เกมกีฬาอย่างฟุตบอลเป็นอะไรที่ครองใจคนทั้งโลกอยู่แล้ว แต่เมื่อมีหนังสักเรื่องที่หยิบเกมกีฬายอดนิยมประเภทนี้เล่าในมุมที่เราไม่เคยเห็นบ้าง มันก็อาจเป็นมุมมองที่น่าสนใจไปได้เหมือนกัน วันนี้ เน็ตฟลิกซ์นำหนังเกาหลีเรื่องใหม่ที่เล่าถึงสิ่งเหล่านั้น และมันชื่อสั้นๆ ว่า ‘Dream’ ครับผม
โปรเจกต์ของผู้กำกับที่ยาวนานเป็นสิบปี กว่าจะสำเร็จเป็นตัวหนังที่สมบูรณ์ให้เราได้รับชมกัน อีบยองฮอน เจ้าของผลงานซีรีส์ ‘Be Melodramatic’ และภาพยนตร์สุดฮาอย่าง ‘Extreme Job’ หนังเรื่องผู้กำกับเขาได้รับแรงบันดาลใจจากการจัดการแข่งขัน Homeless World Cup ซึ่งเป็นเกมฟุตบอลคนไร้บ้านที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปี 2010 เป็นปีแรกที่เกาหลีใต้ส่งทีมไปร่วมแข่งขัน แถมยังคว้ารางวัล Best Newcomer มาครองได้อีกต่างหาก
ชักน่าสนใจแล้วช่ายมะ ว่าหนังที่เล่าเรื่องฟุตบอลเวิลด์คัพเพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาคนไร้บ้านนี่มันจะออกมายังไง
เรื่องย่อหนัง ‘Dream’
ยุนฮงแด (พัคซอจุน จากซีรีส์เรื่อง ‘Itaewon Class ธุรกิจปิดเกมแค้น’ และหนังเรื่อง ‘Parasite ชนชั้นปรสิต’) เขาเป็นนักฟุตบอลดาวรุ่งที่รู้สึกว่าตัวเองพยายามเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถก้าวไปเทียบเท่าคนเก่งๆ ซักที แต่วันนึง เข้าก็ไปก่อเรื่องฉาวเข้าด้วยการจกตาผู้สื่อข่าว ส่งผลให้อีกวัน เขาถูกลงโทษทางวินัย และต้องกลายมาเป็นโค้ชให้กับทีมชาติฟุตบอลคนไร้บ้านอย่างไม่เต็มใจสักเท่าไหร่ แถมด้วยคนพวกนี้ ต่างก็ไม่เคยเล่นฟุตบอลมาก่อน พื้นฐานน่ะเหรอ เรียกว่าไม่มีเลยก็ว่าได้
ภารกิจของเขาก็คือ ฝึกนักกีฬาเหล่านี้เพื่อเข้าไปทำการแข่งขันฟุตบอลโลกของคนไร้บ้าน หรือ Homeless World Cup ที่จัดขึ้น ณ ฮังการี
แต่งานนี้ก็ทำให้เขาได้พบกับ อีโซมิน (IU/อีจีอึน จากซีรีส์เรื่อง ‘My Mister คุณลุงของฉัน’ และหนังเรื่อง ‘Broker จัดหารัก’) หญิงสาวที่มาทำหน้าที่เป็นพีดี หรือโปรดิวเซอร์ให้กับรายการสารคดีตามติดชีวิตโค้ชและนักกีฬา
รีวิวหนัง ‘ดรีม’
ในโลกของการเป็นนักกีฬา มันก็มักจะควบคู่มากับการรักษาภาพลักษณ์ เมื่อใครสักคนไปก่อเรื่อง สร้างความรุนแรง โดยเฉพาะกับสื่อ ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องถูกลงโทษในทางวินัย ต้องไปฟื้นฟูภาพลักษณ์ด้วยการเป็นโค้ชให้กับทีมชาติในเกมฟุตบอลของคนไร้บ้าน ที่แต่ละคนต่างก็ไม่มีพื้นฐานด้านนี้มาก่อนเลย แล้วปรับให้พวกเขาเล่นร่วมให้มันเป็นทรงขึ้นมาได้
เมื่อพูดถึง Homeless World Cup ก็คงต้องบอกว่า เป็นชื่อที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน การได้ดูหนังเรื่องนี้ก็ทำให้ได้รู้ว่า มันมีอยู่นะ ฟุตบอลโลกของคนไร้บ้านเนี่ย และเกาหลีก็เข้าร่วมกับเขาด้วย ซึ่งเมื่อหนังเล่าเรื่องนี้ก็ทำให้นอกจากได้รู้จักแล้ว มันยังทำให้เป็นอีกครั้งที่หนังของ อีบยองฮอน เล่าเรื่องคนเป็นกลุ่มที่ต้องทำภารกิจร่วมกัน
คราวนี้ กลุ่มก้อนนั้นก็คือ บรรดาเหล่าคนไร้บ้านทั้งหลายที่ถูกเลือกมาตั้งเป็นทีมฟุตบอล ในสนามฝึกซ้อม เราจะได้เห็นความเฟอะฟะพาฮากลิ้ง แต่บทหนังก็พาเราออกนอกสนามไปเจอกับเรื่องราวชีวิตที่หักเหพาพวกเขาให้ต้องกลายมาเป็นคนไร้บ้าน (ที่ก่อนหน้านั้น ถูกเรียกว่า คนจรจัด) พวกเขามีชีวิตที่ลำบากยังไง เจออะไรมาบ้าง และพวกเขาหวังอะไรอยู่ ความจริงจังสิ่งเหล่านั้น ถูกถ่ายทอดออกมาให้เรารู้ผ่านเรื่องที่ชวนขบขันอารมณ์ดี
โค้ชหนุ่มที่เป็นนักฟุตบอล แม้จะเป็นตัวท็อปแต่ก็ยังเป็นได้แค่ตัวรอง ไม่เคยโดดเด่นเท่าตัวท็อปกว่าได้สักที มีแม่ที่หลบหนีการจับกุมของตำรวจ และถูกสื่อถามจี้จนน็อตหลุด กับสาวน้อยโปรดิวเซอร์ที่ติดตามถ่ายทำสารคดีเองก็ต้องการทำให้งานของตนมันออกมาปัง ไม่งั้นเธอก็คงต้องกลายเป็นคนไร้บ้านเช่นกัน หนังเรื่องนี้จึงมุ่งเล่าเรื่องของคนผู้ต่อสู้ชีวิต แต่ชีวิตสู้กลับ และไม่เคยได้สมหวัง
Taglines: You are hopeless, helpless and homeless? No, you are NOT!
และด้วยความที่เป็นหนังเกี่ยวกับกีฬาฟุตบอล คนเขียนบทและกำกับจึงไม่ลืมที่จะเล่าเรื่องให้สนุกสไตล์หนังกีฬา หนังเล่าถึงพัฒนาการของโค้ชหนุ่มจำเป็นที่ค่อยๆ ซึมซับความรักในทีมคนไร้บ้านทีมนี้มากขึ้นทุกที เข้าใจถึงแก่นแท้ของมิตรภาพและการเป็นโค้ช เช่นเดียวกันกับทีมคนไร้บ้าน พวกเขาเริ่มจะหลอมรวมเป็นกลุ่มก้อน และเล่นด้วยหัวใจที่เป็นหนึ่งเดียว มากกว่าการมองเพียงแค่ชัยชนะ
หนังสร้างบันดาลใจได้ดีให้กับคนไร้บ้าน จุดไฟแห่งความหวังให้พวกเขามองเห็นว่าตนเองยังมีประโยชน์ แม้เป็นแค่คนที่นอนตามสถานีรถไฟ แต่ก็สามารถจะกลายเป็นตัวแทนของประเทศชาติได้ ยังสามารถจะกลับมายกระดับชีวิตของตนเองได้ พร้อมทั้งยังพาให้ผู้คนมองคนไร้บ้านในมุมมองใหม่ ได้เข้าไปทำความรู้จักในหลากหลายแง่มุม เห็นปัญหาชีวิตที่รุมเร้าพวกเขา
แม้หนังจะพาหัวเราะหน้าเปื้อนยิ้ม แต่มันก็แฝงความจริงของโลกทุนนิยมที่เจริญทางเทคโนโลยี ที่ไม่ทอดทิ้งคนชายขอบของสังคม เรื่องราวที่เลื่อนไหล จับจังหวะได้พอเหมาะพอเจาะ จนสามารถทำให้คนชาติอื่นอย่างเราให้คอยเอาใจช่วยทีมฟุตบอลทีมนี้ สมกับที่เป็นหนังที่ว่าด้วยกีฬา จากที่เคยฮาๆ มาตลอดเรื่อง ก็ทำให้น้ำตาซึมปลื้มปริ่มไปกับตัวละครได้ แถมหนังยังปิดท้ายได้โดนใจ
กลายเป็นหนังที่ได้ทั้งความฮาก๊าก ได้ทั้งดูไอยูที่น่ารักกว่าใคร และได้น้ำตาไหลกับมิตรภาพคนกีฬา ควรค่าแก่การรับชมจริงๆ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Dream / ดรีม / Deurim / 드림 |
กำกับ | Lee Byeong Heon |
เขียนบท | Lee Byeong Heon |
แสดงนำ | Park Seo Joon/พัคซอจุน, Lee Ji Eun/อีจีอึน/IU, Kim Jong Soo/คิมจงซู, อีฮยอนอู, โกชางซอก, จองซึงกิล, ยังฮยอนมิน, ฮงวานพโย |
แนว/ประเภท | คอเมดี้, ดราม่า, กีฬา |
เรท | |
ความยาว | 125 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | เกาหลีใต้ |
เข้าฉายในไทย | 25 กรกฎาคม 2023 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Oktober Cinema, Netflix, Megabox Plus M |
คะแนนหนัง ดรีม
พล็อตและบท - 7.5
การแสดง - 8
การดำเนินเรื่อง - 8
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.5
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 7.5
7.7
Dream
แม้หนังจะพาหัวเราะหน้าเปื้อนยิ้ม แต่มันก็แฝงความจริงของโลกทุนนิยมที่เจริญทางเทคโนโลยี ที่ไม่ทอดทิ้งคนชายขอบของสังคม เรื่องราวที่เลื่อนไหล จับจังหวะได้พอเหมาะพอเจาะ จนสามารถทำให้คนชาติอื่นอย่างเราให้คอยเอาใจช่วยทีมฟุตบอลทีมนี้ สมกับที่เป็นหนังที่ว่าด้วยกีฬา จากที่เคยฮาๆ มาตลอดเรื่อง ก็ทำให้น้ำตาซึมปลื้มปริ่มไปกับตัวละครได้ แถมหนังยังปิดท้ายได้โดนใจ กลายเป็นหนังที่ได้ทั้งความฮาก๊าก ได้ทั้งดูไอยูที่น่ารักกว่าใคร และได้น้ำตาไหลกับมิตรภาพคนกีฬา ควรค่าแก่การรับชมจริงๆ