงบันดาลใจต่อการกระทำของตัวละครได้ดี มีลูกล่อลูกชน แม้จะพอเดาได้หลายจุด มุมมองภาพดูยิ่งใหญ่ใกล้เคียงจริงเหมาะมากที่จะดูในโรงจอใหญ่แบบ IMAX จึงน่าเสียดายอยู่บ้างที่ไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Godzilla Minus One |
กำกับ | Takashi Yamazaki |
เขียนบท | Takashi Yamazaki, Ishiro Honda, Takeo Murata |
แสดงนำ | Ryunosuke Kamiki, Minami Hamabe, Sakura Andô, Munetaka Aoki |
แนว/ประเภท | แอ็คชัน, ผจญภัย, ดราม่า, สยองขวัญ, ไซไฟ |
เรท | PG-13 |
ความยาว | 124 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | ญี่ปุ่น |
เข้าฉายในไทย | 1 มิถุนายน 2024 ทาง Netflix |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Robot Communications, Toho Studios, Toho, Netflix |
คะแนนรีวิวหนัง Godzilla Minus One
พล็อตและบท - 7.8
การดำเนินเรื่อง - 8
การแสดง - 7.8
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.8
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษ และโปรดักชั่น - 8.8
8
Godzilla Minus One
ในที่สุด ก็ได้ดูหนังญี่ปุ่นที่เล่าเรื่องต้นกำเนิดสัตวประหลาดยักษ์ ก็อดซิลล่า จนได้ แม้จะไม่ใช่บนจอยักษ์ก็ตาม หนังที่เล่าถึงการปรากฏตัวของมันในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่สุด ที่เหล่าพลเรือนต้องร่วมมือกันเพื่อสังหารก็อดซิลล่าให้สิ้นซาก หนังมาพร้อมกับบทที่น่าติดตาม วิชวลและเทคนิคด้านภาพที่สมจริง พร้อมการเล่าเรื่องที่ชวนตื่นตา แค่อาจต้องแลกมากับท่วงทีการเดินที่เชื่องช้าขัดใจ อีกส่วนหนึ่งมันก็เหน็บแนมญี่ปุ่นที่ส่งคนไปรบในสงคราม แต่ไม่เคยสร้างอะไรมาปกป้องคนของตัวเองเลยแม้แต่น้อย แถมยังเลือกจะปิดบังความจริงกับประชาชนอีกต่างหาก