ถ้าจะมีหนังสักเรื่องหนึ่งที่มุ่งมั่นจะเป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่เทียบชั้นกับบรรดาหนังจากฮอลลีวูดได้ มีพล็อตที่ยิ่งใหญ่อย่างการเอาตัวรอดจากภัยร้ายบนพื้นที่ปิดกลางอากาศอย่างเครื่องบิน ผสมกับการหยิบภัยจากโรคระบาดที่มนุษยชาติเผชิญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หนังเรื่องนั้นก็จะคงเป็นเรื่องนี้แหละครับ ‘Emergency Declaraion’ หรือชื่อไทย ‘ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ’ หนังรวมดาราแดนกิมจิเอาไว้อย่างคับคั่ง
งานนี้ นอกจากมีดาราเกาหลีใต้เดินกันให้ขวักไขว่เต็มหนังแล้ว ก็ยังมาพร้อมกับโปรดักชันที่ใหญ่เบิ้มพอสมควร ด้วยการเนรมิตฉากเครื่องบินหมุนคว้างกลางอากาศเพื่อภาพให้ออกมาสมจริงมากที่สุด พร้อมด้วยบทที่ใช้นักแสดงเปลืองที่สุดเรื่องหนึ่ง ถ่ายทอดออกมาให้กลายเป็นหนังมหันตภัย-เอาตัวรอด-โรคระบาด พร้อมเสนอแง่มุมต่างๆ เท่าที่จะอัดใส่เข้าไปได้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ นี้
ก่อนอื่น เราลองมาทำความรู้จักกับเรื่องราวคร่าวๆ ของหนังเรื่องนี้กันก่อนเนอะครับ
เรื่องย่อหนัง ‘Emergency Declaration’
ในวันหนึ่ง ผู้คนจำนวนหนึ่ง กำลังซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อไปยังฮอโนลูลู ฮาวาย ด้วยเหตุผลแตกต่างกันไป แต่ไม่มีใครเลยที่จะรู้ว่า เที่ยวบินของตนกำลังเผชิญกับภัยร้ายที่มาจากผู้โดยสารคนหนึ่งบนเครื่อง แม้ว่าก่อนหน้านั้น จะมีการปล่อยหนึ่งออกมา แต่เหมือนจะไม่มีใครปักใจเชื่อจนเมื่อได้รับรู้ว่าสิ่งนั้นมันเกี่ยวข้องกับตัวเอง นักสืบอินโฮ (Song Kang Ho/ซงคังโฮ จากหนังเรื่อง ‘Parasite’ และ ‘Broker’) ผู้ที่เพิ่งรู้ว่าเมียรักอยู่บนเครื่องลำนั้นเริ่มติดตามหาผู้โดยสารที่เป็ต้นตอคนปล่อยคลิปคนนั้น
เช่นกัน แจฮยอก (Lee Byung Hun/อีบยองฮอน จากซีรีส์เรื่อง ‘Squid Game’, ‘Our Blues’ และหนังเรื่อง ‘G.I. Joe: The Rise of Cobra’) พ่อลูกหนึ่งที่อยู่บนเครื่องก็เพิ่งได้รับรู้เรื่องคลิปนี้ ก่อนที่เหตุไม่คาดคิดจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อผู้โดยสารบนเครื่องได้เสียชีวิตอย่างปริศนา ก่อให้เกิดความวุ่นวายและโกลาหล
กัปตันบนเครื่องขอลงจอดฉุกเฉิน แต่กลับได้รับรู้จากภาคพื้นดินของสนามบินหลายแห่งระบุแจ้งกลับมาว่าพวกเขาไม่อนุญาตให้เที่ยวบินนี้ลงจอด งานนี้ร้อนไปถึงรัฐมนตรีหญิงซุกฮี (Jeon Do Yeon/จอนโดยอน จากหนังเรื่อง ‘A Man and A Woman’ และ ‘The Housemaid’) ต้องลงมาช่วยจัดการ เหตุการณ์อันยุ่งยากที่มีเวลาและน้ำมันบนเครื่องเป็นเดิมพันนี้จะจบอย่างไรกันนะ?
รีวิวหนัง ‘ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ’
ข้อมูลในตัวอย่างอาจจะไม่ได้บอกอะไรเรามากนัก เราอาจรู้ได้แค่เพียงว่า เกิดเหตุร้าย มีคนตายบนเครื่อง แต่แท้ที่จริงแล้ว มันเป็นเหตุที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสตัวหนึ่ง ที่มีคนร้ายนำมันขึ้นเครื่องมาด้วยเหตุผลบางอย่างเพื่อหวังให้คนทั้งลำตายกันหมด
เหตุการณ์ทุกอย่าง เริ่มต้นขึ้นที่สนามบินในช่วงเวลาที่ผู้คนต่างมาเพื่อเช็คอิน โหลดกระเป๋าและรอขึ้นเครื่อง หนังใช้ช่วงเวลานั้นเพื่อให้เราทำความรู้จักกับตัวละครแต่ละตัว พร้อมกับบอกให้เรารับรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นบนเครื่องบินลำนั้น พอเครื่องเทคออฟ จากโหมดปูพื้นฐานก็เข้าสู่โหมดลึกลับแล้วต่อด้วยระทึกขวัญในทันที
‘ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ’ คือการหยิบเอาพล็อตก่อการร้ายบนเครื่องบินมาผสมรวมเข้ากับเหตุโรคร้ายจากไวรัสนั่นเอง เมื่อมีการติดเชื้อบนเครื่องบินที่กำลังทำการบินอยู่บนฟ้า หนังทำให้เรามองเห็นว่าแต่ละคนจะรับมือกับมันอย่างไร โดยใส่มุมมองต่างๆ เข้ามา บางพวกอาจไม่ยินยอมให้เอาเครื่องลงจอดเพราะเกรงว่าไวรัสจะระบาดเข้าสู่ประเทศตน ญาติของคนบนเครื่องบินลำนั้นต่างเฝ้ารอคอยด้วยใจจดจ่อหวังให้พวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย คนของรัฐจะรับมือแบบไหน องค์กรที่เกี่ยวข้องจะแสดงความเห็นแก่ตัวแบบใด ขณะที่คนบนเครื่องเองก็มีหลายรูปแบบ-ความคิด-การกระทำทั้งที่น่าหมั่นไส้และน่าสงสาร
อันที่จริง ก็เหมือนกับการจำลองสถานการณ์ของมนุษยชาติในการรับมือกับโรคระบาดที่เกิดขึ้นจริงนั่นแหละ เพราะในช่วงที่ผ่านมา โควิด-19 คือภัยโรคระบาดที่ชัดเจนที่สุดแล้ว และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นตอนมันระบาดต่างก็ถูกนำมาบอกเล่าในหนังเรื่องนี้
ด้วยงานสร้างที่เห็นทุ่มทุนกันยิ่งเสียกว่า ‘Train to Busan’ ฉากที่เห็นส่วนใหญ่มองว่าใช้พลังซีจีเข้าช่วยไว้เยอะ เห็นว่าทีมหนังสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 777 ลำจริงมาใช้ในการถ่ายทำกันเลยทีเดียว หรืออย่างฉากพลิกเครื่องบินนั่นก็เช่นกัน ทุ่มทุนสร้างฉากที่พลิกเครื่อง 360 องศาเพื่อสร้างความระทึกที่สมจริงให้มากที่สุด
หนังทำให้เห็นว่า เขียนบทมาน่าสนใจ คิดมาดี แม้จะมีดารามากมายล้นจอแต่เกลี่ยบทให้ทุกตัวละครได้มีโอกาสฉายความโดดเด่นในช่วงเวลาของตนเอง แถมยังเก็บทุกเม็ดอย่างไม่ยอมให้มีอะไรตกหล่น แทรกใส่ทุกมุมมองของแต่ละฝักฝ่ายจนอาจทำให้หนังยาวกว่าปกติ แต่เขาก็ดำเนินเรื่องได้ดี การดูหนังเรื่องนี้จึงไม่ต่างอะไรกับโรลเลอร์โคสเตอร์ ที่ฉากนี้ลุ้นระทึกเล็บจิกเบาะ อีกฉากนั่งร้องไห้น้ำตาไหลริน จากนั้นก็กลับมาลุ้นต่อกันใหม่ แถมมีช็อตให้หลุดขำได้อีก ไม่พอ หนังยังเตรียมพล็อตรองไว้ให้กับสองตัวละครที่เคยมีปัญหาค้างคาใจและส่งผลถึงปัจจุบัน พวกเขาจะได้รับโอกาสได้เคลียร์ใจกันในเหตุคับขันครั้งนี้
ขณะที่นักแสดงแต่ละคนล้วนทำหน้าที่ตัวเองไว้ได้ดีแทบไม่มีบกพร่อง โดยเฉพาะ อิมชีวาน ที่เล่นเป็นจินซอก ชายหนุ่มผู้ที่มีบุคลิกจิตๆ และความคิดอันแปลกประหลาด เขาโผล่มาตั้งแต่ช่วงแรกของหนังแล้ว แต่เขาก็กลายเป็นตัวละครสำคัญที่ป่วนให้เครื่องลำนั้นต้องปั่นป่วนโกลาหล
กลายเป็นหนังแนวเอาตัวรอดบนเครื่องบินที่ยาวนานเฉียด 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ไม่มีส่วนไหนทำให้รู้สึกน่าเบื่อเลย แถมยังได้รับครบทุกรสชาติ ลุ้นจิกเบาะ เสียน้ำตาสะเทือนใจ เครียดและเศร้าใจกับการรับมือของแต่ละฝ่าย เข้าใจความเป็นมนุษย์ เข้าใจหัวอกคนอื่น พร้อมๆ กับการเอาใจช่วยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ไปดูหนัง ออกจากโรง แมสก์เปียกเลยจ้า!
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Emergency Declaration / ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ / 비상선언 |
กำกับ | Han Jae Rim |
เขียนบท | Han Jae Rim |
แสดงนำ | Song Kang Ho, Lee Byung Hun, Jeon Do Yeon, Kim Nam Gil, Im Si Wan, Kim So Jin, Park Hae Joon, Seo Suk Kyu |
แนว/ประเภท | Action, Drama, Thriller |
เรท | ไทย/น18+ |
ความยาว | 147 นาที |
ปี | 2022 |
สัญชาติ | เกาหลีใต้ |
เข้าฉายในไทย | 4 สิงหาคม 2022 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | C-JeS Entertainment, Magnum9, Showbox Entertainment |
ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ
พล็อตและบท - 8
การแสดง - 8
การดำเนินเรื่อง - 8.4
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.7
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 8.1
8
Emergency Declaration
หนังรวมดาราเกาหลีที่เขียนบทได้ดี ทั้งที่ยาวตั้ง 2 ชม. 27 นาที แต่ไม่มีวินาทีไหนที่สูญเปล่า โปรดักชันขั้นเจ๋ง เล่าเรื่องได้เหมือนโรลเลอร์โคสเตอร์ เดี๋ยวลุ้น เดี๋ยวเศร้า แอบมีขำนิดหน่อย นักแสดงเล่นกันดีทุกคนจนไม่รู้จะติอะไร กำลังลุ้นใจเต้นอยู่หนังก็พาไปเสียน้ำตาได้เฉย