รีวิวหนัง Exhuma ขุดมันขึ้นมาจากหลุม | เมื่อทีมปราบผี เจออะไรที่เกินคาด

เป็นการรอคอยที่ยาวนานพอประมาณ หลังได้ยินข่าวว่าหนังเรื่องนี้ทำรายได้ขึ้นอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศของเกาหลีใต้ มีนักแสดงที่คุ้นหน้าคุ้นตาร่วมงาน เริ่มมีความหวังเมื่อได้ยินว่ามีคนนำเข้ามาฉายในไทย ก็นับวันมาตั้งแต่นั้น จนในที่สุดก็ได้โอกาสนั้นในวันนี้ วันที่ ‘Exhuma’ หรือชื่อไทย ‘ขุดมันขึ้นมาจากหลุม’ เริ่มฉายในรอบสื่อ

ความเห็นส่วนตัวของนายแพท

หนังแนวลึกลับระทึกขวัญจากเกาหลีมาถึงเมืองไทยแล้ว หนังที่ขึ้นอันดับหนึ่งบ็อกออฟฟิศบ้านเขาได้ถึง 3 สัปดาห์ติด จนน่าสนใจว่า หนังมันสนุกอย่างไรกัน เมื่อได้ดูก็พบว่ามันเล่าเรื่องการรวมทีมของตัวละครหลักทั้งสี่ ที่บังเอิญปล่อยวิญญาณร้ายหลังเพิ่งขุดออกมาจากหลุม ก่อนที่ทั้งสี่จะได้พบเจออะไรที่มากกว่านั้น หนังมีความเป็นหนังปราบผี ที่พาลุ้นระทึก ยากเกินคาดเดา มีชั้นเชิงในการเล่าโดยไม่ต้องพึ่งพาแต่ฉาก jumpscare และบางส่วนต้องอาศัยความรู้เชิงประวัติศาสตร์ชาติเกาหลีมาช่วยด้วยนิดหน่อยด้วย

โดยรวมแล้วมันสนุกและน่าติดตามเป็นอย่างมาก ขณะที่ 4 นักแสดงนำก็เล่นดีและเข้าขา โดยเฉพาะ คิมโกอึน เธอโดดเด่นเป็นที่สุดครับ

เรื่องย่อหนัง ‘Exhuma’

เรื่องมันเริ่มต้นที่ อีฮวาริม (Kim Go Eun/คิมโกอึน จากซีรีส์ ‘Little Women’ และ ‘Yumi’s Cells’) และบงกิล (Lee Do Hyun/อีโดฮยอน จากซีรีส์ ’18 Again’ และ ‘Youth of May’) ชายหนุ่มผู้มีความสามารถในการติดต่อกับวิญญาณ ได้รับการติดต่อจากชายหนุ่มผู้ร่ำรวยคนหนึ่งให้ไปตรวจสอบกรณีผีร้ายตามรังควานลูกชายคนแรกที่ลอสแองเจลิส แต่เมื่อไปถึง ฮวาริมมองว่างานนี้ใหญ่เกินตัวจนต้องการทีมงานเพิ่ม

ในอีกด้านหนึ่ง คิมซังด็อก (Choi Min Sik/ชเวมินชิก จากหนัง ‘Oldboy’ และ ‘Lucy’) นักธรณีวิทยาหรือจะเรียกว่าซินแสฮวงจุ้ยก็ได้ ร่วมงานกันกับ สัปเหร่อยองกึน (Yoo Hae Jin/ยูแฮจิน จากหนังเรื่อง ‘Dog Days’) รับงานขุดหลุมฝังศพ ย้ายหลุม และหาทำเลที่เหมาะจะทำเป็นสุสาน แต่ในตอนนี้ ทั้งสี่กำลังรวมตัวกันเพื่อรับมือกับงานใหญ่

เมื่อมองว่าการแก้ไขเหตุถูกผีรังควานก็คือการไล่ผีพร้อมๆ กันไปกับขุดหลุมเอาโลงศพขึ้นมา แต่ว่ายังไม่ทันที่จะนำศพไปเผา โลงนั้นก็กลับถูกเปิดขึ้นเสียก่อน ส่งผลให้วิญญาณร้ายหลุดออกมา แล้วทีนี้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่จะทำเช่นไร

รีวิวหนัง ‘ขุดมันขึ้นมาจากหลุม’

ผลงานจากผู้กำกับ จางแจฮยอน (ผลงานก่อนหน้า ‘Svaha: The Sixth Finger’) ที่ก็ลงมือเขียนบทเองด้วย ดูท่าทางเขาจะต้องการสร้างหนังที่บอกเล่าอะไรที่เป็นกลิ่นอายเกาหลีในด้านที่เกี่ยวกับวิญญาณและประวัติศาสตร์ แต่ไม่ได้ต้องการให้มันออกมาเป็นหนังแนวสยองขวัญทั่ว ๆ ไป เขาจึงเลือกจะเล่ามันให้สไตล์ของหนังสืบสวนสอบสวน โดยมีตัวละครหลักเป็นทีม 4 คน แต่ละคนก็จะเก่งกาจกันไปคนละด้าน แต่รวม ๆ แล้วก็เป็นไปในเชิงคนตายและคนทรงเจ้าอะไรแบบนั้น โดยที่ก็จะมีทั้งพวกเขาหัวเก่าและวัยรุ่นยุคใหม่ผสมๆ กัน

เมื่อเคล้าคนกันแล้ว มันจึงออกมาเป็น ‘ขุดมันขึ้นมาจากหลุม’ หนังที่เดินเรื่องด้วยคนสี่คน หนึ่งนักธรณีวิทยาคนที่หากินกับการหาพื้นที่สุสาน สัปเหร่อผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการซากศพ หมอผีคนทรงสาว และหมอผีรุ่นใหม่เจน Z ที่ต้องไปเจอกับวิญญาณร้ายที่ไม่เหมือนกับตัวใด ๆ ที่พวกเขาเคยพานพบมา

เรื่องราวในหนังจะถูกเล่าไปไกลกว่าที่คนทั่วไปจะได้รู้จากตัวอย่างไปเยอะมาก แน่นอนว่า มันจะไม่ได้มีแค่การขุดเอาโลงศพขึ้นมาและปลดปล่อยวิญญาณโดยบังเอิญ แต่มันจะเล่าต่อจากนั้นไปอีก และสี่ตัวละครก็ต้องช่วยกันแก้ไขปัญหานี้ให้ลุล่วงโดยไม่มีใครรู้ว่ามันจะจบแบบใด

สิ่งที่เราได้เห็นจุดแรกเลยก็หนังใช้วิธีการเล่าโดยแบ่งบทราวกับอ่านหนังสือ ทำให้ผู้ชมรู้สึกติดตามเรื่องง่าย จุดต่อมาก็คือ เราจะได้เห็นการสวมบทบาทเป็นหมอผีคนทรงของ คิมโกอึน สำหรับคนที่ชื่นชอบทั้งหน้าตาและการแสดงของเธอ นี่คือ การปล่อยของครั้งสำคัญ โกอึนเป็นคนทรงที่สวยและมีเสน่ห์ เธอวางท่วงท่าการร่ายรำ โดยเฉพาะการร้องที่ฟังดูก็รู้ว่าเธอมีความสามารถในด้านการร้องเพลง

สิ่งต่อมาก็คือ หนังมันเปิดโอกาสให้คนดูได้ลุ้นระทึกแถมนั่งคาดเดาไปพร้อม ๆ กับตัวละคร คล้ายว่าคนดูล่วงรู้กติกาของเกมแล้ว แต่ไม่รู้ว่าตัวไหนดี ตัวไหนร้าย ไม่ว่าจะเดาถูกหรือผิดก็ชวนบันเทิงได้ทั้งสอบแบบ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ หนังเตรียมเซอร์ไพรส์ไว้ให้เราหลายตลบ ตัวละครทั้งสี่ก็เซอร์ไพรส์ไปกับเราเช่นกัน เรียกได้ว่ามีความเป็นหนังปราบปีศาจ แต่ก็ให้อารมณ์เหมือนนักสืบที่สืบเรื่องนึงดันไปเจออีกเรื่อง คราวนี้ก็รับมือไม่ถูกกันล่ะสิ อะไรแบบนี้เป็นต้น

ในเรื่องนี้ เราจะได้เห็นฝีมือของ ชเวมินชิก อีกครั้ง ต้องบอกว่าเล่นแต่ละเรื่องก็ไม่เคยจะเหมือนกันสักเรื่อง ด้าน ยูแฮจิน ก็สวมบทชายที่เนิร์ดในด้านสัปเหร่อ ขณะที่ตัวละครของ อีโดฮยอน หมอผีรุ่นใหม่ที่โดนจับมาสักหน้า เขารับบทตีกลองพลางร้องประสานไปกับฮวาริม เป็นบทรสชาติใหม่ที่ไม่เคยได้ลิ้มลอง

รวม ๆ แล้วมันไม่ได้เป็นหนังผีที่เน้นความน่ากลัว หนังไม่ค่อยใช้ช็อตตุ้งแช่มากนัก (แต่ก็มีคนดูที่กลัวผีบางคนที่สะดุ้งได้อยู่เหมือนกัน) มีความเป็นหนังรวมทีมปราบปีศาจ แต่เล่าในสไตล์หนังนักสืบ พาคนดูลุ้นระทึก เหวอ สลับเซอร์ไพรส์ สร้างแต่ความไม่น่าไว้วางใจ ก่อนจะพบว่าหนังมีความนัยแอบแฝงถึงเรื่องราวในอดีต และในช่วงท้ายของหนังก็เริ่มจะมีบางส่วนที่ชวนสงสัยอยู่บ้าง ราวกับต้องใช้การศึกษาประวัติศาสตร์ชาติเกาหลีมาเสริมความเข้าใจด้วย

แม้ว่ามันจะเป็นหนังที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับผี แต่เอาเข้าจริง มันคือหนังที่เล่าเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติซะมากกว่า ไม่ค่อยมีฉากสยองนัก (หรือมีแต่ก็ไม่ทำให้เห็นแบบเต็ม ๆ) เป็นหนังที่คนกลัวผีดูได้ ส่วนคนไม่กลัวผีก็ดูสนุก และเป็นหนังที่เหมือนจะยาว แต่ก็ตรึงเราให้อยู่กับมันได้ตลอดตั้งแต่จบยันจบครับผม

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง