เมื่อสองสามปีก่อน เราเคยมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับ Neill Blomkamp ผู้กำกับหน้าใหม่ที่ทั้งเขียนเรื่อง เขียนบท และทำหน้าที่กำกับหนังเองจากเรื่อง ‘District 9’ หนังมนุษย์ต่างดาวที่ค่อนข้างแปลกใหม่แถมยังสร้างปรากฏการณ์คำชมไปทั่วโลก พร้อมด้วยรายได้ที่ค่อนข้างสร้างรอยยิ้มให้ค่ายหนังได้มาก มาปีนี้ ผู้กำกับคนเดิมกลับมาอีกครั้งพร้อมหนังไซไฟอย่าง ‘Elysium‘
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า “เอลลิเซียม” เป็นชื่อของอะไร แต่ชื่อนี้เคยถูกนำมาใช้อยู่หลายหนแล้ว มันเคยเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่หมายมุ่งจะรุกรานดาวโลกในแอนิเมชั่นเมื่อปี 2003 เคยเป็นหนังสั้นเป็นอะไรต่อมิอะไรมาหลายอย่างพอสมควรที่เราไม่เคยได้รู้จักมาก่อน …จนวันนี้ ในเรื่องนี้มันคือสถานีอวกาศขนาดยักษ์ที่ลอยอยู่นอกโลก
หลังได้กระแสดีจากหนังยาวเรื่องแรก มาเรื่องนี้ Blomkamp ใช้ทุนสร้างไปถึง 115 ล้านเหรียญ มากกว่าเรื่องแรกที่ใช้ไปเพียง 30 ล้านเหรียญเท่านั้น สิ่งที่ได้กลับมาคือความอลังการงานสร้างของคอมพิวเตอร์กราฟิก เพราะต้องมีฉากสถานีอวกาศยักษ์ที่นอกโลก ขณะที่เนื้อหาของหนังค่อนข้างใกล้เคียงกับเรื่องก่อนอยู่พอประมาณ หลังจาก ‘District 9’ พูดถึงการกดขี่และความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นระหว่างมนุษย์ผู้เชื่อว่าตัวเองเป็นเจ้าของโลก กับมนุษย์ต่างดาวคล้ายกุ้งผู้มาเยือนที่ถูกปฏิบัติเยี่ยงชนชั้นต่ำ
เรื่องย่อหนัง ‘Elysium’
มาใน ‘เอลลิเซียม’ เขาก็เปลี่ยนไปเล่าในสเกลที่ใหญ่ขึ้น กลายเป็นกลุ่มคนสองกลุ่มในโลกอนาคตราวปี ค.ศ.2154 คนกลุ่มแรกรวยล้นฟ้า สามารถเป็นพลเมืองบนยาน Elysium ซึ่งมีระบบการรักษาขั้นสุดยอด ใครเป็นอะไรรักษาได้หมด เป็นพวกมีชีวิตหรูหราอายุยืน ต่างกับคนบนพื้นโลกที่อยู่กันอย่างแออัดแย่งกันกินแย่งกันใช้ สวัสดิการชีวิตน้อยกว่ามาก มองไปแล้วก็คือคนจนๆ นี่เอง ความยากจนข้นแค้นทำให้หลายคนเริ่มจะหาทางขึ้นไปบนเอลลิเซียมให้ได้ หลายคนเก่งจนขับยานขึ้นไปได้สำเร็จแต่ก็ถูกยิงถูกจับส่งกลับลงมาจนได้
พระเอกของเรา แมกซ์ (Matt Damon จากหนังเรื่อง ‘The Martian’ และ ‘Oppenheimer’) ที่เรื่องก็ไม่ได้บอกว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แต่เติบโตมากับซิสเตอร์ มีเพื่อนหญิงที่สนิทมากคนหนึ่ง เฟรย์ (Alice Braga) ก่อนวันเวลาจะทำให้สองคนห่างกัน เขาทำงานเป็นคนงานสร้างหุ่นดรอยด์ที่วันหนึ่งถูกรังสีเข้าไปอย่างจังและมีชีวิตเหลืออยู่เพียงไม่กี่วัน
ทางรอดเดียวคือขึ้นไปรักษาบนนั้น
ที่นั่น ก็มีระบบการเมืองเหมือนกับที่เราคุ้นเคย และมีตัวละครสำคัญอย่าง โรดส์ (Jodie Foster จากหนังเรื่อง ‘Flightplan’ และ ‘The Mauritanian’) ผู้ตั้งมั่นในการดูแลธำรงค์ไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยแห่งโลกใหม่นี้ แถมยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นอีกด้วย
รีวิวหนัง ‘เอลลิเซี่ยม ปลดแอกโลกอนาคต’
ดูพล็อตหนังแล้วมันเดิมๆ ไม่ได้มีอะไรใหม่นอกไปจากสถานการณ์ที่ต่างออกไป เปิดให้ใช้ทุนสร้างได้มากกว่าเดิม แต่ความสดจะหายไป งานด้านซีจีนั้นเรียบเนียนอยู่ ขณะที่งานด้านการถ่ายภาพนั้น ดูแปลกตาอยู่บ้างในหลายๆ ช็อตโดยเฉพาะฉากแอ็คชั่นต่อสู้ ขณะที่ช็อตเล่าเรื่อง หลายหนก็ใช้เทคนิคแฮนด์เฮลด์จนภาพสั่นไหวสลับไปกับภาพปกติ ดำเนินเรื่องได้ลุ้นพอประมาณแต่ช็อตดราม่ากลับไม่ทำให้ใจสั่นไหวได้เท่า ‘District 9’ กลายเป็นว่า การเล่าอะไรคล้ายๆ เดิมแต่ใช้เงินเพิ่มขึ้น กลับไม่ช่วยตอบโจทย์ให้กับ ‘เอลลิเซียม’ ได้เท่าที่ควร
ที่เริ่มเบื่อๆ แล้วก็คงเป็นดนตรีประกอบหนัง ที่ไม่ว่าจะหนังระทึกขวัญหรือหนังซูเปอร์ฮีโร่ไหนๆ ก็มาแนวนี้กันหมด จนแทบจะแยกไม่ออกแล้วก็เพลงไหนจากหนังเรื่องไหน
เนื้อหาดูท่าทางมีอะไร วิพากษ์สังคมและความเหลื่อมล้ำของชนชั้นได้น่าสนใจ แต่ด้วยความที่พล็อตนี้เคยใช้มาแล้วโดยผู้กำกับคนเดิม และการคลี่คลายปมของเรื่องก็ดูจะง่ายดายไปนิด จุดพีคมันก็ไม่ได้เท่าที่ควร จุดดราม่าก็ไม่อาจเรียกน้ำตาได้ มันจึงทำให้หนังไปไม่ถึงเท่าที่หนังพล็อตคล้ายกันจากผู้กำกับคนเดิมเคยทำได้มาก่อน
ยอมรับว่าดูได้เพลินๆ แต่ความประทับใจยังได้ไม่เพียงพอเท่านั้นเอง
ชื่อภาพยนตร์: Elysium / เอลลิเซี่ยม ปลดแอกโลกอนาคต
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Neill Blomkamp
ผู้เขี่ยนบทภาพยนตร์ : Neill Blomkamp
นักแสดงนำ : Matt Damon, Jodie Foster, Sharlto Copley, Alice Braga, Diego Luna
แนว/ประเภท : Action, Drama, Sci-Fi
เรท: ไทย/น15+ , USA/R
ความยาว: 109 นาที
ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: TriStar Pictures, Alpha Core, Media Rights Capital
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 19 กันยายน 2556
เอลลิเซี่ยม ปลดแอกโลกอนาคต
Elysium - 6
6
Elysium
เนื้อหาดูท่าทางมีอะไร วิพากษ์สังคมและความเหลื่อมล้ำของชนชั้นได้น่าสนใจ แต่ด้วยความที่พล็อตนี้เคยใช้มาแล้วโดยผู้กำกับคนเดิม และการคลี่คลายปมของเรื่องก็ดูจะง่ายดายไปนิด จุดพีคมันก็ไม่ได้เท่าที่ควร จุดดราม่าก็ไม่อาจเรียกน้ำตาได้ มันจึงทำให้หนังไปไม่ถึงเท่าที่หนังพล็อตคล้ายกันจากผู้กำกับคนเดียวกันเคยทำได้มาก่อน ยอมรับว่าดูได้เพลินๆ แต่ความประทับใจยังได้ไม่เพียงพอเท่านั้นเอง