รีวิวหนัง Float ซัมเมอร์นั้น ฉันตกหลุมรัก | ปล่อยรักลอยมาสัมผัสหัวใจ

ในวันที่ปัญหารุมเร้าหนัก ก็อยากจะหนีไปพักร้อนพักใจไกลๆ เหมือนกันนะ ให้เวลาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ พาร่างไปเจอกับเรื่องราวใหม่ ๆ ที่เข้ามาในชีวิต เผื่อจะได้เจอทางออกอะไรแบบนั้น ก็ไปเจอกับหนังรักที่ชื่อ ‘Float’ หรือ ‘ซัมเมอร์นั้น ฉันตกหลุมรัก‘ หนังที่สร้างจากนิยายโรแมนติกออนไลน์สุดฮิตด้วยยอดอ่านกว่า 25 ล้านครั้ง และบอกเล่าความรักที่พัดผ่านมาในวันเวลาที่นางเอกไปพักร้อน

ความเห็นส่วนตัวของนายแพท

หลังเหนื่อยกับการเรียนมานาน ใจมันอยากพักด้วยการเที่ยวเมืองตากอากาศช่วงซัมเมอร์เลยได้มาเจอความรัก ที่ทำให้ต้องคิดหนักว่าจะปักหลักอยู่ที่นี่ หรือจะกลับไปยังงานที่มุ่งมั่นเรียนมาดี หนังพาไปพักใจกับบรรยากาศของเมืองตากอากาศแห่งหนึ่งในแคนาดา พร้อมพาไปพบกับความรักของนักเรียนหมอกับไลฟ์การ์ดที่มาสอนว่ายน้ำให้ แถมยังพาไปพบเจอกับหลากหลายปัญหาชีวิตของแต่ละตัวละคร ภาพของเมืองเล็กที่อบอุ่นจนทำให้บางคนต้องหวั่นไหว ขณะเดียวกันมันก็ทำให้เธอได้หาคำตอบให้กับตัวเองด้วย

หนังดราม่าโรแมนติกที่ย้อมน้ำทะเลให้สีเข้ม เล่าเรื่องดราม่าครอบครัวหลายมุม ทั้งช่วยฮีลใจไปพร้อมกัน

เรื่องย่อหนัง ‘Float’

เวเวอร์ลี (Andrea Bang/แอนเดรีย แบง จากซีรีส์ ‘Kim’s Convenience’) หญิงสาวนักศึกษาแพทย์ที่รู้สึกว่าตัวเองคร่ำเคร่งเรียนหมอมาตลอดหลายปี ไม่เคยได้พัก ในวันที่พ่อแม่เตรียมคุยกับคุณหมอท่านหนึ่งไว้ดิบดี กรุยทางเธอสู่การฝึกงานในอาชีพที่ใฝ่ฝัน เธอก็กลับตัดสินใจบินไปแวะเที่ยวพักใจในเมืองตากอากาศเล็กๆ ในแคนาดา ในบ้านของน้าสาวเรเชล (Michelle Krusiec จากหนังเรื่อง ‘A Million Miles Away’) ที่มีชีวิตที่สุขสงบอยู่กับการเป็นศิลปินวาดภาพ

และที่นั่น ก็ทำให้เธอได้เจอกับ เบลค (Robbie Amell/ร็อบบี้ แอเมล จากซีรีส์ ‘Upload’ และ ‘The Witcher’) หนุ่มข้างบ้านที่เป็นไลฟ์การ์ดผู้ช่วยชีวิตไว้ในวันที่เธอจมน้ำ จากวันนั้น เขาก็กลายมาเป็นคนสอนเธอว่ายน้ำ ความสัมพันธ์ที่ก้าวรุดหน้าว่องไว ทั้งสองตกหลุมรักกันอย่างจัง แต่เส้นทางชีวิตที่แตกต่างกัน อนาคต และแผนทุกอย่างที่เวเวอร์ลีวางไว้และอยากให้เป็น จะทำให้ทั้งคู่ต้องแยกจากกันเมื่อฤดูร้อนจบลงหรือไม่

รีวิวหนัง ‘ซัมเมอร์นั้น ฉันตกหลุมรัก’

บางครั้ง เส้นทางของคนสองคนที่อยู่กันต่างที่ก็ลากมาบรรจบกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในวันที่เวเวอร์ลีอยากจะพักใจซะทีหลังเรียนหนักมานาน เธอก็เลือกจะบินลงยังเมืองตากอากาศเล็กๆ แห่งนั้น เธอไม่ได้ไร้จุดหมายซะทีเดียว เพราะเธอรู้ว่าที่เมืองนี้มีน้าสาวอาศัยอยู่ พอเป็นที่ให้พักพิงชั่วคราวในหน้าร้อนนี้ได้ แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ ข้างบ้านน้ามีชายหนุ่มที่เลี้ยงไก่ไข่อยู่คนนึง เพราะความหล่อเหลาหรืออะไรไม่รู้ทำให้เธอสนใจเขา

แต่นั่นก็ยังไม่เท่าการได้ใกล้ชิดกันโดยไม่ทันคาดคิด เพราะเธอดันเจออุบัติเหตุตกน้ำและเขาคือคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ ทำให้ได้รู้ว่า ที่จริงแล้วเขามีอาชีพเป็นไลฟ์การ์ด และเพราะความประทับใจในตัวอีกฝ่าย เขาจึงเสนอเป็นคนสอนว่ายน้ำให้กับเธอ

ความจริงแล้ว เธอตั้งเป้าหมายระยะใกล้ของชีวิตไว้อยู่ก่อนแล้ว คือการไปเป็นแพทย์ประจำบ้านในโตรอนโต พ่อแม่ของเธอก็คาดว่าเธอจะไปฝึกงานที่นั่น แต่เธอกลับเลือกไปพักร้อนแทน ซึ่งก็ทำให้ความรักครั้งนี้ดูไม่ยั่งยืน มีโอกาสที่จะจบลงไปเมื่อเธอต้องกลับสู่เส้นทางที่มุ่งหมายไว้แต่เดิม และกลายเป็นความว้าวุ่นใจเมื่อครุ่นคิดว่าจะต้องเลือกอะไรดี ความรักที่เข้ามาทักทายอย่างไม่ทันตั้งตัว หรือชีวิตหน้าที่การงาน

หนังทำให้เรารู้สึกถึงรักที่พองโตขึ้นในใจของเวเวอร์ลีอย่างรวดเร็ว เร็วจนคนดูยังเซอร์ไพรซ์เพราะพฤติกรรมที่คาดไม่ถึง แต่ก็เข้าใจได้เพราะสถานการณ์ที่ใกล้ชิดขนาดนั้น มันคงไม่แปลกที่จะตกหลุมรักเข้าอย่างจังแบบนั้น แล้วหนังก็พาเราไปเจอเรื่องอื่นเพิ่มเติม

เบลค หนุ่มไลฟ์การ์ดและครูสอนว่ายน้ำประจำตัวของเวเวอร์ลี เขามีชีวิตที่ยึดติดอยู่กับอดีต หลังสูญเสียพ่อแม่ไป ทำให้เขายังมองว่าตัวเองมีหน้าที่ต้องดูแลอิซาเบล (Sarah Desjardins จากซีรีส์ ‘Riverdale’ และ ‘Yellowjackets’) น้องสาว ขณะที่เวเวอร์ลีเองก็มีปัญหาความเข้าใจกับพ่อแม่ชาวไต้หวันของตัวเอง ทำให้หนังสร้างแง่มุมดราม่าครอบครัวเข้ามา ไม่ใช่หนังที่เต็มล้นไปด้วยรักอุ่นๆ ในบรรยากาศซัมเมอร์แค่เท่านั้น ทั้งการได้มาอยู่ที่นี่ของเวเวอร์ลีก็ทำให้พบเจอกับโอกาสใหม่ๆ ที่มากกว่าการเป็นหมอ หนังจึงพาตัวละครให้ได้ค้นหาตัวเองไปพร้อมกันด้วย

แต่ถ้าจะพูดในมุมมองหนังโรแมนติก มันคงไม่แปลกนักที่ซัมเมอร์อันอบอุ่น (ของเมืองหนาว) กับธรรมชาติอันงดงาม จะนำพาความรักมาทักทาย เพราะหลายครั้งชีวิตก็หนักหนาจนหัวใจและร่างกายมันอยากพัก ในช่วงเวลาที่ปลดเปลื้องจากทุกสิ่ง ใจมันก็อาจโล่งพอจะกลายเป็นหลุมให้รักเข้ามาตก และถ้าจะพูดในแง่มุมที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น บางคนที่อาจรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ดีพอ ก็อาจยังมีคนที่มองว่าเราดีพออยู่เช่นกัน ก็แค่ว่าเราจะเจอเขาตอนไหนวันไหนเท่านั้นเอง

หนังเรื่องนี้มีบางส่วนที่ฮีลใจคนที่รู้สึกยากลำบากกับบางปัญหาในชีวิต ขณะเดียวกันก็พาคนดูไปพบเจอกับบรรยากาศซัมเมอร์ๆ ของเมืองตากอากาศเล็กๆ ที่มีทั้งฉากทะเล ทะเลสาบ และสระว่ายน้ำ ชวนหย่อนใจ ซึ่งหนังก็ถ่ายภาพธรรมชาติได้สวยงามดีอยู่นะ เลือกย้อมสีให้น้ำทะเลดูเข้มซึ่งบางทีมันก็เหมาะกับซีนที่เห็นธรรมชาติเยอะๆ แต่หลายครั้งก็ดูมืดเกินไปอยู่เหมือนกัน ระหว่างดูยังคงรู้สึกว่า เคมีของแต่ละตัวละครยังไม่ค่อยกลมกลืนกันมากนัก โดยเฉพาะคู่พระนาง ขณะที่บทก็ดูจะฝืนๆ แถมแตะหลายปัญหาแบบนู่นนิดนี่หน่อย

การตัดต่ออาจไม่เป๊ะทั้งเรื่อง แต่ก็ยังมีหลายจุดที่หนังทำได้ดี ชอบตอนที่สองพระนางไปเที่ยวกันสองคนและหนังเล่าโดยไม่ต้องมีบทพูดนี่แหละ

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง